"บ้านอีต่อง" หมู่บ้านชายแดนกลางหุบเขา ชายแดนไทย-พม่า หมู่บ้านที่มีสายหมอกไหลเอื่อยๆตลอดทั้งปีโดยเฉพาะหน้าฝน จุดนี้เองเป็นจุดที่ดึงดูดให้ใครหลายๆคนอยากจะเก็บกระเป๋าเดินทางไปเยือนหมู่บ้านเล็กๆกลางสายหมอกแห่งนี้สักครั้งในชีวิต เก็บกระเป๋าแล้วตามผมไปฟินกันสัก 2 วัน 1 คืน กันที่ บ้านอิต่อง-ปิล็อก กาญนะจ๊ะบุรี เอ้ย!!! กาญจนบุรี กันจร้าวางแผนเที่ยวก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนว่าผมมีเวลาค่อนข้างไม่กี่วันที่รู้ว่าจะมีทริปไปเที่ยว ซึ่งค่อนข้างจะตื่นเต้นพอควรเพราะไม่เคยไปเยือนที่นี่ จึงต้องวางแผนเที่ยว ประกอบกับมีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน จึงอยากใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุดกำหนดวัน-เวลา แน่นอนครับหมู่บ้านอิต่องเป็นหมู่บ้านที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่เสน่ห์ของอิต่อง หน้าจะเป็นช่วงหน้าฝน เราจึงต้องหาวันหยุดให้แน่นอน เพื่อเตรียมการขั้นต่อไปที่พัก ประเด็นต่อมาที่สำคัญคือที่พักเพราะหมู่บ้านนี้อยู่ไกลการเดินทางลำบาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีที่พักครับ ที่พักที่นี่มีหลายแบบ โดยมากจะเป็นตึกแถวที่ถูกรีโนเวทเป็นโฮมสเตย์ บางแห่งมีลานกางเต้นท์สำหรับสายแคมป์ปิ้งการเดินทาง เมื่อสำรวจเส้นทางจากกูเกิ้ล จะพบว่าการเดินทางไปยังหมู่บ้านสายหมอกแห่งนี้ต้องผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยว บนภูเขาหลายกิโลเมตร ผมจึงต้องตรวจสภาพยาง ตรวจสภาพรถ เพื่อให้พร้อมต่อการเดินทางCheck in แน่นอนครับการไปเที่ยวสถานที่หนึ่งไม่จำเป็นต้องไปแค่ที่เดียว ผมจึงมองที่เที่ยวที่อื่นไว้ค่อนข้างจะหลากหลายใกล้ๆบ้านอิต่อง อาทิ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก เหมืองปิล็อก ฯลฯ ตามไปดูในทริปดีกว่าครับเพื่อนๆอาจจะมีการเตรียมตัวที่มากกว่านี้ แต่สำหรับผมการวางแผนเที่ยวน่าจะประมาณนี้ครับ เมื่อวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาไปเที่ยวกัน หากเพื่อนๆพร้อมกันแล้ว ออกเดินทางกันครับDay1 กรุงเทพ-ปิล็อกผมเริ่มเดินทางตั้งแต่เช้ามืด ตามแผนที่วางไว้เพื่อจะได้ไปเช้าที่ตัวอำเภอกลางหุบเขา ทองผาภูมิ เอาเข้าจริงๆเช้านี้ค่อนข้างจะพิเศษสำหรับแฟนผมซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทางของทริปนี้ เราเลือกที่จะหาซื้อกับข้าวใส่บาตร หาอาหารร้อนๆใส่ท้อง พร้อมเดินทางที่คดเคี้ยวสูงชัน เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า คลายความเหนื่อยล้าลงไปจากการขับรถจากกรุงเทพมาถึง ทองผาภูมิ ก็ออกเดินทางต่อกันเลยครับ ต้องบอกว่าช่วงแรกการขับรถจากทองผาภูมิมุ่งสู่ ตำบลปิล็อก นั้นค่อนข้างจะสบายมากสำหรับผม เส้นทางจะผ่าน เขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนขนาดใหญ่ ที่เพิ่มความตื่นเต้น ให้ผมขณะเดินทาง จุดหมายต่อไปของผมคือ จุดชมวิว ซึ่งถือเป็นจุดพักรถไปด้วย หนทางที่จะขึ้นไปถึงที่นี่จากเขื่อนวชิราลงกรณ์นั้นค่อนข้างจะสูงชัน อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรครับ น้ำตกจ๊อกกระดิ่นหลังจากที่พักชมวิวได้สักระยะหนึ่ง เราเดินทางต่อไปเรื่อยๆผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จุดหมายระหว่างทางของเราคือน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ซึ่งมีป้ายบอกทางเล็กๆให้เพื่อนๆขับรถลงไปทางขวามือ อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังซักหน่อย เพราะทางที่นี่ค่อนข้างจะคับแคบและสูงซัน มีบางช่วงที่ต้องมีพี่ๆเจ้าหน้าที่คอยกั้นรถไม่ให้สวนทางกันเพราะรถเดินได้ทางเดียวเพิ่มเติม : "น้ำตกจ๊อกกระดิ่น" โดดน้ำแร่ ดับร้อน จ.กาญจนบุรีสำหรับค่าตั๋วเข้าน้ำตก ราคาของผู้ใหญ่อยู่ที่ 40 บาท สามารถนำไปใช้ใน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิได้ด้วย เมื่อซื้อบัตรซื้อตั๋วแล้วก็เดินมุ่งตรงเข้าไประยะทางประมาณ 300 เมตรก็ถึงน้ำตก น้ำตกที่นี่ค่อนข้างเย็น เป็นน้ำตกสูงที่ไหลผ่านซอกหิน ตกลงบนหน้าผาสูง สู่แอ่งน้ำด้านล่าง ผมเชื่อ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นอีกไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ที่ไม่มีไม่ได้เลย ที่อยู่ : น้ำตกจ๊อกกระดิ่น อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีพิกัด : https://goo.gl/maps/ddBUm6G9ViqzjbGK8โทร : 0-3451-0979เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท , ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาทบ้านอีต่องออกจากน้ำตกจ๊อกกระดิ่นขับย้อนกลับขึ้นไปบริเวณที่เราเลี้ยวเข้ามา แน่นอนทางขึ้นค่อนข้างชันครับ เมื่อถึงสามแยกเลี้ยวขวาตามป้ายบอกทางบ้านอีต่อง-ปิล็อก อีกไม่ไกลเกินใจจะต้องผ่าน ตำบลปิล็อก ที่นี่มีครบทั้งสถานีตำรวจ โรงเรียน โรงพยาบาล วัด อีกมากมายที่ผมเห็นระหว่างการขับรถ จากนั้นขับรถขึ้น-ลงไปตามทางที่จะไปบ้านอิต่องอีกไม่ไกลมากนัก เพื่อนๆจะพบกับหมู่บ้านกลางหุบเขา ซึ่งตอนนี้ นักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา อาจจะเพราะผมขึ้นมาถึงตอนเช้า ประกอบกับตอนนี้ฝนตกปรอยๆด้วย จึงหาที่จอดรถบริเวณริมสระน้ำขนาดกลางๆพร้อมทั้งนำกระเป๋าลงจากรถเดินข้ามสะพานเพื่อติดต่อ Check in เข้าที่พักเมื่อเดินข้ามสะพานเล็กๆมาถึงบริเวณหน้าที่พัก ที่พักที่ผมจองไว้ คือบ้านมะจิ๊สุติ่น ไม่แน่ใจว่าแปลว่าอะไรนะครับรู้แต่ว่าเป็นภาษาพม่า พวกเราเองน่าจะมาถึงเช้าไปนิดนึง จึงฝากของไว้ที่พักก่อนพร้อมไปหาอาหารกลางวันกิน ระหว่างรอเวลา Check in และรอฝนหยุดตกไปพลางๆพร้อมกับเดินสำรวจ บ้านอีต่อง กันบ้านอีต่อง เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งแต่ผมมาเยือนยันไม่มีนาทีไหนเลยที่มองไม่เห็นสายหมอกเลย ถือเป็นความประทับใจแรกที่เจอกันจนผมหลงรักหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ไปแล้ว ผมเริ่มสำรวจจากการเดินไปที่ทำการเหมืองปิล็อก ซึ่งเป็นเหมืองเก่าแก่ที่ประกอบกิจการเหมืองแร่มาตั้งแต่อดีต แต่ปัจจุบันได้มีการหยุดทำการไปแล้ว ซึ่งในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นที่ทำการใหญ่ดึงดูดให้ผู้คนหลายที่หลายทางเข้ามาแสวงหาโชคลาภจากการขุดหาแร่ธาตุในดินไปขายเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวกัน หากแต่นั่นเป็นอดีตที่รุ่งเรือง ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน ที่นี่กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นยอดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแบบผมเดินหลงเข้าไปเรื่อยๆจนเพลินไปเลยขออนุญาติย้อนกลับมาที่พักอีกรอบหลังจากขับรถมาหลายร้อยกิโลเมตร ที่พักใจดีให้เราสองคน Check in ก่อนเวลา ผมจึงขอเอนหลังหลับสักครู่ เพื่อพร้อมตื่นมาพาเพื่อนๆไปทัวหมู่บ้านอีต่องต่อนะครับเนินช้างศึก-เนินพันทิพย์(อุโมงค์เหมืองแร่)หลังจากที่พักได้สักครู่ ผมได้ยินเสียงประกาศเป็นระยะๆดังมาจากทางไกลจึงพยายามฟังจนได้ความว่า หากต้องการไปเนินช้างศึก ใ้ห้มาติดต่อขึ้นรถ ผมกับแฟนจึงกุรีกุจอที่จะเดินทางไปที่ต้นเสียงนั้นทันที เมื่อไปถึงต้นเสียงบริเวณสะพานเหมืองแร่ จะมีพี่ๆยืนบริการพร้อมทั้งเก็บเงินค่ารถที่จะขึ้นไปคนละ 50 บาท จุดนี้ไม่แนะนำอย่างยิ่งที่จะขับรถไปเองนะครับ เพราะอันตรายมากพอควรหากไม่ชินเส้นทาง แนะนำให้ใช้บริการกับพี่ๆเขาดีกว่า ใช้เวลาไม่นานมากผ่านเส้นทางที่ดูจะเคยเป็นทางลาดยางแต่เพียงแค่เคยเป็นเพราะตอนนี้ ถนนที่จะเดินทางต่อไปถึงเนินช้างศึกเหมือนกับพื้นผิวดวงจันทร์ รถสองแถวก็พาเรามาถึงเนินพันทิพย์ หรืออุโมงค์เหมืองแร่ อันที่จริงผมไม่รู้ว่าถึงไหนด้วยซ้ำเพราะที่นี่ไม่มีป้ายอะไรเลยเดินขึ้นเนินมาเล็กน้อยตามเส้นทางดิน นอกจากทิวทัศน์ สายหมอก พร้อมกับอากาศเย็นๆ ยังมีอุโมงค์เหมืองแร่ ที่ถูกใช้งานกันจริงๆในอดีต โดยปัจจุบันกลายเป็นอุโมงค์สั้นๆ ที่มีทางออกทางเดียวพิกัด : https://goo.gl/maps/njmrLdGFo18w2Qdp8หลังจากนั้นรถของพี่เขาพาเราไปจุดต่อไปคือเนินช้างศึกไม่แน่ใจว่าทำไมเรียกชื่อนี้นะครับ แต่ที่รู้คือเป็นเนินที่สามารถมองเห็นสายหมอกได้ถึง 360 องศา เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากกับการมาสูดสายหมอกที่นี่ บางครั้งหมอกเยอะจนมองไม่เห็นอะไรเลย อีกฝั่งจะเป็นฝั่งของพม่ามองสุดลูกหูลูกตา มีภูเขาและสายหมอก ต้องบอกก่อนว่าคนค่อนข้างเยอะพอสมควร เชื่อว่าหากเพื่อนๆได้มีโอกาสมาเยือนสักครั้งจะต้องหลงรักที่นี่แน่นอนอ่อก่อนลงที่นี่ พี่คนขับรถแจ้งเวลากลับ แต่ผมมาสายนิดหน่อยพี่ๆเขาก็เลือกที่จะรอพากลับให้ครบทุกคนครับพิกัด : https://goo.gl/maps/aiV5CyF1iFgNyyDP6ค่ำคืนที่อีต่องเมื่อกลับมาจากเนินช้างศึก ก็ทำเอาฟ้าเกือบจะมืด ผมจึงจำต้องรีบไปอาบน้ำเพราะไฟฟ้าที่นี่ยังใช้เครื่องปั่นไฟ จึงจะต้องปิดไฟช่วง 3 ทุ่ม จึงต้องรีบไปอาบน้ำอุ่นชะก่อน เพราะอากาศหนาวมาก เมื่ออาบน้ำจนสบายตัวสบายใจ ผมเริ่มหาอาหารกินโดยสั่งหมูกระทะจากร้านใน ตลาดบ้านอีต่อง พร้อมกับอาหารอื่นๆมากินให้อิ่มหนำ ต้องบอกว่าค่ำคืนที่นี่เต็มไปด้วยความสงบ เมื่อแสงอื่นไม่มี จะปรากฏแสงจากตะเกียง ของผู้คนที่ใช้ส่องสว่างในการเดินผ่านไปผ่านมา มองไกลๆคล้ายกับแสงของหิ่งห้อยที่บินต่ำๆท่ามกลางปุยหมอกหนาๆ ซึ่งดูแล้วพาเคล้มจนเกือบลืมนอนไปเลยDay2 สำรวจบ้านอีต่องเช้าสดใสผมตื่นมาโดบไม่ได้ดูเวลา เห็นแต่เพียงสายหมอกมาโอบกอดผมถึงเตียง จึงคลุมโปงหลับไปอีกครู่นึง แฟนผมก็มาปลุกกินอาหารเช้า เมื่อเคลียธุระส่วนตัวเสร็จ จึงเดินไปที่ห้องอาหาร ซึ่งอยู่หน้าห้องพักเลย อาหารเป็นอาหารง่ายๆ อย่างข้าวต้ม และไข่กระทะ แต่กลับอร่อยเพราะบรรยากาศของสายหมอก และคุยกันว่าจะเดินสำรวจที่หมู้บ้านอีต่องเสียหน่อยจึงจะเดินทางกลับสะพานเหมืองแร่กลายเป็นอีกจุดสนใจที่จะขาดไม่ได้ลยหากเพื่อนๆเดินทางมาที่หมู่บ้านอีต่อง ผมเริ่มเดินทางเรียบสระน้ำเล็กๆ ตรงไปยังสะพานเหมืองแร่ ที่ที่ผมหมายมั่นปั้นมือไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ว่าจะไปเขียนความในใจ แขวนล็อกไว้ที่สะพานนี้เสียหน่อย สำหรับป้ายที่นี่มีหลายราคา หลายแบบ มีปากกาให้เพื่อนๆด้วย ลองไปเลือกสรรเอาได้เลยครับ ตอนนี้ผมขอเขียนแล้วเอาป้ายอันน้อยๆของผม ผูกไว้ที่นี่ก่อนตลาดบ้านอีต่องเดินออกจากสะพานเหมืองแร่ ย้อนกลับมานิดหน่อยเพื่อนๆจะเจอตลาดที่ผมมองว่าให้บรรยากาศเหมือนย่านการค้าเก่าๆลักษณะเป็นตึกไม้ 2 ถึง 3 ชั้น ด้านในประกอบไปด้วยร้านของสด ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า รวมไปถึงร้านขายของฝาก โปสการ์ด ดูเหมือนว่าของส่วนใหญ่ป็นของพื้นถิ่น บางอย่างเป็นของที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างทานาคาก็มีให้เพื่อนๆเห็นนะครับCafeพลาดกันไม่ได้เลยเพราะระหว่างมาที่นี่ เพื่อนๆอาจจะต้องหาร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วทุกมุมของบ้านอีต่อง หากเพื่อนๆสายนี้ละก็ลองหาสั่งเครื่องดื่มร้อนๆ นั่งฟินดื่มกันกลางสายหมอก ขอไม่ชี้พิกัดนะครับ อยากให้เพื่อนๆลองเดินหาดูเพราะจากที่ผมชิมมาหลายๆร้าน คือรถชาติอร่อยต่างกันคนละแบบ อยากให้เพื่อนๆลองหาบรรยากาศ ในแบบที่เพื่อนๆชอบมากกว่าบ่อปลาคราฟเอาจริงๆผมเองไม่มีข้อมูลว่าเรียกว่าอะไร แต่ผมขออนุญาติเรียกว่าบ่อปลาคราฟแล้วกันครับ เดินออกมาจากบ้านอีต่อง ตรงไปยังเหมืองปิล็อก ก่อนถึงจะมีบ่อน้ำขนาดย่อมๆสีเขียวอมฟ้า ซึ่งค่อนข้างใส น้ำในสระเป็นน้ำที่ผ่านแร่ธาตุที่มาจากธรรมชาติเองอาจทำให้น้ำใสมาก มาเพลิดเพลินกับปลาคราฟว่าย กลางสายหมอกดีกว่าครับนอกจากสถานที่เที่ยวที่ผมพาเพื่อนๆไปเที่ยวมาข้างต้นในหมู่บ้านอีต่อง ที่นี่ยังมี วัดเหมืองแร่ปิล็อก วัดที่สามารถมองเห็นได้จากหมู่บ้านอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ยามเช้าจะมีพระจากที่วัดนี้เดินเท้าลงเขามาบิณฑบาตร นับเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่หากเพื่อนๆตื่นเช้าก็ไม่ควรพลาด แต่ผมเองขอไปกราบพระด้านบนเขาดีกว่าครับ เมื่ออิ่มบุญก่อนกลับ เพื่อนๆสามารถไปแวะชมวิวที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ สถานที่จอดเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ระหว่างวัดกับหมู่บ้าน อย่างไรก็ดีถือเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งของหมู่บ้านได้อีกอย่างไรก็ดีทริปนี้ผมเองมีเวลาค่อนข้างจำกัด สำหรับผมเองถือว่าคุ้มค่ากับการได้มาที่นี่ ไม่ว่าจะป็นเวลาน้อยหรือมาก แต่หากได้เอาตัวเองมาอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความประทับใจในทุกมุมก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว แล้วเจอกันใหม่ บ้านอีต่องภาพ : JaturongT.ออกแบบตกแต่ง : Canvaบ้านอีต่องที่อยู่ : บ้านอีต่อง ตำบล ปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี 71180พิกัด : https://goo.gl/maps/KDqbTMtxhaxdhxA46อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !