10 ที่เที่ยวดูบรอฟนิก โครเอเชีย สวยดังภาพวาด อัญมณีแห่งท้องทะเล

     โครเอเชีย ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งใน ยุโรป แถมช่วงนี้ก็กำลังเป็นที่จับตามองสำหรับแฟน บอลยูโร ทั้งหลายด้วย วันนี้เราเลยจะชวนทุกคนไปตะลุยทัวร์ โครเอเชีย ด้วยการเริ่มที่ 10 ที่เที่ยวดูบรอฟนิก Dubrovnik เมืองท่าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และโดดเด่นมากที่สุดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แถมยังเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำของซีรีส์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones อีกด้วย บอกเลยว่าสายเที่ยวยุโรปห้ามพลาดเด็ดขาดเลยค่ะ

• หลงเสน่ห์ โครเอเชีย ที่เที่ยวเก๋ๆ ถ่ายรูปสวย เดินชิล ฟีลกู้ดไปทุกที่

เที่ยวเมือง มรดกโลก ดูบรอฟนิก โครเอเชีย

ทำความรู้จักกับ ดูบรอฟนิก โครเอเชีย

     ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) เป็นเมืองท่าเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ทางตอนใต้ของ โครเอเชีย (Croatia) ความสวยงามของภูมิทัศน์ และเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโบราณทำให้ที่นี่ถูกพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากที่สุดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาชมความสวยงามกันไม่เว้นแต่ละปี ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ย่านเมืองเก่า (Old Town) ของดูบรอฟนิกยังได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNCESCO ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979 อีกด้วย จึงไม่แปลกหากเมืองนี้จะถูกขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” ค่ะ

1. กำแพงเมืองดูบรอฟนิก

The Old City Walls

     เชื่อว่าแฟนคลับซีรีส์ Game of Thrones คงพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากับ กำแพงเมืองดูบรอฟนิก (The Old City Walls) แห่งนี้บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งนอกจากจะเป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำในซีรีส์แล้ว ที่นี่ยังเป็นกำแพงเมืองโบราณที่มีอายุยาวนานกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 และมีการสร้างเสริมต่อเติมอีกครั้งเมื่อศตวรรษที่ 13 และ 14 ด้วยความสูงราว 6 เมตร ความหนา 6 เมตร และความยาวถึง 1,940 เมตร ทำให้กำแพงนี้มีสามารถโอบล้อมชุมชนได้อย่างแน่นหนา และมีความแข็งแรงคงทนเพียงพอที่จะต้านศึกสงครามในสมัยนั้นได้อีกด้วย แต่ปัจจุบัน บ้านเมืองสงบสุข ไม่มีสงครามอย่างเช่นสมัยก่อน ที่นี่เลยผันตัวมาเป็นจุดชมวิวสวยๆ ของตัวเมืองและชายทะเลค่ะ  

============

2. ป้อมโลฟไรจิแนก

Fort Lovrijenac

     ทางทิศตะวันตกของกำแพงเมืองดูบรอฟนิกจะมี ป้อมโลฟไรจิแนก (Fort Lovrijenac) หรือ โขดหินแห่งดูบรอฟนิก (Dubrovnik’s Gibraltar) เพราะป้อมปราการนี้ตั้งอยู่บนโขดหินที่งอกออกมาจากกำแพงเมือง ในสมัยก่อน ป้อมแห่งนี้มีความสำคัญต่อการสู้รบกับทหารชาวเวเนเชียนที่ต้องการจะบุกรุกเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ ใครที่อยากเข้ามาชม ป้อมปราการโลฟไรจิแนก (Fort Lovrijenac) แนะนำให้มาเที่ยวคู่กับกำแพงเมืองดูบรอฟนิกเลยค่ะ เพราะค่าเข้าชมก็จะรวมอยู่ในส่วนของค่าเข้าชมกำแพงเมืองแล้ว

=============

3. พระราชวังเรคเตอร์ส

The Rector's Palace and Cultural Historical Museum

     พระราชวังเร็กเตอร์ส (Rector’s Palace) ยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำ Game of Thrones เช่นเดียวกันค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะกับคนรักศิลปะและงานสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากพระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1435 ตัวสถาปัตยกรรมจึงมีการผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบโกธิคตอนปลาย (Late Gothic) และเรเนซองส์ตอนต้น (Early Renaissance) ทำให้องค์ประกอบของที่นี่ดูวิจิตรงดงามไม่น้อยเลยค่ะ

     แต่ถึงอย่างนั้นพระราชวังแห่งนี้ก็ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย ทั้งโดนระเบิด ไฟไหม้ และเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1667 แต่โชคดีที่อย่างน้อยก็ยังสามารถเก็บรักษาตัวพระราชวังให้ยังคงความสมบูรณ์ระดับหนึ่งเอาไว้อยู่ ปัจจุบันจึงกลายเป็น พิพิธภัณธ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประจำเมืองดูบรอฟนิก ที่มีงานศิลปะแขนงต่างๆ จัดแสดงกว่า 15,000 ชิ้น รวมถึงภาพวาดสุดวิจิตรตระการตาจากฝีมือศิลปินเชื้อสายดัลเมเชียนและเวเนเชียนอีกด้วย 

============

4. มหาวิหารดูบรอฟนิก

Dubrovnik Cathedral and Treasury

     เดินถัดจากพระราชวังเร็กเตอร์สไปเพียงนิดเดียวก็จะพบกับ มหาวิหารดูบรอฟนิก (Dubrovnik Cathedral and Treasury) หรือ โบสถ์พระแม่มารี จุดศูนย์กลางทางศาสนาของเมืองดูบรอฟนิก มหาวิหารเดิมสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 แต่ถูกทำลายไปด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เราเห็นอยู่นี้จึงเป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1713 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรคค่ะ ด้านในมีศาสนวัตถุที่สำคัญมากมาย ทั้งชิ้นส่วนที่เชื่อว่าเป็นของไม้กางเขนที่พระเยซูถูกตรึง, ชิ้นส่วนของร่างกายปิดทองของนักบุญ Blaise และอัฐิของบุคคลสำคัญจากทั่วโลกอีกด้วยค่ะ

============

5. ถนนสตราดัน

Stradun of Dubrovnik

Nightman1965 / Shutterstock.com

     ถนนสตราดัน (Stradun of Dubrovnik) เปรียบเสมือนเป็น พลาซ่า (Placa) หรือ จุดศูนย์รวมธุรกิจ และสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในเมือง รวมถึงร้านค้า และร้านอาหารมากมาย หากเราเดินไปตามท้อง ถนนสตราดัน เราจะพบกับผู้คนมากมายที่เดินกันขวักไขว่ รอบๆ ก็จะมีการแสดงเปิดหมวกเป็นครั้งคราว ทำให้ถนนแห่งนี้มีบรรยากาศที่คึกคักสุดๆ ไปเลยค่ะ

===========

6. พระอารามฟรานซิสกัน 

Franciscan Church and Monastery

Zvonimir Atletic / Shutterstock.com

     ต่อมาคือ พระอารามฟรานซิสกัน (Franciscan Church and Monastery) กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ที่รวมทั้งศาสนสถาน ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ และร้านขายยาไว้ในที่เดียว อาคารเดิมสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 แต่ตัวอาคารที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 17 ค่ะ

     ห้องสมุดของพระอารามฟรานซิสกันเป็นแหล่งรวบรวมหนังสือกว่า 21,000 เล่มเพื่อให้ผู้คนเข้าไปศึกษาค้นคว้า นอกจากนี้ยังมีร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1317 เต็มไปด้วยแจกัน และเครื่องชามรามไหโบราณที่ยังคงความสวยงามเอาไว้อยู่

===========

7. น้ำพุโบราณโอโนฟริโอ

The Large Fountain of Onofrio

     ไปชม น้ำพุโบราณโอโนฟริโอ (The Large Fountain of Onofrio) ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพระอารามฟรานซิสกันใน จัตตุรัสกลางเมือง (Loggia Square) กันค่ะ โดยบ่อน้ำพุขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นแหล่งน้ำประปาที่เอาไว้ใช้สอยภายในเมือง มีความสำคัญต่อกันอุปโภคและบริโภคในเมืองดูบรอฟนิกมากๆ นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ก็ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น โบสถ์ St.Blaise (Church of St. Blaise) โบสถ์สถาปัตยกรรมสไตล์บาโรค และ พระราชวังสปอนซา (Sponza Palace) ให้ไปเยี่ยมชมด้วยเช่นกัน

============

8. ภูเขา Mount Srd

     เรามาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวสวยๆ บน ภูเขา Mount Srd กันดีกว่า นั่งกระเช้าไปเพียง 10 นาที คุณก็จะอยู่บนยอดเขาขนาดย่อมที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 412 เมตร สามารถชมวิวเมืองที่ติดฝั่งชายทะเลได้อย่างชัดเจน แถมยังมีร้านค้า และร้านอาหารให้เดินเล่น และนั่งชิลดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ บนเขาได้เรื่อยๆ เลยค่ะ 

============

9. ชายหาด Banje

Banje Beach

      ชายหาด Banje (Banje Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดระดับท็อปของโครเอเชีย โดดเด่นด้วยความสวยงามของท้องทะเลและหาดทรายที่รายล้อมไปด้วยอาคารบ้านเมืองดูบรอฟนิก เรียกว่าเป็นทัศนียภาพอันน่าเพลินตาเพลินใจสำหรับคนที่มาพักผ่อนที่นี่จริงๆ ค่ะ

============

10. ป้อมเซนต์จอห์น

 Fort St. John

      ป้อมเซนต์จอห์น (Fort St.John) เป็นอีกหนึ่งป้อมปราการสำคัญที่เอาไว้ป้องกันศัตรูมารุกรานเขตเมืองเก่าและท่าเรือ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นทั้งจุดชมวิว และเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำดูบรอฟนิก (Dronik Aquarium) และ พิพิธภัณฑ์ทางทะเล (Maritime Museum of Dubrovnik) เพื่อให้ทุกคนได้ไปชมสัตว์น้ำสายพันธุ์หายากนานาชนิดๆ รวมถึงแบบเรือโบราณและวัตถุโบราณที่เกี่ยวของกับการเดินเรือต่างๆ ด้วยค่ะ

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย
แชร์ทริปสุดชิล โพสต์ภาพสุดปัง ของคุณได้แล้วที่ แอปทรูไอดี
คลิกเลย >> TrueID Travel Community <<