ภูเขา ทะเล ต้นไม้ เป็นสิ่งบำบัดทางธรรมชาติที่ช่วยให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย เวลาที่เหน็ดเหนื่อยจากภาระหน้าที่ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่นับวันมีแต่ความกดดัน และความวุ่นวาย หากต้องการจะพักผ่อนหย่อนใจแล้ว การท่องเที่ยวแบบธรรมชาติก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ปัจจุบันยุคโควิดนี้ ใคร ๆ ก็คงจะโหยหาการท่องเที่ยวกันแล้ว เราจึงอยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ว่าจะไปกี่ครั้งก็รู้สึกดี และช่วยชาร์ตแบตพลังกายและพลังใจให้ผ่อนคลายหายเหนื่อยได้อย่างเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่จะมาแนะนำในวันนี้ก็คือ กิ่วแม่ปาน เป็นจุดเช๊คอินยอดฮิต อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ค่ะ เรียกได้ว่าใครที่ไปเที่ยวเชียงใหม่คงจะต้องเคยได้ยิน หรือแวะไปเที่ยวที่กิ่วแม่ปานกันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์และความรู้สึกที่ได้ไปสัมผัสอากาศด้านบนที่กิ่วแม่ปานกันค่ะ เริ่มต้นจากการเดินทางกันก่อนเลยค่ะ ทางไปกิ่วแม่ปานไปไม่ยากเลย เป็นทางผ่านก่อนขึ้นไปสู่ดอยอินทนนท์ แนะนำว่าถ้าได้ไปกิ่วแม่ปานก็ไม่ควรพลาดแวะไปขึ้นดอยอินทนนท์กันด้วยจะดีมากนะคะ พวกเราได้วางแผนการเดินทางโดยไปนอนพักกันที่ดอยอินทนนท์ก่อน 1 คืน และตื่นเช้าลงมาเที่ยวที่กิ่วแม่ปานค่ะ บรรยากาศโดยรอบระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์จะเห็นหมอกปกคลุมไปหมดแบบนี้เลย ทัศนวิสัยการเดินทางอาจจะแย่ไปนิด ต้องขับรถอย่างระวังเลยทีเดียวค่ะ หลังจากที่เราขึ้นไปสัมผัสอากาศเย็นเกือบเลขตัวเดียวแล้ว เราก็ลงมาจะไปต่อกันที่กิ่วแม่ปานค่ะ โดยพวกเราหวังว่าไปที่กิ่วแม่ปานจะยังทันเห็นหมอกอยู่ ขับรถลงมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอเลยค่ะ กิ่วแม่ปานตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กม.42 ถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ค่ะ เราไปถึงประมาณ 7 โมงเช้า อากาศข้างล่างยังคงเย็นอยู่ ตรงทางเข้าจะมีค่าธรรมเนียมในการเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท และค่าไกด์นำทาง 200 บาทต่อกรุ๊ป (ไม่เกิน 10 ท่าน) ถ้าไปกันหลายคนก็สามารถหารกันได้ถูกลงด้วยนะคะ เรามีกันแค่ 2 คน และช่วงเวลานี้คนเริ่มซา จึงทำให้การเดินทางครั้งนี้ มีกันแค่ 3 คน บวกพี่ไกด์ค่ะ ระยะทางในการเดินประมาณ 3 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 2000 เมตร ก่อนเดินทางขึ้นพี่ไกด์จะมีไม้เท้ามาให้สำหรับเป็นตัวช่วยผ่อนแรงในการเดินไต่เขา เมื่อพร้อมแล้วก็สูดหายใจให้เต็มปอด และเริ่มเดินกันเลยค่ะ~! ทางเดินข้างทางจะเป็นป่าดิบชื้น ค่อนข้างหายใจยากนิดหน่อย พี่ไกด์จะคอยบอกเล่าความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ของต้นไม้ที่ขึ้นในป่า และสัตว์ป่าที่เราอาจจะได้เจอระหว่างทาง เดินไปได้สักพักประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางจะมีน้ำตกธรรมชาติสวยงามให้ถ่ายรูป ยืนหลับตาฟังเสียงน้ำตกไหล มันช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้ดีจริง ๆ พี่ไกด์บอกว่าช่วงเวลาที่แนะนำให้ไปถึงทางเข้าคือประมาณ ตี 4 เพื่อที่เราจะได้เดินขึ้นไปสัมผัสทะเลหมอกด้านบนตอนประมาณ 6 โมงได้พอดี (น่าเสียดายที่เราไปช่วงกลางก.พ. ทำให้เราไม่ได้เห็นทะเลหมอกด้านบน แต่อากาศยังเย็นอยู่ ประมาณ 14 องศา) ส่วนช่วงเดือนที่แนะนำให้ขึ้นไปชมกิ่วแม่ปาน จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน-ต้นกุมภาพันธ์ค่ะ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะตอนเช้ามืดจะอากาศเย็นมาก จนเห็นทะเลหมอกที่สวยงาม พักเหนื่อยหายแล้วเดินต่อไป พอถึงเนินแรกจะเป็นจุดวัดใจ ว่าเราจะไปต่อกันได้รึเปล่า เพราะทางมันชันมาก เป็นขั้นบันได หัวใจก็จะเต้นแรงหน่อย แต่เนื่องจากอากาศเย็นจึงทำให้รู้สึกเหนื่อยแบบแห้ง ๆ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ระหว่างทางจะมีจุดให้นั่งพักอยู่ตลอด ถ้าใครไม่ไหวพี่ไกด์ก็จะอนุญาตให้นั่งพักเหนื่อยก่อนค่ะ พอมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 2 เราจะได้พบกับ วิวที่สวยมากก ใครที่ชอบถ่ายรูปจะถูกใจสิ่งนี้เป็นที่สุด นอกจากจะได้หายใจเต็มปอดแล้วยังได้รูปสวย ๆ กลับมาเยอะเลยล่ะค่ะ จากนั้นเดินไปเรื่อย ๆ จะถึงจุดชมวิวให้ถ่ายรูป เป็นจุดยอดฮิตถ้าไปตอนเดือนที่หมอกหนา ๆ คนจะเยอะมาก ถึงกับต้องต่อคิวรอถ่ายรูปกันเลยทีเดียว และเมื่อเราได้ถ่ายรูปสมใจแล้ว ก็จะเป็นจุดที่เดินลงเขาเพื่อกลับไปที่จุดเริ่มต้นค่ะ ระหว่างเดินลงเขาจะเห็นพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ พระมหาธาตุคู่พระบารมี รัชกาลที่ 9 และพระราชินี ตรงนี้จะเป็นวิวที่สวยงามมาก ขณะนั้นเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว ฟ้าสว่างจึงทำให้เห็นพระเจดีย์พอดีเลยค่ะ ช่วงขากลับนี้จะสบายหน่อย เนื่องจากทางส่วนใหญ่เป็นทางลงบันไดที่ค่อนข้างจะชัน ระหว่างทางเราต้องดูแลเพื่อนร่วมทางด้วยนะคะ อย่างที่บอก ร่างกายต้องพร้อมจริง ๆ ถึงจะขึ้นได้ พี่ไกด์บอกว่านักท่องเที่ยวที่มาถอดใจกลางทางกันก็เยอะ ถ้าใครชอบเที่ยวแบบธรรมชาติ สายลุยหน่อย ๆ แนะนำกิ่วแม่ปานเลยค่ะ มาแล้วจะติดใจ รางวัลของความเหน็ดเหนื่อยจะได้พบกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่จะทำให้จดจำไปอีกนาน เมื่อฤดูหนาวมาถึงแล้ว แนะนำให้มาดูทะเลหมอกที่นี่จะดีมากเลยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าจะต้องกลับมาสัมผัสหมอกหนา ๆ ที่นี่อีกครั้งให้ได้เลยค่ะ แนะนำสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางขึ้นเขา น้ำดื่ม – พกกันไปคนละขวดส่วนตัวจะดีมากค่ะ เข้าป่าน้ำดื่มสำคัญที่สุด เสื้อผ้า - ใส่เสื้อผ้าโปร่งสบาย ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหลายชั้น รองเท้าควรเป็นรองเท้าผ้าใบคู่ใจใส่แล้วไม่กัดเท้า ยาดม/พลาสเตอร์ – เตรียมไปเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวที่กิ่วแม่ปานแนะนำให้พากันมาสัมผัสทะเลหมอกยามเช้าที่นี่นะคะ จะมากับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักก็ได้ เพราะนอกจากวิวทิวทัศน์ด้านบนที่ดูสวยสดงดงาม แล้วระหว่างทางยังได้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ในป่า และต้นไม้เก่าแก่ที่หาดูได้ยาก ได้สัมผัสธรรมชาติแล้ว ยังได้ทดสอบร่างกายและความแข็งแรงไปในตัวด้วย เป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีทีเดียว รีบมาเที่ยวที่นี่ก่อนที่จะหมดแรงแล้วขึ้นเขาไม่ไหวกันนะคะ Credit รูป - เจ้าของภาพถ่ายเองค่ะ