อุโมงค์ขุนตาน อุโมงค์รถไฟยาวสุดในประเทศไทย อุโมงค์ที่ยาวที่สุด ยาวแค่ไหนนะ ฉันถามตัวเองด้วยความสงสัย และอยากลองสัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟลอดอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นี่คือการนั่งรถไฟในรอบหลายสิบปีของดิฉัน ตอนสมัยเป็นเด็กคุณพ่อ คุณแม่ เคยพานั่งรถไฟไม่กี่ครั้ง พอมีรถส่วนตัว เราก็เดินทางด้วยรถส่วนตัวกันเป็นส่วนใหญ่ อยากย้อนรอยวัยเด็ก และอยากพาเด็กมานั่งรถไฟครั้งแรก ภาพโดยผู้เขียน พวกเราเดินทางมาจากอำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ด้วยรถยนต์ ขับรถมาจอดไว้ที่สถานีรถไฟบ้านปิ่น อำเภอลอง ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอเมืองถึงอำเภอลองประมาณ 30 นาที เมื่อมาถึงเวลา 10.30 น. ก็ซื้อตั๋วรถไฟ สถานีบ้านปิ่น ไปยังสถานีขุนตาล เราเดินทางไปรอบ 10.50 น. - 13.30 น. ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 26 บาท ตั๋วเด็กราคาเพียง 13 บาทเท่านั้น ราคาถูกจนน่าตกใจใช่ไหมล่ะ แถมการเดินทางครั้งนี้ น่าจะมีอะไร สนุก ๆ รอเราอยู่ เรานั่งรอรถไฟสักครู่ ก็เข้าชานชาลา อย่างตรงเวลา ระยะเวลาการเดินทาง 36 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 40 นาที เมื่อขึ้นรถไฟสักพัก เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็เดินมาทักทาย ขอตรวจตั๋วโดยสาร และพูดคุยกับเด็ก อย่างใจดี แม่ค้าเดินเข้ามาเอาของมาขาย ฉันจึงอุดหนุน เส้นหมี่ผัดหมูแดง ห่อละ 10 บาท ลองชิมแล้ว อร่อยมากที่สำคัญสะอาด ทานแล้วไม่ท้องเสีย ต้องลองนะ คุณภาพเกินราคาจริง ๆ มีเมี่ยงหวานของขึ้นชื่อที่หากินได้ยาก เป็นห่อใบชาเสียบไม้ ขายไม้ละ 10 บาท และข้าวหลามสังขยา เพิ่งเคยกินครั้งแรก อร่อยมาก กระบอกละ 50 บาท อิ่มกันแล้วก็นั่งชมวิว สองข้างทาง เป็นต้นไม้ ทุ่งนา และภูเขาเล็ก ๆ เราจะผ่านอุโมงค์เล็ก ๆ ก่อนที่จะไปถึงอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือ อุโมงค์ขุนตาน ที่เป็นจุดหมายปลายทางของพวกเรา บ่ายโมงครึ่ง รถไฟเดินทางตรงเวลา จอดแต่ละสถานีไม่นานนัก และแล้วพวกเราก็เดินทางมาถึงสถานีขุนตาน เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่รถไฟจะจอด เพราะว่ารถไฟจอดแค่ครู่เดียวเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่เป็นการเสียเวลากับผู้โดยสารคนอื่น ๆ ด้วย เมื่อเราเตรียมตัวพร้อมก็ลงจากสถานี โบกมือลารถไฟขบวนที่นั่งมา ภาพโดยผู้เขียน ซึ่งก่อนถึงสถานีขุนตาน เราจะได้นั่งรถไฟลอดผ่านอุโมงค์ที่ยาวที่สุดของประเทศไทย เราตั้งตารอคอยอย่างตื่นเต้น เพราะนี่คือการลอดอุโมงค์ขุนตานครั้งแรก เมื่อไหร่จะลอดอุโมงค์นะ ชะเง้อมองแล้ว มองอีก วิธีสังเกตไม่ยาก ก่อนจะเข้าอุโมงค์ประมาณ 2 - 3 นาที ภายในรถไฟจะเปิดไฟสว่างทั้งคัน และเมื่อลอดผ่านอุโมงค์ ภายนอกจะมืด ภายในขบวนจะยังสว่าง สามารถมองเห็นหน้าคนบนรถไฟได้อยู่ สำหรับคนที่กลัวที่แคบ หรือกลัวความมืดอย่างเรา มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ตอนแรก แต่ระยะทางที่รถไฟลอดอุโมงค์ประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร หรือประมาณ 5 นาที ก็ถือว่าเป็นระยะเวลานานพอที่เราได้ตื่นเต้น กับบรรยากาศแปลกใหม่ในการอยู่ในอุโมงค์รถไฟ และได้ยินเสียงลมที่กระทบกับผนังอุโมงค์และตัวรถไฟเคลื่อนตัวยาว บนราง เสียงเหล็กบนรางเสียดสีกัน ครืน เสียงดังกังวาน ตลอดระยะทางที่อยู่ในอุโมงค์ แต่ไม่ดังเกินไป เรากลั้นหายใจตอนไหนไม่รู้ตัว ก่อนที่จะพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ รู้สึกหายใจโล่งอก จนถอดหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว ในขณะนั้นเองเราต้องเตรียมตัวลงจากรถไฟ อย่างระมัดระวัง ให้รถไฟจอดสนิทก่อนจึงค่อยลง ภาพโดยผู้เขียน เมื่อลงจากรถไฟแล้ว เราสามารถเดินย้อนขึ้นไปชมอุโมงค์ที่เพิ่งผ่านมาได้ อุโมงค์ขุนตาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแหล่ง ที่สามารถเที่ยวชม เพราะว่ารถไฟ วิ่งวันละ 2 รอบเท่านั้น ตอนแรกฉันก็กังวลว่า ตอนที่เรากำลังอยู่บนรางรถไฟ แล้วจะเป็นอันตรายไหม ตอนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ แล้วรถไฟออกมาจากอุโมงค์ เราต้องทำอย่างไร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีระบบเตือน และเวลาที่รถวิ่งค่อนข้างตรงเวลา ถ้ารถไฟจะมาถึงสถานีจะส่งสัญญาณแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว สบายใจหายห่วง ภาพโดยผู้เขียน ระหว่างทางที่เดินไปดูอุโมงค์รถไฟขุนตาน เราเจอกับหัวรถจักรไอน้ำ สีเหลือง สวยงาม จอดไว้ และข้าง ๆ มีที่นั่งพัก หยุดนั่งถ่ายภาพสักพัก ก่อนที่จะเดินไปชมอุโมงค์รถไฟที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน เดินมาถึงอุโมงค์ขุนตานแล้ว ที่หน้าอุโมงค์เขียนตัวเลขความยาวของอุโมงค์แห่งนี้ 1,362.15 เมตร กว้าง 5.20 เมตร สูง 5.5 เมตร การขุดเจาะอุโมงค์เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2450 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เสร็จสิ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 สร้างเสร็จปี พ.ศ. 2461 ใช้ระยะเวลาการสร้างนานถึง 11 ปี และเปิดให้รถไฟวิ่งผ่านขบวนแรก วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2468 ในสมัยรัชกาลที่ 7 ใช้งบประมาณในการสร้าง 1,362,150 บาท ซึ่งตัวเลขนี้ เท่ากับความยาวของอุโมงค์ขุนตาน และในสมัยนั้นถือเป็นประมาณมหาศาลเลยทีเดียว ภาพโดยผู้เขียน ประวัติความเป็นมาของการสร้างอุโมงค์รถไฟขุนตานแห่งนี้ ฟังแล้วอาจจะต้องขนลุก และรู้สึกถึงความรักชาติ ชาวต่างชาติคนหนึ่งที่รักประเทศของเราและเสียสละได้มากมายขนาดนี้ เมื่อมาถึงที่นี่รู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่าง แต่เป็นพลังงานที่ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนี้คุ้มครองพวกเราอยู่ ในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ชาวเยอรมันเป็นวิศวะผู้สร้างทางรถไฟแห่งนี้ ชื่อ มร.เอมิล ไฮเซน โฮเฟอร์ ได้รับราชการในสังกัด "กรมรถไฟหลวง" ได้เขียนบันทึกการสร้างอุโมงค์รถไฟ ไว้ในหนังสือ German Railroad Man in Siam ทำให้รู้เรื่องราวการสร้างอุโมงค์แห่งนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะสมัยก่อนเป็นป่ารก คนงานตายนับพันด้วยโรคอหิวาต์และมาลาเรีย แม้แต่ มร.โอเฟอร์ก็เป็นไข้มาลาเรียด้วย และมีอุปสรรคมากมาย มีเสือเข้ามาคาบคนงานไปกิน อันตรายจากโรคร้ายและสัตว์ป่า เป็นอุปสรรคสำคัญ ยังไม่จบเพียงเท่านั้น อุปสรรคใหญ่ก็เกิดขึ้นอีก เมื่อขุดเจาะอุโมงค์ได้ 4 ปี ซึ่งช่วงนี้เข้าสู่สมัยรัชกาลที่ 6 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รบกันระหว่างยุโรปกับเยอรมัน ส่วนไทยประกาศตัวเป็นกลาง จนกระทั่งในปีที่ 3 ต้องตัดสินใจอยู่ฝ่ายยุโรป ฝ่ายเยอรมันจึงตกเป็นฝ่ายตรงข้าม ทำให้ต้องจับชาวเยอรมันเป็นเชลยศึก รวมทั้งต้องจับตัว มร.โอเฟอร์ ด้วย แต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดี ท่านถูกคุมขังในไทย 6 เดือนแล้วถูกส่งไปอินเดีย ก่อนจะถูกส่งกลับเยอรมัน ปี พ.ศ. 2463 เมื่อสงครามโลกสิ้นสุด เยอรมันแพ้สงคราม พ.ศ. 2461 มร.โอเฟอร์ จึงขอกลับมาการสร้างอุโมงค์ขุนตานเพราะผูกพันกับประเทศไทย ท่านกลับมาในปี พ.ศ 2472 ขุดอุโมงค์ขุนตานและสร้างทางรถไฟจนสำเร็จ ในสมัยรัชกาลที่ 7 และไม่ได้กลับประเทศเยอรมันอีกเลย ท่านเสียชีวิตในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2505 การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้นำอัฐิของท่านไว้ที่หน้าผาถ้ำขุนตานทางด้านเหนือ เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน แม้ท่านไม่มีเชื้อสายไทย แต่ก็รักประเทศไทยมากมายขนาดนี้ ควรค่าแก่การยกย่องอย่างยิ่ง ภาพโดยผู้เขียน พวกเราเข้าไปเดินสำรวจข้างในอุโมงค์ยาวมากจริง ๆ ที่นี่มีตำนาน ความเชื่อว่า ถ้าคู่รักที่เดินจับมือกัน ผ่านอุโมงค์ขุนตานไปด้วยกันจนสุดทาง จะทำให้รักกันไปตลอดกาล ถ้าใครอยากพิสูจน์ต้องมาลองด้วยตัวเองนะคะ ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน เมื่อเดินขึ้นมา ไหว้เจ้าพ่อขุนตาน ตั้งอยู่บนอุโมงค์ขุนตานนั่นเอง ต้องเดินขึ้นบันได เป็นเนินเขาเล็ก ๆ ไม่สูงชันมาก กราบไหว้ขอให้ท่านคุ้มครอง ภาพโดยผู้เขียน ช้างที่ทำจากไม้สักแกะสลัก เป็นของโบราณเก่าแก่ ที่ทิ้งร่องรอยแตกร้าว ภาพโดยผู้เขียน เดินกลับมาที่สถานีขุนตาน ด้านตรงกันข้ามจะมีวัด และเป็นเส้นทางเดินขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติขุนตาล ซึ่งเป็นรอยต่อของสองจังหวัด คือ จังหวัดลำพูน กับลำปาง ภาพโดยผู้เขียน ภาพนี้เขียนป้ายชื่อว่า "ลำพูน ลำไย" ส่วนอีกภาพเขียนชื่อว่า "ลำปาง รถม้า" ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อประจำจังหวัดลำพูนและลำปาง ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน เมื่อเดินขึ้นมา จะพบกับบันไดพญานาค สามารถเดินขึ้นไป ไหว้พระที่วัด ที่อยู่บนเนินเขานี้ได้ ไหว้พระขอพรก่อนกลับบ้าน ภาพโดยผู้เขียนภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน การมาเที่ยว อุโมงค์ขุนตานครั้งนี้ นอกจากได้ตื่นเต้น กับการนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่สถานีขุนตาน และสอบถามกับเจ้าหน้าที่รถไฟ ทำให้เข้าใจที่มาที่ไป และความยิ่งใหญ่ของอุโมงค์ขุนตาน ที่สร้างขึ้นอย่างยากลำบาก ผ่านอุปสรรคมากมายจนสำเร็จ ทำให้ลูกหลานชาวไทยอย่างพวกเราได้เห็น ได้สัมผัส เส้นทางสายประวัติศาสตร์แห่งนี้ คู่ควรค่าแก่การมาเห็นด้วยตาสักครั้ง