การเดินทางมาท่าเตียน ถ้าอยากมาเที่ยววัดอรุณแบบง่าย ๆ และได้ฟีลการเดินทางแบบ local แนะนำให้เริ่มต้นที่ “ท่าเตียน” ฝั่งพระนครเลย แถวนี้นักท่องเที่ยวคึกคักเพราะเต็มไปด้วยไปด้วยร้านอาหารริมแม่น้ำ คาเฟ่ และเรือข้ามฟากที่วิ่งขวักไขว่ตลอดทั้งวัน บรรยากาศเมื่อได้นั่งเรือลำน้อย ลมแม่น้ำเจ้าพระยาพัดมาเบา ๆ แล้วสายตาก็จะได้พบกับพระปรางค์วัดอรุณที่ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม บริเวณท่าเรือข้ามฟากให้เดินตามป้ายที่อยู่สี่แยกท่าเตียนวัดโพธิ์ เดินเรียบเข้าทางเดินเล็กๆจะพบท่าเรือที่สร้างใหม่และบริเวณนี้ยังเป็นที่แรกที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปวัดอรุณเพราะเป็นจุดที่เห็นภาพได้กว้างทั้งวิวริมน้ำและพระปรางค์ที่เป็นฉากหลัง ซุ้มประตูยักษ์ ก้าวเท้าลงจากท่าเรือเดินเข้ามาสู่เขตวัดให้หันไปทางด้านขวาจะเห็นสิ่งแรกที่สะดุดตาคือ “ซุ้มประตูยักษ์” ที่มีทวารบาลยักษ์สองตนจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ยืนตระหง่านอยู่ ยักษ์ทั้งสองคือทศกัณฐ์(ตนที่มีรูปกายสีเขียว)และสหัสเดชะ(ตนที่มีรูปกายสีขาว) มีความเชื่อว่ายักษ์ทั้งสองคอยเฝ้าวัด ปกป้องไม่ให้สิ่งอัปมงคลผ่านเข้าไปข้างใน จุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินสำหรับผู้ที่มาเยือนไม่แพ้พระปรางค์วัดอรุณเลย ใครที่มาเยือนต่างก็ต้องหยุดยืนถ่ายรูปคู่ นอกจากนี้ยังเป็นที่มาของตำนานเรื่องเล่าท่าเตียนที่ยักษ์ยักษ์วัดแจ้ง(วัดอรุณราชวราราม)และยักษ์วัดโพธิ์(วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม)ต่อสู้กันจนบริเวณริมแม่น้ำราบเป็นหน้ากลองจนเป็นที่มาของชื่อท่าเตียนในเวลาต่อมา วัดอรุณกับรัชกาลที่ 2 วัดอรุณไม่ใช่แค่สวยแต่ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 2 สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระองค์ทรงมีส่วนสำคัญในการบูรณะวัดอรุณ ทรงเริ่มการก่อสร้างพระปรางค์ใหญ่และออกแบบพระพักตร์ของพระประธานในพระวิหารด้วยพระหัตถ์เอง เรียกได้ว่า นอกจากจะงดงามในเชิงศิลป์แล้วยังสะท้อนรสนิยมและความใกล้ชิดของพระมหากษัตริย์กับงานศิลปกรรมไทยในยุคนั้นอีกด้วย ดังบริเวณริมน้ำเยื้องๆกับพระปรางค์จึงมีอนุสาวรีย์ชัยของรัชกาลที่2ตั้งอยู่เพื่อเป็นเกียรติให้แก่รัชกาลที่2 จากวัดบางมะกอกสู่ “วัดแจ้ง” หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ว่าเดิมทีวัดอรุณเป็นวัดเล็ก ๆ ชื่อวัดบางมะกอก ตั้งอยู่ในชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำ แต่เมื่อพระเจ้าตากสินกอบกู้เอกราชและตั้งราชธานีที่ธนบุรี พระองค์เสด็จมาถึงที่นี่ในยามรุ่งสาง จึงทรงตั้งชื่อว่า “วัดแจ้ง” ตามแสงแรกของวัน และใช้เป็นวัดหลวงในสมัยกรุงธนบุรี ก่อนที่จะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในรัชกาลต่อมา และถูกยกฐานะเป็นวัดสำคัญในกรุงรัตนโกสินทร์ พระวิหารวัดอรุณ ภายในวัดอรุณมี “พระวิหาร” หรืออุโบสถที่สวยงามไม่แพ้พระปรางค์เลย ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงออกแบบพระพักตร์เอง บรรยากาศภายในเงียบสงบ เสริมด้วยจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติที่วาดอย่างวิจิตร เมื่อแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างมาสะท้อนองค์พระ ทุกอย่างดูงดงามสงบจนทำให้คนที่เข้าได้พักเหนื่อยจากการเดินผ่านแดดร้อนๆในช่วงกลางวัน พระปรางค์วัดอรุณ แน่นอนว่าไฮไลต์ที่ใครมาก็ห้ามพลาดคือ “พระปรางค์วัดอรุณ” ที่สูงเด่นสง่าอยู่ริมแม่น้ำ พระปรางค์สูงราว 70 เมตร ล้อมรอบด้วยพระปรางค์บริวารอีกสี่องค์ ประดับด้วยชิ้นกระเบื้องจีนสีสดที่เมื่อกระทบแดดแล้วจะระยิบระยับ ที่นี่คือมุมมหาชนที่ต้องถ่ายรูปสักครั้ง และถ้าได้มาในช่วงเย็นแสงอาทิตย์ที่สาดลงมากับแม่น้ำเจ้าพระยาจะเป็นช่วงเวลาที่ได้ภาพวัดอรุณสวยที่สุด โบสถ์น้อยและวิหารน้อย นอกจากพระปรางค์แล้ว ภายในวัดยังมีโบสถ์น้อยและวิหารน้อย อาคารเล็ก ๆ ที่ซ่อนเสน่ห์ไว้อย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดศิลปกรรมงดงาม ใครที่อยากหามุมเงียบ ๆ สำหรับนั่งพัก หรือถ่ายภาพใกล้ชิดกับจิตรกรรมฝาผนัง ลองเดินเข้ามาโซนนี้แล้วจะรู้สึกเหมือนค้นพบอีกมิติหนึ่งของวัดอรุณ สายมูต้องห้ามพลาด วัดอรุณยังผูกพันกับพระเจ้าตากสินมหาราชอย่างลึกซึ้ง ว่ากันว่าพระองค์เคยเสด็จมาถึงที่นี่ในยามรุ่งสางและทรงประทับ ณ แท่นที่ต่อมาถูกเรียกว่า “แท่นพระเจ้าตาก” เรื่องเล่านี้ทำให้วัดอรุณไม่ใช่แค่โบราณสถานธรรมดา แต่ยังนำไปสู่ความเชื่อที่ว่าหากใครลอดแท่นพระเจ้าจากนั้นจะเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต หนุนดวง ล้างอาธรรพ์ ก่อนที่จะรอดให้อธิษฐานขอพรในสิ่งที่ต้องการ แล้วลอกพระแท่นไปยังอีกฝั่ง หลังจากนั้นคำอธิษฐานจะสำเร็จ เป็นอีกที่ที่สายมูต้องห้ามพลาด มุมถ่ายรูปสวย ๆ ถ้ามีเวลา แนะนำให้ลองมาทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ตอนเช้าจะได้เห็นพระปรางค์รับแสงแรกของวัน ส่วนตอนเย็นคือช่วงที่โรแมนติกที่สุด ภาพพระปรางค์ตัดกับท้องฟ้าสีส้มและแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นภาพที่ไม่มีวันเบื่อ นอกจากนี้ ซุ้มยักษ์ตรงประตูวัดก็เป็นอีกหนึ่งมุมยอดนิยม และถ้าใครชอบเก็บรายละเอียด อย่าลืมซูมใกล้ ๆ ไปที่ลายกระเบื้องจีนที่ตกแต่งรอบปรางค์ เพราะแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มุมถ่ายรูปที่แนะนำนอกจากบริเวณวัดและอีกสถานที่นึงที่ถ่ายรูปสวยไม้แพ้กันเลยคือท่าเรือวัดโพธิ์ เดินเข้ามาในซอยประตูนกยูงจะพบกับท่าเรืออยู่ริมน้ำ แนะนำให้มาตอนเย็นๆเพราะเป็นช่วงที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกด้านหลังพระปรางค์ซึ๋งเป็นภาพที่สวยงามมาก นอกจากบริเวณท่าเรือแล้วด้านข้างยังมีร้านไอติมBefore Sunsetที่สามารถซื้อไอติมแล้วขึ้นไปนั่งชมวิวถ่ายรูปบนชั้น2ของร้านได้ การมาเยือนวัดอรุณไม่ใช่แค่การมาไหว้พระหรือชมสถาปัตยกรรม แต่มันคือการเดินทางที่เชื่อมโยงเรากับอดีตของกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ทุกซุ้มประตู ทุกชั้นของพระปรางค์ และทุกลมแม่น้ำเจ้าพระยา ต่างเล่าเรื่องราวให้เราได้ฟัง วัดอรุณจึงไม่ใช่เพียงวัดที่สวยงามทางด้านสถาปัตยกรรม แต่ที่นี่ยังเป็นที่ฮีลใจในวันที่รู้สึกเหนื่อยได้เป็นอย่างดี อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !