เที่ยววันหยุด ปีนบันไดหินสูงครั้งแรกที่พนมอุดง แทบจะคลาน ไม่ใช่เพราะความสูงแต่เพราะต้องออกแรงแบกร่างตัวเองขึ้นไปต่างหาก เหตุใดถึงอยากจะไปที่นี่ เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่าครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเดินทางมาที่นี่และสถานที่แห่งนี้ยังเก็บอัฐิของพระองค์ไว้ด้วย เช้าวันหยุดพักจากการทำงาน เพียงเวลาสิบนาทีเท่านั้นที่กลุ่มของพวกเราคุยกัน ว่าต้องการไปเที่ยว และสถานที่ตกลงกันจะไปเที่ยวคือ พนมอุดง เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าบ้านของตนอยู่ที่นั่น และพนมอุดงก็อยู่ไม่ไกลจากพนมเปญ นั่งรถไปไม่นาน 30 กิโลเอง ด้วยความว่าง ปนกับความอยากไปเที่ยวสักครั้งก็ตกลงและเรียกรถตุ๊กๆ บอกจะไปเที่ยวพนมอุดง ส่วนราคานั้นคิดตอนที่กลับมาถึงเพราะเป็นคนขับรถประจำเวลาจะเดินทางไปนอกบ้าน เจ้าของรถตกลงซึ่งวันนั้นว่างงานจอดรถรออยู่หน้าบ้านพอดี คนขับรถตกลงที่จะพาพวกเราเดินทางจากกรุงพนมเปญสู่พนมอุดงทันที การเดินทางคือลุยสุดๆ ตั้งแต่ออกเดินทางจากพนมเปญหกโมงเช้า สามชั่วโมงกับการนั่งรถ รถวิ่งออกไปแรกถนนหนทางก็ดีสบายตาในการมองสองข้างทาง แต่ไม่นานเราก็พบทางดินแดง โยกเยกแล้วโยกเยกอีก พร้อมบรรยากาศอบอวลไปด้วยควันหมอกในตอนเช้า (ควันดินกลบหน้า) จนต้องจอดรถเพื่อปิดม่านลงเพื่อบังฝุ่น แผนที่สำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางท่องเที่ยวสามารถค้นหาในกูเกิล ถ้าเข้าไปใกล้จะเห็นเจดีย์บนยอดเขาสวยงามตั้งแต่ก่อนที่จะถึง พิกัด https://goo.gl/maps/ozpQKgmNS7kiVZLB8 พอไปถึงหัวแดง ตัวแดงไปหมดทั้งผู้โดยสารและคนขับ สนุกดีหัวเราะกันให้ว่อน เราไปกันสี่คนรวมคนขับห้าคนพอดีเต็มรถ ถึงที่หมายแล้ว ด้านบนคือถนนเส้นทางขึ้นเขาพนมอุดง ซึ่งก่อนขึ้นนั้นไปนั้นมีร้านอาหารเรียงรายกันเป็นแถว เรามากันแต่เช้า จึงตกลงกันว่าพวกเราจะขึ้นไหว้พระกันแล้วลงมาทานข้าวเย็นด้านล่าง สูดกลิ่นหอมของอาหารระหว่างทางเดินให้เต็มที่ก่อน ซึ่งก่อนขึ้นนั้นพวกเราต้องไปจองที่และสั่งอาหารไว้ครบครันก่อน เพราะถ้าถึงตอนที่เราลงมานั้นอาหารจะไม่เหลือเกลี้ยงหมด จากผู้มีการงประสบการณ์ ร้านอาหารที่กัมพูชานั้นอาหารจะมีขายเป็นเวลา ตอนเช้าจะมีข้าวหน้าหมู ข้าวหน้าไก่ สายๆหน่อยถึงจะมีอาหาร อย่างแกงส้ม ผัดผัก ตกเย็นอาหารจะมีก๋วยเตี๋ยว ข้าวผัด และหมี่ผัด พวกเราคิดว่าขึ้นกราบพระเดินเที่ยวถ่ายภาพแล้วจะลงมาแล้วทานกันเลย ทางขึ้นเป็นบันไดหินสูงชันหลายขั้นมีจุดให้พักหายใจหายคอเป็นระยะ ซึ่งพวกเราพากันนับขั้นบันไดจนตาลาย ได้ยินเสียงอุทาน ! สุดยอดมากบันไดตั้งฉาก 90 องศาตลอดทาง ขนมที่ถือมาว่าจะทานตอนขึ้น สักพักมีเพื่อนมาแบ่งเอาและวิ่งขึ้นต้นไม้ไปละ เจ้าลิงน้อยคงจะนั่งจ้องตั้งแต่ทางขึ้นแล้ว พอได้จังหวะวิ่งสุดกำลังมากระซากไปทันที ระหว่างทางขึ้นบันไดจะมีลิงมอง คอยมองเพื่อดูว่าในมือของนักท่องเที่ยวถืออะไรน่ากินบ้างไหม ถ้าเมื่อไหร่เผลอ พวกเธอก็จะวิ่งเข้าไปแย่ง แผนที่ของวัดด้านบน พวกเราไปมีไกด์ในกลุ่ม ซึ่งน่าจะรู้จักสถานที่ได้ดีกว่าไกด์แน่นอนเพราะวิ่งขึ้นตั้งแต่เด็กเพราะใกล้บ้าน ยอดของปราสาทขาวโพลน ทำให้ลืมตาไม่ค่อยขึ้น แสบตาสุดๆกับปราสามสีขาวสะท้อนกับแสงแดดยามสายๆ แต่ด้านบนบรรยากาศดีมาก ตอนที่ขึ้นมาถึงยอดของปราสาท กลิ่นธูปลอยมาติดจมูกแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า น้องที่พาเดินทางมาบอกว่า ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวกัมพูชามาก หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ขอบุตร ขอพรเวลาจะไปสัมภาษณ์งาน หรือแม้กระทั่งขอเลขก็มีบ่อย ด้านในนั้นคนที่แต่งงานยังไม่มีบุตรเดินทางมาขอที่นี่ด้วย ส่วนมากก็จะสมหวังไปตามๆกัน น้องบอกตัวน้องเองพ่อแม่ก็เคยบอกว่าขึ้นมาขอลูกที่นี่เหมือนกันผมถึงได้เกิดมา ภายในเจดีย์จะมีพระพุทธรูปเรียงรายเต็มทั้งสี่มุมห้อง ตรงกลางพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เต็มพื้นที่ด้านในคงเหลือแต่ที่นั่งด้านหน้าไม่เยอะ เพียงพอสำหรับนั่งกราบไหว้ การไหว้จะเข้าไปได้ทีละไม่มาก เข้าไปด้านในจะสัมผัสกลิ่นหอมของไม้ที่ทำพระพุทธรูปอบอวล ผสมกลิ่นธูปบ้าง มีมนต์ขลังจากด้ายสีแดงที่พระผูกข้อมือให้ ในวันพระที่นี่ก็จะมีการปฏิบัติธรรมใส่ชุดขาวขึ้นมานั่งสมาธิแต่ไม่บ่อยครั้งมากนัก เพราะค่อนข้างจะอยู่ห่างจากเมือง ผมเองก็เคยมานั่งสมาธิที่นี่กับยายของผม หลังๆก็ไม่ได้ขึ้นมาแล้วตั้งแต่ตอนนี้ท่านเสีย ผู้เขียนรู้สึกว่ามาที่นี่ทำให้รู้สึกอุ่นใจและจิตใจชื้นขึ้นมา แม้ว่าจากบ้านมาหลายต่อหลายเดือน บรรยากาศอบอุ่นไปด้วยผู้คน และแดดจัดทำให้เหมือนได้กลับบ้าน บนยอดเขาอุดงนั้นต้นไม้มีจำนวนมากจึงทำให้ไม่ค่อยร้อนมาก เหนื่อยหรือร้อนเราก็ยืนเกาะเอาแก้มแนบกับกำแพงหินอ่อนทำให้รู้สึกเย็นขึ้น จากหน้าอาบไปด้วยเหงื่อสักพักก็แห้งแล้วละ เหนื่อยจนมีไอร้อน แต่พอเห็นด้านบนความเหนื่อยก็หายไปทันตา ด้านบนทุกคนจะถอดรองเท้าตรงทางขึ้นบันไดและเดินขึ้นไปไหว้กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเราเดินทางสิ้นสุดบันไดหิน ก็จะเจอบันไดขาวทำด้วยหินอ่อน สิ่งก่อสร้างที่นี่จะทำด้วยอิฐสีแดงจะทำให้ดูแข็งแรงทนทานและสวยประทับใจเป็นที่สุด น้องบอกว่าที่นี่เป็นที่เก็บอัฐิของบุคคลสำคัญ องค์นี้ตอนนั้นจำชื่อไม่ได้ว่ามีนามว่าอะไร จำได้แค่ว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ ตั้งอยู่ในเจดีย์ไม่ค่อยใหญ่แต่เราลอดประตูเข้าไป องค์ท่านใหญ่โตมาก ใหญ่จนคิดว่าเจดีย์น่าจะสร้างทีหลังเพราะถ้าสร้างก่อนคงจะยกเข้าด้านในไม่ได้ ศิลปะที่อยู่รอบเจดีย์ ช้างคู่บ้านคู่เมืองจริงๆเพราะช้างยืนเรียงรายกัน ทุกอย่างยังสมบูรณ์สวยงาม ซึ่งหลังจากที่กราบพระเสร็จ เราก็พากันเดินสำรวจรอบบริเวณเขาด้าน บน ซึ่งล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์และพากันเดินทางลงมาอีกด้านหนึ่งเพื่อลงมาทานอาหารเที่ยงกัน มองจากมุมสูงของยอดเขา ทำให้สุขใจ คุ้มค่ากับการปีนบันไดขึ้นมาอย่างยิ่ง ธงชาติสัญลักษณ์ของชาติ ที่ทำให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญ สำหรับชาวกัมพูชา ถ้าเราได้มาเที่ยวกรุงพนมเปญ อย่าลืมมาเที่ยวพนมอุดง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง และปัจจุบันนี้มีรถประจำทางผ่านเป็นที่เรียบร้อย การเที่ยวผจญภัยกับรถตุ๊กๆ ก็ทำให้ได้บรรยากาศสนุกอีกแบบ นอกจากเราจะเห็นสองข้างทางชัดแล้ว เราอยากจะจอดลงไปถ่ายรูปตรงไหนหรือชอบรูปแบบของบ้านหลังไหนก็กดแฉะได้ แถมอาหารที่นี่อร่อย มีไก่ย่างจิ้มน้ำพริก ต้มยำกุ้งรสชาติพอทานได้ ส้มตำก็โอเคนะภาพทั้งหมดเป็นของผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว)🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”