หากพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องมีสถานที่ที่อยากไปเห็น ไปสัมผัส สักครั้งในชีวิต สถานที่เหล่านั้นจะถูกฝังลงไปในสมองของเรา ว่าสักวันเราต้องไปให้ได้ ซึ่งผมก็เป็นแบบนั้นเช่นกันครับ ผมเคยดูรายการทีวีรายการหนึ่งไปถ่ายทำที่หมู่บ้านของชนเผ่าทางภาคเหนือ อยู่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหมู่บ้านนี้อยู่บนยอดดอยที่สูงและห่างไกลความเจริญมาก แต่ที่ทำให้ผมสะดุดตามากเลยก็คือ ธรรมชาติโดยรอบ ความเป็นอยู่ของคนที่นั่น และความที่เขาเป็นชนเผ่าจะมีวิถีชีวิตและอะไรหลาย ๆ อย่างแตกต่างไปจากคนเมือง ตั้งแต่นั้นมาทำให้ผมคิดอยู่เสมอ ๆ ว่า สักวันต้องไปที่หมู่บ้านนั้นให้ได้ (เครดิตภาพ : ภาพโดยผู้เขียน) หมู่บ้านชนเผ่าที่ผมอยากไปนั่นก็คือ หมู่บ้านดอยปุย หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ "หมู่บ้านม้งดอยปุย" ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันบ้านดอยปุยได้ถูกจัดให้เป็น หมู่บ้านท่องเที่ยว ในตอนที่ผมไปเที่ยวที่บ้านดอยปุย ผมมีโอกาศได้พูดคุยกับพ่อหลวง เปรียบได้กับผู้นำชุมชนของที่นั่น หลังจากมีรายการทีวีต่าง ๆ ไปถ่ายทำวิถีชีวิตชาวม้ง ทำให้บุคคลภายนอกได้รู้ว่ามีหมู่บ้านชนเผ่าบนยอดดอย ที่สวยงามแห่งนี้อยู่ ผู้คนเลยสนใจและอยากมาเที่ยวชมหมู่บ้านแห่งนี้ ทางหมู่บ้านจึงมีการจัดสถานที่ต่าง ๆ ให้เหมาะกับการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น มีทั้งตลาดม้ง โซนสวนดอกไม้ และวิถีชีวิตชาวม้ง เพราะมีผู้คนสนใจที่ท่องเที่ยวและศึกษาวิถีชีวิตพี่น้องชนเผ่าชาวม้งเป็นจำนวนมากซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตัวผมเอง เรามาดูกันครับว่าในหมู่บ้านแห่งนี้มีอะไรให้เที่ยวชมบ้างครับ (เครดิตภาพ : ภาพโดยผู้เขียน) มากันที่แรกเลยครับกับตลาดชาวม้ง จะขายอาหารต่าง ๆ ที่ชาวม้งทำเองครับ ไม่ว่าจะเป็นถั่วเน่าสูตรคนม้ง ที่พ่อค้าแนะนำผมว่าอร่อยไม่เหมือนที่อื่นเลยครับ แล้วก็จะมีหมูทอดหมักเครื่องยาจีน โอ้ว! ลืมบอกไปครับว่า ชาวม้งซึ่งอดีตเป็นชาวจีนในสมัยที่มีสงครามได้พากันอพยพมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายได้มาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บ้านดอยปุยแห่งนี้ครับ ภาษาที่ใช้สื่อสารในชนเผ่าจะเป็นภาษาม้งหรือภาษาจีนนั่นเองครับ เรามาต่อเรื่องตลาดชาวม้งกันต่อเลยครับ นอกจากถั่วเน่า หมูหมักเครื่องยาจีน ก็จะมีจิ้นส้ม (หน้าตาอาหารชนิดนี้ คล้าย ๆ กับแหนม ที่เอาเนื้อหมูไปหมักแล้วห่อด้วยใบตอง) เป็นอะไรที่ผมชอบมาก ๆ ผมลองซื้อกินห่อหนึ่งแล้วติดใจ วันนั้นผมเลยเหมาหมดเลย ราคาก็ไม่แพงด้วยนะครับ ห่อละ 20 บาท แล้วที่สำคัญคนที่นั่นใจดีด้วยนะครับ มีของแถมให้ผมเยอะเลย นอกจากอาหารแล้วยังมีของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ จากหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยนะครับ อย่างกระเป๋าผ้าฝ้ายลายนกฮูกเหล่านี้ เป็นงานที่ชาวม้งทำเองกับมือตั้งแต่การปลูกฝ้ายจนเอามาทอเป็นผ้า แล้วนำมาเย็บเป็นกระเป๋าน่ารัก ๆ แบบนี้ครับ ราคาก็น่ารักตามกระเป๋าเลยครับ ใบละ 10 บาท 12 ใบ 100 บาท ใครไปเที่ยวก็อย่าลืมอุดหนุนกันนะครับ (เครดิตภาพ : ภาพโดยผู้เขียน) (เครดิตภาพ : ภาพโดยผู้เขียน) ต่อมาก็จะเป็นโซนสวนดอกไม้ ที่มีการจัดดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน ขึ้นชื่อว่าดอย ความสวยงามของดอกไม้จึงสวยงามกว่าพื้นที่อื่น ๆ เพราะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีครับ ผมไปช่วงฤดูหนาวอากาศนี่หนาวเย็นสุด ๆ ไปเลยครับ นอกจากมีดอกไม้ที่จัดให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปแล้ว ยังมีบริการเช่าชุดประจำเผ่าด้วยนะครับ ราคา 50 บาท เป็นชุดที่ชาวม้งตัดเย็บเองกับมือเลยนะครับ มีสีสรรค์สวยงามถูกใจผมมาก มีทั้งแบบของผู้หญิงและผู้ชายครับ ชุดแบบที่ผมใส่ชนเผ่าม้งจะใส่ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานแต่ง แต่ผมก็แอบเห็นผู้เฒ่าผู้แก่บางคนใส่ชุดนี้เป็นชีวิตประจำวันเลยครับ ผมคิดว่าน่าจะด้วยยุคสมัยและคนภายนอกเข้าไป เด็กรุ่นใหม่ในชนเผ่าจึงมีค่านิยมและการแต่งการคล้ายคนเมืองมากขึ้น แต่ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวม้งอยู่ โดยการใช้ภาษาม้งในการสื่อสารระหว่างกันครับ (เครดิตภาพ : ภาพโดยผู้เขียน) อันนี้จะเป็นครกไม้สำหรับตำข้าวเปลือกของชาวม้ง ปัจจุบันชาวม้งก็ยังใช้อยู่นะครับแต่มีการดัดแปลงโดยใช้พลังงานน้ำในการช่วยทุ่นแรง ถือว่าเป็นการอนุรักษ์วิถีวิตของชาวม้งไว้ได้เป็นอย่างดีเลยครับ นอกจากครกไม้นี้แล้ว พวกเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มของชาวม้งก็จะทำด้วยมือทุกชิ้น โดยทำจากฝ้ายที่ปลูกเอง ผมเห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความสุขของชาวม้ง ผมนี่อดที่จะอิจฉาไม่ได้เลยครับ อาหารก็ได้จากธรรมชาติรอบ ๆ หมู่บ้าน เสื้อผ้าก็ทอเอง เป็นวิถีชีวิตที่แทบจะไม่ได้ใช้เงินเลยก็ว่าได้ครับ แต่ชาวบ้านทุกคนก็มีรอยยิ้มที่สดใสแสดงถึงความสุขภายใน เวลาผมนึกถึงรอยยิ้มของพวกเขาเหล่านั้นที่ไร ผมก็อดที่ยิ้มตามไม่ได้ทุกทีเลยครับ (เครดิตภาพ : ภาพโดยผู้เขียน) สำหรับการเดินทางมายังหมู่บ้านม้งดอยปุย สามารถมาได้ทั้งรถส่วนตัว และรถแดงของเชียงใหม่เลยครับ เป็นรถรับจ้างเหมาคัน โดยคิดรอบละ 500 บาท ไป-กลับ จากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปหมู่บ้านดอยปุย ขึ้นได้ครั้งละประมาณ 20 คน หารกันแล้วก็ตกคนละไม่กี่บาท ผมแนะนำให้นั่งรถแดงนะครับ เพราะเขาว่ากันว่าถ้าไปเชียงใหม่แล้วไม่นั่งรถแดง เขาว่าไปไม่ถึงเชียงใหม่ สำหรับใครที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ก็อย่าลืมไปเที่ยวดูวิถีชีวิต ที่อยู่กับธรรมชาติอย่างเรียบง่ายของคนดอยปุยนะครับ... เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม : ฟรี