หากพูดถึงมัสยิด ซึ่งเป็นศาสนสถานของชาวไทยมุสลิม อาจไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น หรือมีคนจดจำเท่าไหร่นัก ถ้าให้ลองบอกชื่อมัสยิดมาสักแห่ง ผู้เขียนมั่นใจว่าคำตอบส่วนใหญ่ในนั้นคือ มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นทั้งศาสนสถานตลอดจนเป็นสถานที่แห่งตำนานและความเชื่อ ตลอดจนเป็นสถานที่แห่งความเศร้าจากเหตุการณ์ก่อการร้ายในอดีต ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยว จึงนำเรื่องราวมาบอกเล่าแก่ผู้อ่านในบทความนี้ (ภาพโดยผู้เขียน) มัสยิดที่เราเดินทางมา คือ มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองปัตตานีเล็กน้อย ใช้เวลาเดินทางจากในเมืองประมาณ 30 นาที ส่วนตัวของผู้เขียนอยากมาเที่ยวมัสยิดนี้มาก เพราะเป็นสถานที่ที่โด่งดังจากเรื่องเล่าตำนานของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตลอดจนมัสยิดนี้ยังเคยเป็นสถานที่ก่อการร้ายในชายแดนใต้ ทำให้มีผู้คนในท้องที่มาใช้มัสยิดนี้ เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น (ภาพโดยผู้เขียน) ผู้เขียนขอเล่าตำนานแบบย่อ ๆ ว่า ในอดีตลิ้มกอเหนี่ยวเดิมเป็นชาวจีน ได้เดินทางมายังนครปัตตานี เพื่อมาตามพี่ชายกลับไปยังบ้านเกิดตามคำของพ่อแม่ แต่พี่ชายที่เคยเดินทางมาก่อนหน้านี้แต่งงานกับสาวมุสลิมชาวปัตตานี และได้เปลี่ยนเป็นนับถือศาสนาอิสลาม ขณะนั้นเองชาวปัตตานีก็ได้มีการก่อสร้างมัสยิดขึ้น เนื่องจากพยายามเพียงไรพี่ชายก็ไม่ยอมเดินทางกลับไปด้วยกัน ลิ้มกอเหนี่ยวจึงตัดสินใจแขวนคอตายใต้ต้นไม้ ใกล้กับสถานที่สร้างมัสยิดนั้นเอง ก่อนตายได้สาปแช่งไม่ให้สร้างมัสยิดได้สำเร็จ หลังจากที่ลิ้มกอเหนี่ยวสิ้นชีวิตได้มีการสร้างมัสยิดต่อ แต่กลับพบเหตุการณ์ฟ้าผ่าหลายครั้ง จนในที่สุดต้องยุติการสร้าง ส่วนหลุมศพของลิ้มกอเหนี่ยวถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ใกล้กับมัสยิดกรือเซะ ด้วยความศรัทธาของคนในท้องถิ่นจึงมีการสร้างเป็นศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว (ภาพโดยผู้เขียน) สภาพของมัสยิดจึงเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยอิฐแดง ผู้เขียนคิดว่าเสน่ห์ของสถานที่แห่งนี้ก็เพราะมันสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์นี่แหละ ซึ่งสภาพมัสยิดคงเดิมเช่นนี้มาเป็นเวลายาวนาน ที่ผู้เขียนตกใจ คือ คิดมาตลอดว่ามัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่มัสยิดแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจตามปกติ ขณะที่ผู้เขียนได้ไปมีคนในท้องถิ่นมาละหมาดที่มัสยิดนี้จำนวนหนึ่ง และมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย นักท่องเที่ยวชาวเชื้อสายมาเลเซีย มาเที่ยวกันอยู่ไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างและปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบมัสยิดอีกด้วย ผู้เขียนคิดว่าอาจเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อพัฒนามัสยิดกรือเซะ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ (ภาพโดยผู้เขียน) สำหรับการเยือนปัตตานีเพื่อไปเที่ยวมัสยิดกรือเซะในครั้งนี้ ส่วนตัวผู้เขียนประทับใจในความเป็นมัสยิดที่คงโครงสร้างดั้งเดิมได้อย่างดี รวมถึงยังคงใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจตามวัตถุประสงค์ที่สร้างขึ้นมา หากผู้อ่านคนใดมองหาสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในพื้นที่ชายแดนใต้ มัสยิดกรือแซะเป็นสถานที่ที่อยากแนะนำให้มา ลองลงมาเที่ยวในพื้นที่สามจังหวัดสักครั้ง ยังมีสถานที่อื่น ๆ มากมายรอให้ท่องเที่ยว ให้ทุกคนได้มาสัมผัส แล้วคุณจะค้นพบมุมมองใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวที่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด