ธรรมชาติยังคงอยู่ไม่ไปไหน สายน้ำไหลไปร่ำไม่ได้สน เปรียบเหมือนเราต้องเดินก้าวไปให้พ้น เก็บเรื่องราวประสบการณ์ตนร่นระยะทาง มองดูรูปดูมุมที่เรียบเฉย มาจังหวัดเลยต้องมีภาพฉายถ่ายแก่งคุดคู้ การเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ อาจจะบอกว่าการเดินทางเพื่อความผ่อนคลายในการทำงาน คนเรานั้นหากว่าในชีวิตนั้นมีแต่เรื่องที่ทำให้จิตใจเครียด ชีวิตมันจะมีความสุขได้อย่างไร แต่น้อยคนนักที่จะพาตัวเองไปพักผ่อน จนเมื่อถึงเวลาที่ไม่มีเรี่ยวแรง ร่างกายต้องการพักถึงมีเวลา กิจกรรมที่ทำให้เดินทางไปที่จังหวัดเลยคือไปในงานเลี้ยงในแบบครอบครัวคนทำงานร่วมกัน ทำกิจกรรมและจัดงานเลี้ยง เป็นโอกาสเหมาะที่ได้เดินทางไปจังหวัดเลยแต่ก่อนนั้นเคยได้ยินแต่ตำนานแก่งคุดคู้ที่จังหวัดเลยจนวันนี้ได้มีโอกาสไปดูเพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ถ้าหากว่าจะไปแนะนำให้ไปในช่วงของฤดูหนาวฤดู ฝนไปแล้วอาจจะพลาดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินบนสกายวอก หรือการขึ้นไปดูแสงแรกของวัน ซึ่งถ้าหากว่าไปในฤดูฝน ตอนเช้าฝนตกท้องฟ้าไม่เปิด บริเวณนี้เป็นบริเวณที่ถ่ายภาพสวย เพราะเมื่อถ่ายฉากทางด้านหลังจะเป็นภูเขาสองลูก และแม่น้ำที่กว้างใหญ่สะท้อนกับแสงอรุณในยามเช้า หมอกกำลังเดินทางกลับกลิ่นอายฟุ้งในยอดเขา การยืนมองสายน้ำที่ยังไหลไปเรื่อยๆ ในเวิ้งน้ำที่กว้างใหญ่ การอาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำของครอบครัวที่เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ คือชีวิตที่อยู่กับสายน้ำ อาบ กิน ดื่ม ใช้ในที่เดียวกัน มองไปคล้ายกับว่าเป็นแม่น้ำสองสี มุมนี้ในตอนเช้าอากาศดีมากเพราะว่านอกจากจะเป็นสถานที่โล่งถ่ายภาพไปแล้วมองเห็นภูเขาสองลูกชัดเจนยังได้ไอหมอก ในการมาเที่ยวในยามเช้าแนะนำให้นำผ้ามาด้วยเพื่อโพกหัวหน่อยเพราะว่าตอนเช้าหมอกจะแรงหน่อยอาจจะทำให้น้ำมูกไหลได้ หรืออาจจะไม่ร่มมาเพื่อป้องกันทั้งแสงแดดและหมอก แม่น้ำในตอนนี้เวลาที่เรามองจะไม่ใส เพราะว่าพื้นที่ตรงนี้จะเป็นน้ำวน หมุนจากทั้งสองฝั่งพัดไปมา วนอยู่ตรงกลาง บริเวณรอบแม่น้ำ มีสถานที่ในการถ่ายภาพที่เตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ บันทึกความทรงจำ ถ่ายได้ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เป็นสิ่งที่สื่อว่าครั้งหนึ่งเราเคยเดินทางมาที่จังหวัดเลย และได้สัมผัสบรรยากาศที่อาจจะไม่เหมือนใคร บางคนจะชอบเดินทางมาที่นี่ในฤดูหนาว บรรยากาศน่าจะเทียบได้กับการไปเชียงใหม่ นั่นคืออากาศเย็นลมพัดโชยใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน สองฝั่งโขง ช่วงที่นั่งอยู่นั้นมีการมาถ่ายละคร และยังมีการเต้นโชว์ หรือหากว่าเราต้องการที่จะถ่ายภาพเก็บไว้ถ่ายแล้วได้ภาพไม่เกินสิบนาที การมาเที่ยวบางครั้งคือการมาถ่ายภาพเก็บความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเรานั้นเคยมาที่นี่ เผื่อว่าวันหนึ่งเราอาจจะหลงลืมไปตามกาลเวลาที่มันเปลี่ยนไป ไม่มีใครรู้ว่าวันไหนฟ้าจะพรากเราไป จงทำทุกวันให้มีความสุข ภาพที่ถ่ายออกมาอาจจะเป็นภาพที่ไม่มีผู้คน ด้วยเพราะว่ายังเป็นในช่วงตอนเช้า ที่แดดยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า การถ่ายภาพที่สวยงามส่วนมากนั้นจะเป็นในช่วงตอนเช้าแดดสาดส่อง มุมถ่ายภาพแนะนำให้มาในช่วงเช้า เส้นทางรอบแม่น้ำยาวไปจนถึงแก่งคุดคู้ อากาศยังไม่ร้อน จะมองเห็นหมอกกำลังเดินทางกลับ บรรยากาศดีสดชื่น ถ้าหากว่ามาในช่วงสายหรือบ่ายอากาศจะค่อนข้างร้อน ตอนที่ถ่ายมีสายฝนโปรยปรายในยามเช้า ถ้าชุดพร้อมอาจจะวิ่งหรือออกกำลังกาย มีจักรยานบริการ แต่เบาะอาจจะขาดหน่อย นั่งแล้วทำให้กางเกงเปียกเลยเลือกที่จะเดินดีกว่า การตื่นเช้าจะทำให้เรานั้นได้เปรียบในอะไรหลายอย่าง การแต่งตัวแล้วเดินออกมาสูดอากาศ และมองความสวยงามของป่าเขา และแม่น้ำ ตลาดถนนคนเดินในยามเย็น ดูไม่ออกเลยว่าฝนกำลังตกลงมาอย่างชุ่มฉ่ำ ตลาดนี้เดินเพื่อที่จะเลือกชุดใส่ในการร่วมงานตอนเย็น ร้านค้ายาวสองขอบข้างทาง จนยอมกันเลยทีเดียว เพราะว่าเป็นถนนที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งกิโลเมตร อยากบอกว่าบรรยากาศดีมาก เดินสองรอบ รอบแรกคือเดินดูว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นเดินอีกรอบเลือกสิ่งที่ตนเองสนใจอยากซื้อ ใกล้ๆ จุดถ่ายภาพแก่งคุดคู้มีถนนคนเดินร้านค้า อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตรสามารถซื้อของฝาก อาหารการกินได้ ที่นี่น้ำตาลมะพร้าวราคาถูก ที่อื่นจะไม่มีขาย นุ่มหวานอร่อยราคาถุงละ 20 บาท มะพร้าวแก้วของอร่อยของเชียงคาน ที่มีทั้งแบบแห้งและสดนุ่มอร่อย ในช่วงที่ไปเดินตลาดนั้น อยู่ในช่วงที่อากาศไม่ค่อยดีเพราะว่ามีฝนตกปรอยๆ แต่ฝนตกก็ไม่ได้ทำให้การเดินถนนคนเดินของใครหลายคน กระทบเลยเดินต่อได้สบายยิ่งอากาศเย็น การเดินทางไปเชียงคานในครั้งนี้ นอกจากจะได้งานแล้วยังได้ความรู้ ประวัติศาสตร์คือตำนานเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นของแต่ละพื้นที่ ที่มีการเล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน และสถานที่คือสิ่งที่ตอบรับกับเรื่องราวเหล่านี้ มีความตามที่มีการเล่า มีบุคคลจริง สถานที่จริงการเรียนรู้เกิดจากการเดินทางออกจากบ้าน และสามารถที่จะเรียนรู้ได้ในทุกที่ทุกเวลา ภาพถ่ายทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียนเอง บุคคลในภาพผู้เขียนเอง ภาพปกจาก Canva อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !