แกรนด์แคนยอน เมื่อเพื่อน ๆ ได้ยินชื่อนี้แล้ว คงจะต้องนึกถึงภาพของหน้าผาหินสีส้มขนาดใหญ่ ที่มีแม่น้ำโคโลราโดสีเขียวมรกตไหลผ่าน ระยะทางยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานที่แห่งนี้เพื่อน ๆ บางท่านอาจจะเคยไปมาแล้ว แต่บางท่านอาจจะเคยเห็นแค่เพียงในรูปถ่าย หรือในสารคดีต่าง ๆ ซึ่งการเดินทางไปที่นั่น อาจจะใช้ระยะเวลาหลายวันและมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่เชื่อหรือไม่ครับว่าที่เมืองไทยเอง ก็มีแกรนด์แคนยอนเช่นเดียวกัน และในวันนี้ ผมจะขออาสาพาเพื่อน ๆ ท่องเที่ยวไปยัง แกรนด์แคนยอนเมืองไทย สถานที่สุด Exclusive ที่ไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตาม สามารถมาได้ทุกคน ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ พร้อมแล้วละก็ ตามผมมาได้เลยครับ "แกรนด์แคนยอนชลบุรี หรือ แกรนด์แคนยอนคีรี" คือ ชื่อเรียกของสถานที่แห่งนี้ครับ โดยลักษณะภูมิประเทศของแกรนด์แคนยอนชลบุรีนั้น จะมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน มีความคดโค้งเป็นวงกลม โอบล้อมบึงน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่เอาไว้ด้านล่าง ซึ่งเป็นภาพที่ดูคล้ายกับแกรนด์แคนยอน ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก แตกต่างกันก็แค่เพียงสีของหน้าผาหินเท่านั้นเองครับ โดยแกรนด์แคนยอนชลบุรีนั้น ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ แค่นี้เองครับ เพื่อน ๆ สามารถเดินทางมากันได้อย่างสะดวกนะครับ จุดกำเนิดแกรนด์แคนยอนชลบุรี แต่เดิมนั้นพื้นที่แห่งนี้เป็นเพียงภูเขาหินและดินลูกรังเล็ก ๆ ซึ่งในช่วงนั้นเริ่มมีการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม มีการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมากมาย ซึ่งการก่อสร้างนั้นจำเป็นต้องใช้ดินลูกรังจำนวนมหาศาล ในการถมเป็นพื้นฐานของอาคารโรงงาน ดังนั้นพื้นที่แห่งนี้ในอดีต จึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก ที่ผู้รับเหมาจากทั่วสารทิศที่ต้องการดินลูกรังจำนวนมาก มาก่อสร้างเป็นเหมืองดินลูกรังขนาดใหญ่ จนลึกลงไปเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ในเวลาต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ทำเส้นทางรถไฟตัดผ่านบริเวณนี้ ซึ่งห่างจากจุดขุดเหมืองเพียง 100 เมตรเท่านั้น ทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เกรงว่าโครงสร้างของรางรถไฟจะได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง เพราะแรงสั่นสะเทือนจากการขุดเจาะนั้น จะทำให้หน้าดินทรุดตัวตลอดเวลา และอาจจะทรุดมาจนถึงรางรถไฟ ดังนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงทำการก่อสร้างแผงปูนขึ้นมา จากจุดที่ทางรถไฟผ่าน ไล่ลงไปจนถึงก้นแอ่งกระทะ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ประสานไปยังกรมทรัพยากรธรณีและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทางกรมฯ มีคำสั่งยกเลิกสัมปทานการทำเหมืองในบริเวณนี้ทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับรถไฟที่สัญจรไปมาในบริเวณนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเหมืองจึงปิดตัวลงไป และปล่อยทิ้งร้างมาจนทุกวันนี้ และเมื่อมีฝนตกลงมา ทำให้บริเวณแอ่งกระทะนี้ มีน้ำฝนไหลลงไปด้านล่าง และน้ำถูกกักเก็บไว้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ซึ่งสีของน้ำในอ่างนี้จะมีสีเขียวมรกต นั่นก็เพราะว่ามีแร่ธาตุจำนวนมากมายหลายชนิด สะสมอยู่ในอ่างเก็บน้ำนี้นั่นเองครับ เอาหล่ะครับ หลังจากทราบประวัติคร่าว ๆ กันแล้ว ในวันนี้ผมจะพาเข้าไปชมบริเวณด้านในกันเลยนะครับ เมื่อเพื่อน ๆ เดินทางมาถึงบริเวณลานจอดรถแล้ว จะมีชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณลานจอดรถแห่งนี้คอยดูแลอยู่ โดยเพื่อน ๆ จะต้องจ่ายค่าบำรุงสถานที่จอดรถคนละ 20 บาทต่อรถยนต์ 1 คันเท่านั้นเองครับ เมื่อเพื่อน ๆ จ่ายค่าจอดรถเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้ามาด้านในได้เลยครับ โดยบริเวณนั้นจะมีป้ายบอกทางอยู่ครับ ซึ่งระหว่างทางเดินไปจุดชมวิวนั้น จะมีร้านค้าของชาวบ้านในพื้นที่ขายอาหารตามสั่ง น้ำดื่มและขนมขบเคี้ยวอยู่หลายร้าน เพื่อน ๆ ก็ช่วยกันอุดหนุนได้นะครับ ซึ่งราคาก็ไม่แพงมาก เพราะเป็นสินค้าท้องถิ่นของชาวบ้านบริเวณนั้นเองครับ และสิ่งที่สำคัญที่ผมอยากจะฝากเพื่อน ๆ ที่กำลังจะไปทุกคนนะครับ เมื่อนำภาชนะเข้าไปด้านในก็ควรจะนำกลับออกมาด้วยนะครับ เพื่อเพื่อน ๆ ที่มาทีหลัง จะได้รูปสวย ๆ กลับไปด้วย โดยที่ไม่มีเศษขยะต่าง ๆ ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างทางติดเข้ามาในรูปครับ เมื่อเพื่อน ๆ เดินผ่านร้านค้าเข้ามาบริเวณด้านใน ก็จะพบกับทางรถไฟพาดตัวเป็นแนวยาว ขนานไปกับขอบหน้าผา ซึ่งบนทางรถไฟนี้ เพื่อน ๆ สามารถถ่ายรูปสวย ๆ ได้เช่นกันครับ เพราะบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง แต่เพื่อน ๆ ควรจะระวังท่อระบายน้ำฝนที่ขนานไปกับทางรถไฟนะครับ เพราะบริเวณนั้นจะมีพงหญ้ามากมาย ทำให้เพื่อน ๆ อาจจะมองไม่เห็นว่ามีท่อระบายน้ำอยู่ ซึ่งผมเองก้าวพลาดตกท่อระบายน้ำมาแล้วครับ หลังจากที่เพื่อน ๆ เดินผ่านทางรถไฟมาแล้ว ก็จะพบกับแกรนด์แคนยอนครับ บริเวณขอบอ่างเก็บน้ำจะมีราวเหล็กกั้นอยู่ แต่อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์มากนัก ถ้าเพื่อน ๆ จะถ่ายรูปบริเวณนี้ ผมขอแนะนำว่าอย่าออกไปเกินราวกั้น และอย่าพิงราวกั้นนะครับ เพราะว่าเพื่อน ๆ อาจจะพลัดตกลงไปได้ ทางที่ดีควรเลือกถ่ายรูปแบบครึ่งตัวแทนก็ได้ครับ หรือถ้าเพื่อน ๆ เก่งโปรแกรมตกแต่งภาพก็สามารถถ่ายแบบเต็มตัว แล้วมาลบภาพราวกั้นออกก็ได้เช่นกันครับ นอกจากจะได้ภาพสวย ๆ แล้วยังปลอดภัยอีกด้วยครับ จุดถ่ายรูปรอบ ๆ แกรด์แคนยอนชลบุรีนี้ จะมีหลายจุดมากครับ เพื่อน ๆ สามารถเลือกมุมถ่ายได้ตามใจชอบ แต่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วยนะครับ โดยระยะทางจากร้านค้าไปจนสุดทางที่สามารถเดินได้จะยาวหลายร้อยเมตรเลยครับ แต่จะมีจุดยอดฮิตอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูป โดยนักท่องเที่ยวเรียกจุดนี้ว่า "ภูเขาหิมะเมืองไทย" ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เป็นบริเวณจุดเก็บหินที่มีส่วนผสมของแร่ asbestos (แร่ใยหิน)อยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อฝนตกลงมาเจ้าหินแร่เหล่านี้ก็จะอัดแน่นกลายเป็นภูเขาขนาดเล็ก แต่เมื่อฝนหยุดตกแล้วมีแสงแดด ทำให้ความชื้นในกองหินนั้นระเหยออกไป ทำให้กองหินแร่นี้เปลี่ยนสีกลายเป็นสีขาวปนสีฟ้าคล้ายกับหิมะ แต่เจ้าหินพวกนี้จะมีลักษณะเป็นฝุ่นละเอียดเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อหายใจเอาแร่ใยหินนี้เข้าไปในร่างกาย ก็จะทำอันตรายต่อปอดได้ครับ เพราะลักษณะของแร่ใยหินนี้จะมีขนาดเล็กมาก และมีความเหนียวและคงทน ดังนั้นผมจึงไม่แนะนำให้เพื่อน ๆ เดินเข้าไปถ่ายรูปเล่นบริเวณนั้นนะครับ เพราะอันตรายมากจริง ๆ ครับ และอีกข้อแนะนำของผมก็คือ พื้นที่บริเวณภูเขาหิมะเมืองไทยนั้น "เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล" นะครับเพื่อน ๆ ควรถ่ายรูปเฉพาะบริเวณลานกว้างริมทางรถไฟเท่านั้นนะครับ เป็นอย่างไรบ้างครับเพื่อน ๆ กับจุดชมวิว "แกรนด์แคนยอนชลบุรี" สถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ กำลังรอให้เพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมกันอยู่นะครับ แต่ผมขอแนะนำช่วงเวลาที่ถ่ายรูปสวยที่สุดคือช่วง 07.00น.-09.00น. และช่วงเย็นเวลา 17.00น.-18.30น. ซึ่งทั้งสองช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าสวยที่สุด แต่ถ้าจำเป็นต้องถ่ายช่วงกลางวัน ก็อย่าลืมนำอุปกรณ์กันแสงแดดติดตัวมาด้วยนะครับ เพราะแสงแดดที่สะท้อนกับพื้นคอนกรีต จะให้ความรู้สึกที่ร้อนมาก ๆ และผมขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าบริเวณ ภูเขาหิมะเมืองไทย เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลและอันตราย เพื่อน ๆ ก็ช่วยกันรักษากติกาและความสะอาดกันด้วยนะครับ เพียงเท่านี้เพื่อน ๆ ก็จะมีที่เที่ยวสวย ๆ ในเมืองไทยรอให้ไปอีกมากมายแล้วหล่ะครับ สุดท้ายนี้ผมขอให้เพื่อน ๆ เดินทางกันอย่างปลอดภัยนะครับ แล้วอย่าลืมเก็บภาพสวย ๆ มาฝากกันด้วย สำหรับทริปนี้ผมต้องขอตัวไปก่อน แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ตั้ง : ซอยคีรีนคร 8/1 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี 20000 แผนที่นำทาง : >>> Click <<< ภาพประกอบบทความโดย : เจ้าของบทความครับ