สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ นับว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ของดิฉัน เนื่องจากสวนแห่งนี้อยู่บริเวณเดียวกันกับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ ดูแลรับผิดชอบโดยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งดิฉันและครอบครัวก็อาศัยอยู่ในบ้านพักครูของวิทยาลัยเกษตรฯ มาตั้งแต่ดิฉันยังเป็นเด็ก ด้วยเพราะบิดาของดิฉันเป็นอาจารย์สอนคณะสัตวบาลอยู่ที่นี่ พวกเรารวมทั้งดิฉันและบรรดาลูกอาจารย์คนอื่น ๆ จึงถือว่าเป็น 'ลูกหลานเกษตรฯ' ค่ะคุณ และด้วยความที่สวนแห่งนี้อยู่ใกล้บ้าน พวกเราก็จะมาเล่นที่นี่บ่อยมาก โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ดิฉันเชื่อเหลือเกินค่ะว่าผู้คนในจังหวัดนี้ร้อยละ 99.99 ต้องเคยมาเยือนที่แห่งนี้กันแล้วทั้งนั้น เพราะสวนสมเด็จฯ ที่นี่คือความภาคภูมิใจของจังหวัดเรา ด้วยเป็นสวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 80 พรรษา แห่งแรกของประเทศไทย มีเนื้อที่ถึง 237 ไร่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องบรรยายถึงความใหญ่โต อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านา ๆ ชนิด แถมยังมีต้นลำดวนมากถึง 40,000 ต้นเลยทีเดียว และการก่อสร้างสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์บนผืนป่าแห่งต้นลำดวนแห่งนี้เอง ทางจังหวัดศรีสะเกษจึงเลือกใช้ดอกลำดวนที่จะบานสะพรั่งพร้อมกันในเดือนมีนาคมของทุกปีมาเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด และในช่วงเวลานั้นจะมีการจัดงาน 'เทศกาลดอกลำดวนบาน สืบสานประเพณีสี่เผ่าไทยศรีสะเกษ' หรือที่คนในจังหวัดส่วนหนึ่งมักจะเรียกขานในอีกชื่อว่า 'งานศรีพฤทเธศวร' อันเป็นชื่อของการแสดง แสง สี เสียงเกี่ยวกับตำนานการสร้างเมืองศรีสะเกษที่ยิ่งใหญ่ตระการตา เคล้ากับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกลำดวนที่ลอยมากระทบจมูกเป็นระยะ ๆ โดยจะมีการแสดงทุกคืนตลอดเทศกาลงานดอกลำดวนบานนี้ ภาพด้านบนคือประตูทางเข้าไปยังสวนสมเด็จฯจากถนนใหญ่ ซึ่งอันที่จริงแล้วเราสามารถขับรถเข้าไปยังสวนสมเด็จฯได้ถึงสองทาง แต่ด้วยอีกทางหนึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนทางเข้าของวิทยาลัยเกษตรฯ การที่เราจะขับรถเข้าไปทางนั้นจึงดูเหมือนไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แม้ว่าทางวิทยาลัยฯจะไม่ได้มีการห้ามหรือใด ๆ ก็ตาม ภาพด้านบนคือสะพานทางเข้า ซึ่งไม่บ่อยนักที่เราจะมีโอกาสได้ถ่ายภาพตอนสะพานโล่ง เพราะปกติมักจะมีนักท่องเที่ยวทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาเซลฟี่และให้อาหารปลาไปด้วยแทบจะตลอดเวลาค่ะคุณ และเมื่อมองออกไปจากทั้งสองฝั่งสะพานจะมีประติมากรรมน้ำพุดอกลำดวนผุดขึ้นมาจากกลางน้ำ โดยที่นี่จะเปิดน้ำพุในช่วงมีงานเทศกาลสำคัญ ๆ ถ้าใครอยากจะปั่นเรือชมวิวที่นี่ก็มีบริการค่ะ โดยมีกฏเหล็กที่สำคัญคือต้องใส่ชูชีพทุกคนและห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้เรือโดยเด็ดขาด เว้นแต่ว่าจะมีผู้ใหญ่ดูแล ส่วนอัตราค่าบริการคือจะมีค่ามัดจำเรือแน่นอนที่เราจะต้องจ่ายก่อนเป็นจำนวนเงิน 50 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่ตามมาคือ หากใช้เรือ 30 นาที ราคา 30 บาท หรือหากใช้เรือ 1 ชั่วโมง ราคาค่าเช่าเรือจะอยู่ที่ 50 บาท ภาพด้านบนคือ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จย่าทรงประทับอยู่บนก้อนหิน ตั้งอยู่บนเนินสนามหญ้าสีเขียวสด เป็นจุดแรกที่เราจะพบเมื่อเดินข้ามสะพานมา สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ต้องจัดให้ร่มรื่น ร่มเย็น และสวยงาม รักษาธรรมชาติไว้ไม่ต้องให้ใหญ่โตมากนัก ให้ประชาชนเข้าไปใช้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดฯทั้งสิ้น พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะกรรมการบริหารมูลนิธิสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ติดกันกับพระราชานุสาวรีย์คือสนามหญ้าผืนกว้างที่เขียวสดตลอดทั้งปี มักจะมีคนเอาเสื่อมาปูปิกนิกกัน มีการจัดเตรียมอาหารมาจากบ้าน พวกผู้ใหญ่จะนั่งคุยกันบนเสื่อ ส่วนพวกเด็ก ๆ จะวิ่งเล่นรอบ ๆ เสื่อ เป็นภาพที่ดิฉันเห็นมาตั้งแต่ดิฉันยังเป็นเด็กเลยค่ะคุณทางเดินในสวนมีหลายเส้นทางให้เราเลือกเดิน ทั้งเดินเข้าไปกลางสวนป่าซึ่งได้มีการทำเส้นทางลาดปูนซีเมนต์ไว้ให้แล้ว บางคนอาจจะเดินบนสนามหญ้า หรือว่าจะเดินเลาะริมน้ำก็ได้ โดยทางเดินทุกเส้นทางจะเชื่อมต่อกัน ที่นี่มีการบริหารจัดการที่ดีมากค่ะคุณ นักท่องเที่ยวไม่ต้องกลัวว่าจะเดินหลงเข้าป่าทึบเพราะมีการเคลียร์ใบไม้หรือกิ่งไม้ให้มีความสูงมากพอที่จะทำให้เส้นทางการเดินดูโปร่งสบายตา ไม่รก และให้ความรู้สึกปลอดภัย อีกทั้งมีการตั้งถังขยะที่มีลักษณะกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมไว้บริการตลอดเส้นทาง มีห้องน้ำที่สร้างขึ้นอย่างกลมกลืนและถูกสุขลักษณะ มีมุมให้นั่งเล่นพูดคุยหรือพักผ่อนมากมายหลายจุด สามารถรองรับบรรดาผู้คนในช่วงมีการจัดงานสำคัญต่าง ๆ ณ สถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี หากเลือกเดินเส้นเลาะริมน้ำก็จะมีวิวแม่น้ำทางขวามือให้เราเพลิดเพลินเคล้าเสียงร้องของนกนานาชนิด ช่วยปลอบประโลมจิตใจในวันเหนื่อยล้าได้ดีทีเดียวค่ะ ซึ่งใช้เวลาเดินมาไม่นานนักก็จะเห็นสะพานข้ามไปยังส่วนของสวนสัตว์อยู่ข้างหน้า ในส่วนของค่าเข้าชมสวนสัตว์นั้นผู้ใหญ่จะอยู่ที่คนละ 20 บาท ส่วนเด็กจะอยู่ที่คนละ 10 บาท ซึ่งรายได้นั้นจะนำไปเป็นค่าอาหารของสัตว์ค่ะคุณ ข้อความบนป้ายสีเขียวที่ติดอยู่ตรงประตูในภาพด้านบนได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของโครงการอนุรักษ์และรวบรวมพันธุ์สัตว์ป่าในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ ปี 2528 ไว้น่าสนใจมาก ความว่า 'จากปัญหาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านติดกับจังหวัดศรีสะเกษซึ่งมีการสู้รบกันอยู่ตลอด เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้สัตว์ป่าตามแนวชายแดนแตกตื่นหนีทะลักเข้ามาทางชายแดนไทยเป็นจำนวนมาก และได้มีชาวบ้านจับไปเลี้ยง ขาย และฆ่าตายจำนวนมาก สัตว์บางตัวบาดเจ็บชาวบ้านไม่รู้วิธีรักษาทำให้สัตว์นั้นต้องตายไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งสัตว์ในบริเวณนั้นมีจำนวนมาก สัตว์ใหญ่ เช่น กรูปรี วัวป่า ควายป่า เก้ง กวาง หมูป่า สัตว์เล็ก ๆ เช่น หมูหริ่ง หมีขอ ชะมด ลิง และนกสารพัดชนิด เป็นต้น สัตว์เหล่านี้กำลังตกระกำลำบากถ้าไม่ช่วยเหลือก็จะถูกทำลายและสูญพันธุ์ไปในที่สุด ด้วยเหตุผลนี้ วิทยาลัยเกษตรกรรมศรีสะเกษ นำโดย นายจำนง มหาผล ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมศรีสะเกษในสมัยนั้น จึงได้ดำเนินการจัดสภาพพื้นที่ภายในวิทยาลัยฯไว้ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโครงการสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ศรีสะเกษ ให้เป็นสวนสัตว์เปิดหรือโครงการสวนสัตว์อพยพ โดยทำไว้ให้สัตว์ได้อยู่อย่างปลอดภัยไม่มีใครมารบกวน สัตว์ที่ป่วยก็จัดการรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งในเบื้องต้นได้รวบรวมสัตว์ไว้ได้ประมาณ 40 กว่าชนิด ประมาณ 80 ตัว มีทั้งสัตว์ที่ชาวบ้านนำมาบริจาคและขอซื้อจากชาวบ้านมาเป็นบางส่วน' ภายในสวนสัตว์นอกจากจะมีเหล่าบรรดาสัตว์ชนิดต่าง ๆ ให้เราเดินชมจนทั่วแล้ว ยังมีขนมปังและกล้วยจำหน่ายสำหรับผู้ที่ต้องการให้อาหารสัตว์ อีกทั้งยังมีที่นั่งพักในสวนสัตว์จัดไว้ให้หลากหลายมุม หลังออกจากสวนสัตว์แล้ว เราสามารถเลือกเส้นทางกลับได้หลากหลายเส้นทาง เพราะอย่างที่ดิฉันได้บอกไปข้างต้นแล้วว่าสวนสมเด็จฯแห่งนี้มีเส้นทางเชื่อมถึงกันหลากหลายเส้นทางมาก และอีกเครื่องเล่นธรรมชาติของเหล่าเด็ก ๆ รุ่นดิฉันนั่นคือการปีนแกว่ง 'เถาวัลย์' โดยเป็นเถาวัลย์ที่มีอายุมากจนมีความแข็งแรง และเป็นที่โปรดปราณของพวกเด็ก ๆ อย่างเราในสมัยนั้นค่ะคุณ ที่นี่เปิดทำการเวลา 08.30 - 18.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด หากใครอยากจะมาเดินเล่นในสวนดิฉันแนะนำว่าช่วงเวลาสี่โมงเย็นเป็นต้นไปควรพกโลชั่นทากันยุงมาด้วย เพราะอย่างที่ทราบกันว่าผืนที่นี้เป็นป่าใหญ่จึงมียุงชุมมากในช่วงเวลาเย็น และสถานที่นี้งดเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ทุกชนิดค่ะคุณ ส่วนที่จอดรถนั้นทางวิทยาลัยฯได้จัดสร้างเอาไว้รองรับการมาพักผ่อนไว้อย่างสะดวกสบาย มีร้านค้าขายอาหารและสหกรณ์ขายของที่ระลึกด้วยค่ะ หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเดินทางมาเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 045612934 ในเวลาราชการ หรือสามารถเข้าไปดูที่เวปไซต์ http://www.sskcat.ac.th/suansomdej.php เครดิตภาพประกอบบทความ : พริกเผ็ด (ผู้เขียน) สถานที่ : สวนสมเด็จพระศรีนครินท์ จังหวัดศรีสะเกษ (วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ) ถนนกสิกรรม ตำบลหนองครก อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 33000