Ok ไปเบตงเสน่ห์เมืองใต้สุดของไทย สวัสดีค่ะการท่องเที่ยวเป็นการค้นหาความหมายของชีวิตค้นหาความหมายของความสุขในการเจอสิ่งใหม่ๆแปลกตาแปลกใจและค้นหาอิสระการท่องโลกกว้างหลีกหนีการทำงานในชีวิตประจำวันและสังคมอันจำเจแบบเช้าทำงานเย็นกลับบ้าน เราเลือกค้นหาความหมายของชีวิตในรอบนี้ด้วยกันไปในสถานที่ใต้สุดของประเทศไทยซึ่งถือว่าเป็นเป็นเมืองท่องเที่ยวห่างไกลที่น้อยคนจะคิดถึงและมีคนจำนวนมากบอกน่ากลัวนั่นคือ เมืองเบตงจังหวัดยะลาเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ปลายด้ามขวานของประเทศไทย เราบินจากกรุงเทพฯลงที่สนามบินนราธิวาสและเดินทางไปเบตงกันด้วยมอเตอร์ไซด์สัมผัสกับวิวสองข้างทางตามทิวเขา และผ่านแม่น้ำสายบุรี แวะพักชมวิว เราใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองจังหวัดนราธิวาสประมาณ3ชั่วโมงครึ่งโดยออกเดินทางเวลาประมาณเที่ยงวันและถึงเมืองเบตงตอนบ่าย3 โมงเย็น เมื่อถึงเมืองเบตงเราจะเจอป้ายOK BETONG เมืองเบตงถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดยะลาโดยนอกจากคนไทยแล้วยังมีคนมาเลเซียข้ามมาเที่ยวด้วยการเดินทางไปเบตงครั้งนี้เราเน้นเที่ยวกินที่ตัวเมืองเบตงเป็นหลัก หลังจากเก็บของเช็คอินที่พักเราก็ออกเดินทางไปสำรวจเบตงยามค่ำคืน มุ่งหน้าไปชมไฟที่อุโมงเบตงซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเบตง และได้เวลาตามล่าหาของกินแบบง่ายๆแต่รสชาติแบบเมืองเบตงกันค่ะเริ่มด้วยโรตีสี่แยกหอนาฬิกาซึ่งคนเยอะมากรอคิวนาน รสชาติถูกใจ ราคา 20 บาท ยิ้มเลยกำลังหิว เดินเล่นรอบเมืองมาสะดุดร้านบะหมี่ดูแบบร้านทั่วไปแต่เราสังเกตุว่าคนเยอะมากและส่วนใหญ่เป็นคนมาเลเซียคนจีนเลยทำให้เราอดใจไม่ได้ต้องลองสักจาน จากการสังเกตุส่วนใหญ่เค้าสั่งบะหมี่แห้งเราเลยจัดมาหนึ่งจานต้องร้องโอโฮเลยอร่อยมากแบบไม่ได้คาดหวังหน้าตาแบบนี้เลยจร้าบะหมี่เบตง ราคาประมาณจานละ 30 บาท กินอิ่มเลย2 คน หลังจากที่เดินเล่นรอบเมืองเบตงและกินของอร่อยพอให้สบายท้องกลับไปพักผ่อน ตื่นเช้ากับบรรยากาศสดชื่นพร้อมลุยต่อเข้าเมืองกันจร้าตั้งใจไปสำรวจงานศิลปะบนกำแพงในเมืองเบตงซึ้งจะสามารถเห็นได้ทั่วเมืองเดินเล่นถ่ายรูปสักพักเริ่มหิวไปหาไรกินกันเลย อาหารที่น่าสนใจอีกอย่างที่เมืองเบตงคือติมซำซึ่งมีหลายร้านมากๆแต่เพื่อนเราที่อยู่เบตงบอกว่าต้องร้านไทซีอี้ถึงจะสุดยอดและมันก็สุดยอดจริงๆเหมาะมากกับการเลือกติมซำเป็นอาหารเช้า เลือกของสดและนึ่งใหม่ตามที่เราต้องการเราเลือกไปเกือบ20 เข่งหยิบเหมือนหลับตาอิ่มมากเลยค่ะนึ่งเสร็จจะหน้าตาแบบนี้น่ากินมากเลยทุกคน... หลังจากอิ่มเป็นที่เรียบร้อยสำหรับอาหารเช้าแต่.....แต่ยังไม่หยุดจร้าอยากกินของหวานหรือไอติมขึ้นมาขับรถไปรอบเมืองแวะร้านไอติมผัดจริงๆร้านนี้ก็มีอยู่หลายแห่งทั่วไทยแต่สะดุดตรงที่มาเปิดอยู่เบตงเลยของชิมและนั่งชิวซะหน่อย บรรยากาศร้านน่ารักแม่ค้าใจดีคนเต็มร้านไอติมผัดเราสามารถเลือกรสไอติมตามชอบเพิ่มท๊อปปิ้งได้ตามความต้องการเลยค่ะและมีเมนูของหวานอื่นๆอีกเพียบเลยค่ะ หลังจากท้องอิ่มอาหารคาวและหวานขับรถเล่นวนรอบเมืองและก็ถึงเวลาเดินทางต่อเป้าหมายของเราคือบ่อน้ำพุร้อนเบตง เดินทางประมาณ20 นาทีเราก็มาถึงบ่อน้ำพุร้อนเบตงกันและค่ะภายในบริเวณของบ่อน้ำพุร้อนเบตงจะมีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่เพื่อบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะแช่น้ำพุร้อนเพื่อการผ่อนคลายสบายไปอีกคร่า การมาบ่อน้ำพุร้อนเบตงของเราครั้งนี้เราไม่ได้มาเพื่อแช่น้ำพุร้อนแต่เราจะมาเพื่อต้มไข่จะมีจุดบริเวณให้เรานำไข่ไปต้มทิ้งไว้ตามเวลาประมาณ15 นาทีก็จะได้ไข่ต้มที่สุกกำลังอร่อยค่ะ หลังจากที่เราได้ไข่ต้มก็นั่งกินจนอิ่มอร่อยเลยคิดหาร้านเพื่อหาซื้อโปสการ์ดซึ่งสามารถซื้อได้ที่ร้านสหกรณ์เบตงในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนเบตงค่ะ เขียนโปสการ์ดเบตงส่งกลับไปยังบ้านที่กรุงเทพเพื่อเป็นที่ระลึกเมืองใต้สุดของไทยที่เราได้มาสัมผัส แล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลันราธิวาสเพื่อจะเดินทางกลับกรุงเทพฯค่ะ ก่อนกลับเราก็อยากไปสัมผัสน้ำตกกันสักหน่อย เดินทางแป๊บเดียวก็ถึงน้ำตกน้ำตกนี้ชื่อน้ำตกอินทสรโดยทางเข้าน้ำตกน่ากลัวไปนิดทำให้มีนักท่องเที่ยวน้อยจากการสังเกตุส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวน่าจะเป็นเด็กและคนแถวน้ำตกที่ไปเล่นน้ำและตกปลากันค่ะเงียบมาก ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับจริงๆ น่าเสียดายทที่เรามีเวลาน้อย ยังมีอีกหลายสถานที่ และอาหารอีกหลายอย่างในเมืองเบตง ที่เรายังไม่ได้ลอง ที่สำคัญไม่มีอะไรน่ากลัวเลย กับการมาเที่ยวเมืองที่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัส และถ้ามีโอกาสจะวนกลับมาหาเธอใหม่นะ เบตง...... ok ไปเบตง เสน่ห์เมืองใต้สุดของไทย