ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา หนึ่งวันพักผ่อน หาที่เที่ยวสุดชิคใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไกล ก็ต้องนี่เลย ตลาดร้อยปีเก้าห้อง ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปลาม้า จากอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ก็ถือว่าไม่ไกล หรือจากกรุงเทพฯ ถึงบางปลาม้า ก็นับว่าชานเมืองนี่เอง ส่วนที่นี่ มีอะไรสุดชิคให้เที่ยวชมกันบ้าง วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวด้วยกันนะ ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ตลาดเก้าห้อง เป็นตลาดเก่าแก่มีอายุนับร้อยปี แต่อาจไม่ใหญ่มากนัก เพียงแต่มีความอนุรักษ์ห้องแถวชุมชนเก่า จัดเป็นกลุ่มขึ้นมาเพื่อรวมตัวกันค้าขาย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวที่มีเวลาไม่มาก สามารถรวมกลุ่มมาเที่ยวกันได้ โดยเราต้องเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนไปก็จะเจออาคารร้านตลาดเป็นไม้เก่าที่อนุรักษ์ไว้ให้รุ่นลูกหลานได้ชมกัน แม้ร้านรวงจะไม่ได้เปิดครบทุกร้าน จนดูมีความเงียบเหงาไปบ้าง แต่ด้วยรอยยิ้มของผู้เฒ่าผู้แก่ ก็ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมยิ้มตามได้ด้วยความสุขในการเดินทางมาที่นี่ ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา และแน่นอนว่าหากใครมาถึงถิ่นที่เรียกว่าตลาดร้อยปีเก้าห้องแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะกราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองของที่นี่ รวมถึงศาลที่ตั้งรูปปั้นของสองตายายผู้ก่อตั้งตลาดร้อยปีเก้าห้องขึ้นมา นั่นก็คือ นายบุญรอด เหลียงพานิช และนางบุญจัน สองคนตายาย ที่คนรุ่นเก่ารู้จักนายบุญรอดกันดีภายใต้ชื่อตาฮง จากศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และศาลตายาย เราก็พร้อมเดินเล่นในตลาดกันแบบชิล ๆ ของขายภายในตลาดอาจไม่มากมายนัก แต่ก็มีหลากหลายอย่างที่ยังคงเป็นวิถีชุมชนที่มีสินค้าในยุคสมัยก่อนให้เราได้เห็น อาทิ เตาอั่งโล่ สำหรับใช้ถ่านหุงต้มทำอาหารแทนแก๊สและพลังงานอื่น ๆ หรือจะเป็นเสื่อทอมือที่คนยุคเก่ายังนิยมใช้กัน หม้อเคลือบหลากหลายขนาด ไว้สำหรับปรุงอาหาร ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา เดินเที่ยวชมเลือกซื้อของฝากของขวัญกันตามอัธยาศัยแล้ว หากเราเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ก็ยังมีที่พักนั่งชิล เป็นร้านขายอาหารหลากสไตล์ให้เลือกชิมกัน โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์มาเนิ่นนานก็คือราดหน้าเจ้จุก ว่ากันว่า ถ้าใครมาถึงตลาดร้อยปีเก้าห้อง ไม่ได้แวะชิมราดหน้าเจ้จุก ก็เหมือนมาไม่ถึงตลาดร้อยปีเก้าห้องเลยเชียวล่ะ แต่อาหารอร่อยที่ตลาดแห่งนี้ก็ไม่ได้มีแค่ราดหน้านะ ก๋วยจั๊บโบราณ ก๋วยเตี๋ยวอร่อย ๆ ก็มีไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ก่อนจากกัน ถ้าไม่เอ่ยถึงอีกหนึ่งเอกลักษณ์โดดเด่นของที่นี่คงไม่ได้ นั่นก็คือ "หอดูโจร" มีลักษณะเป็นหอคอยสูงประมาณตึก 4 ชั้น เล่าสืบต่อกันมาว่า หอดูโจรแห่งนี้ สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน มีไว้ก็เพื่อป้องกันโจรผู้ร้ายในยุคสมัยก่อนที่เมืองสุพรรณฯ มีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก ไม่ว่าจะเป็นเสือดำ เสือใบ โจรมเหศวร ภายหลังสร้างป้อมหรือหอดูโจรแห่งนี้ขึ้นมาแล้ว ก็เห็นผลเพราะโจรไม่เคยมาปล้นตลาดเก้าห้องแห่งนี้อีกเลย ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ท้ายสุดนี้ หากเพื่อนๆ สนใจ แวะเวียนมาเที่ยวชมหอดูโจร และเที่ยวตลาดร้อยปีเก้าห้องกันนะ โดยการเดินทางสะดวกสบายจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวง 340 กม.ที่ 87-88 เลยแยกเข้า อ.บางปลาม้า ประมาณ 1 กม. จากนั้นขับรถตรงไปอีกประมาณ 2.4 กม. ตามเส้นทางวัดลานดุก ก็จะถึงตลาดร้อยปีเก้าห้องกันแล้ว พร้อมเดินเที่ยว ชิม ช้อปกันได้เลยล่ะ !