เมื่อ 9 ปีที่แล้วขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่ พอดีกับเพื่อนที่เป็นไกด์นำเที่ยวชักชวนให้ไปเดินป่าระยะทางสั้นๆ ที่บ้านแม่กลางหลวง ดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง แถมเพื่อนที่โทรมาชวนยังออกปากรับรองอีกว่าที่นี่เป็นสุดยอดธรรมชาติ ยังเป็นป่าบริสุทธิ์ที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปเยือนกันมากนัก เราก็เลยตัดสินใจรับปากอย่างไม่ลังเล เส้นทางธรรมชาติ ราวกับภาพวาดจิตรกร จากคำโน้มน้าวของเพื่อน บอกว่าที่ที่ชวนเราไปเป็นเส้นทางเดินป่าที่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง จะต้องเดินผ่านทั้งทางสูงชัน ทางลอด ทางลาด สะพานไม้ข้ามลำน้ำ ผ่านหมู่บ้านชาวเขา ลัดเลาะไปตามลำห้วยเพื่อไปสัมผัสกับน้ำตกผาดอกเสี้ยว น้ำตกที่งดงามบริสุทธิ์ท่ามกลางผืนป่า เท่านั้นยังไม่พอยังต้องเดินผ่านนาขั้นบันได ทะลุไปถึงหมู่บ้านแม่กลางหลวง ที่ที่นักท่องเที่ยวผู้ไปเยือนสามารถนอนพักค้างแรมได้ เพราะมีทั้งโฮมสเตย์ที่แสนสะดวกสบาย หรือจะเลือกพักแบบวิถีชีวิตแท้ๆ ของชาวเขา ก็มีให้เป็นทางเลือก แค่ได้ฟังคำโน้มน้าวใจก็ลอยไปถึงแม่กลางหลวงก่อนแล้ว ไปไหนก็ไปกัน ไปเก็บความฝันด้วยกันนะเธอ จากการบอกเล่าถึงกิจกรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจ ที่เราจะได้สัมผัสทั้งความงดงาม ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ และได้ออกกำลังกายไปด้วยจนทำให้อดใจรอแทบไม่ไหว ก็ได้นัดหมายวันเวลากันเป็นที่เรียบร้อย จนกระทั่งมาถึงวันเดินทางในที่สุด เราได้ขับรถไปยังจุดนัดพบ เพื่อนก็ได้เตรียมไกด์ท้องถิ่นที่เป็นชาวเขา 2 คน ไว้ให้เดินป่ากับเรา มำหน้าที่นำทางตามกฎการเดินป่าของเส้นทางสายนี้ ลมพัดผ่านผิวกาย สูดเข้าไปให้เต็มปอด การเดินเท้าช่วงแรกจะผ่านป่าโปร่งที่มีลมพัดเย็น อากาศที่แม่กลางหลวงทำให้รู้สึกโล่งจมูก สัมผัสแรกบอกว่าน่าจะเป็นเส้นทางที่ไม่น่าจะลำบากมากนัก คงเดินสบายๆ ลัดเลาะไปเรื่อยๆ แต่พอเดินมาได้สักพักก็เริ่มเจอทางลาดลงเป็นขั้นบันได เอ๊ะ! เริ่มไม่ใช่ละ แล้วก็จะได้ยินเสียงน้ำตกดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้แต่สงสัยว่าเดินมาแป๊บเดียวเองทำไมถึงน้ำตกแล้ว จริงๆ แล้วยังไม่ถึงน้ำตกผาดอกเสี้ยว ที่ได้ยินเสียงน้ำตกก็เพราะเรากำลังเดินขนานไปตามลำห้วยที่มีน้ำใสไหลเย็นกระทบชั้นหิน ผสมกับเสียงป่า เสียงนกเสียง ใบไม้หวีดหวิวดังบ้าง เบาบ้าง ตามแรงลมพัดไหว ภูเขาสูงชันแค่ไหน หัวใจก็ไม่ยอมหยุด ทางเดินจะลาดลงไปตามแนวเขาเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ทันรู้สึกว่าเรากำลังเดินไต่ลงเขาจนมาถึงทางชันที่ทำเป็นขั้นบันได ต้องค่อยๆ เดินลง ในที่สุดก็มาถึงน้ำตกผาดอกเสี้ยวที่งดงาม บริสุทธิ์ คงความเป็นธรรมชาติสุดๆ น้ำตกผาดอกเสี้ยวมีทั้งหมด 10 ชั้น แต่ส่วนที่สวยงามรอผู้มาเยือนคือชั้นที่ 7 ที่เป็นสายน้ำปล่อยไหลลงมาราวๆ ความสูงสัก 20 เมตร บริเวณน้ำตกจะมีต้นเสี้ยวขึ้นอยู่รายรอบ หลายคนก็นิยมเรียกว่า น้ำตกรักจัง ตามชื่อหนังเรื่องรักจังที่ไปถ่ายทำที่นี่นั่นเอง แต่เราชอบชื่อผาดอกเสี้ยวมากกว่า ดูใกล้ชิดธรรมชาติดี น้ำตกผาดอกเสี้ยวกระเซ็นเป็นสายแรงกระทบยอดไม้ ใบหญ้า หากไปยืนใกล้ๆ ละอองน้ำจะปลิวมาปะทะใบหน้าเต็มๆ ตอนนั้นหลายคนไม่สนความหนาวเย็นกระโดดลงไปเล่นน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน ก็ถือโอกาสใช้ที่นี่เป็นจุดพัก เล่นน้ำ ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศอิ่มเอมกันไป สะพานไม้เชื่อมสองฝั่ง พักกันหายเหนื่อยแล้วก็เดินกันต่อเลย ซึ่งก็จะไปเจอสะพานไม้ไผ่ข้ามลำห้วยที่มีฉากด้านหลังเป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง สะพานไม้ไผ่นี้มีละอองน้ำเกาะ ทำให้เปียก ลื่น การเดินข้ามต้องคอยจับราวให้มั่น จึงค่อยๆ เดินผ่านไปได้ แต่ก็ต้องค่อยๆ ประคองตัวเองให้ดี จุดนี้ก็เป็นจุดที่สร้างความประทับใจ มีมุมถ่ายภาพสวยๆ แถมฉ่ำเย็นจากไอน้ำตกอีกต่างหาก ไกลก็เหมือนใกล้ ถ้าหัวใจไม่หยุดฝัน ช่วงจากน้ำตกผาดอกเสี้ยวมาทางบ้านแม่กลางหลวงนั้นจะเป็นทางเดินเลียบเขา ไม่ลาดชันมากเหมือนช่วงแรกแล้ว เป็นทางเดินที่คู่ขนานไปกับทางน้ำเล็กๆ ทำให้ทางเดินลื่น บางช่วงก็ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ ที่น่าสังเกตระหว่างทางจะมีท่อประปายาวตามทางน้ำไปตลอดเส้นทาง ซึ่งก็คือประปาดอยที่ชาวบ้านแม่กลางหลวงได้ใช้อุปโภคบริโภคนั่นเอง เติมใจด้วยไฟฝัน ดูแลกันและกันตลอดไป แล้วในที่สุดเราก็เดินลัดเลาะไปจนถึงจุดที่มองเห็นนาขั้นบันไดที่มองไปโล่งสุดสายตา ไกลลิบๆ ข้างหน้าเป็นหมู่บ้านแม่กลางหลวงแล้ว ใช้เวลาเดินไม่นานนักก็ถึงจนได้ จุดแรกเราจะเจอร้านกาแฟเป็นจุดต้อนรับ แต่อย่านึกภาพร้านกาแฟสมัยนี้นะ เป็นแค่เพิงพักธรรมดามากๆ มีแค่กองไฟไว้ต้มกาน้ำร้อน นั่งผิงไฟจิบกาแฟดำอุ่นๆ ที่คั่วที่บดกันสดๆ ตรงนั้นเลย พักผ่อนหย่อนใจ โลกใบไหนก็ไม่เหมือน สมัยที่ไปเยือนบ้านแม่กลางหลวง ทางเลือกในการพักแรมยังมีไม่มากเหมือนปัจจุบันนี้ เขาจะมีระบบจัดการบ้านพักของคนในพื้นที่หลายๆ หลังหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไป เป็นโฮมสเตย์ที่ให้เรียนรู้วิถีชีวิตจริงๆ ชาวบ้านเขาอยู่ยังไง เราก็อยู่อย่างนั้น มีที่นอน หมอน ฟูก มุ้งให้ ถึงเวลากินเขาก็มาทำอาหารให้ เขากินยังไงเราก็กินอย่างนั้นอีกเหมือนกัน เสร็จกิจธุระส่วนตัวใครจะแยกย้ายเดินเล่นก็ว่ากันไป นัดหมายกลับมารวมพลเมื่อถึงเวลากินข้าว เมื่อเทศกาลปีใหม่มาเยือน การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเหมือนกัน การมาเรียนรู้สัมผัสวิถีชีวิตอาจต้องแลกกับความสะดวกสบายหลายๆ อย่างไปบ้าง แน่นอนล่ะ บางคนอาจจะไม่คุ้นชิน แต่ก็ได้เรียนรู้ถึงความเป็นจริงที่แตกต่าง ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่ของคนบ้านแม่กลางหลวง การได้มานั่งล้อมรอบกองไฟ หรือนอนผิงดาวพูดคุยแลกเปลี่ยนถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างคนแต่ละพื้นที่ ก็ได้เก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่คุ้มค่าเหลือเกิน บ้านแม่กลางหลวง มีแหล่งโอโซนบริสุทธิ์ อากาศหนาวเย็นไม่แพ้บนยอดดอย หากคุณกำลังมองหาที่พักในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อหลบเร้นจากคนหมู่มาก พักพิงหัวใจยามเหนื่อยล้า หรือหาที่เติมเต็มพลังงานให้กับร่างกาย ก็อยากแนะนำให้ลองมาเยือน แม่กลางหลวง สักครั้ง แล้วคุณจะพบกับเสน่ห์ของชุมชนท่ามกลางผืนป่าแห่งดอยอินท์นนท์ที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือน และเมื่อคุณได้มาแล้วรับรองเลยว่าคุณจะต้องอยากกลับไปเยือน แม่กลางหลวง อีกครั้งแน่นอน