รีเซต

เที่ยวฝรั่งเศส ชม 10 หมู่บ้านน่ารัก แห่งแคว้น Alsace สีสันสดใส เหมือนเทพนิยาย

เที่ยวฝรั่งเศส ชม 10 หมู่บ้านน่ารัก แห่งแคว้น Alsace สีสันสดใส เหมือนเทพนิยาย
SummerB
7 ตุลาคม 2564 ( 20:30 )
7.7K

       เวลาเราดูการ์ตูนแนวเทพนิยายหรืออ่านนิทาน ก็จะมีภาพของหมู่บ้านสีสันสดใส บรรยากาศอบอุ่นน่ารักปรากฏขึ้นมาในจินตนาการเสมอ ซึ่งภาพเหล่านั้นก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าความเป็นจริงเลยค่ะ เพราะที่ แคว้น Alsace ที่เที่ยวฝรั่งเศส นั้นมี 10 หมู่บ้านน่ารัก โรแมนติกราวกับเทพนิยาย แถมยังสวยและบรรยากาศดียิ่งกว่าที่จินตนาการไว้อีก เห็นแล้วก็อยากจะวาร์ปไปเที่ยวที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย

 

หมู่บ้าน แคว้น Alsace ที่เที่ยวฝรั่งเศส

หมู่บ้านน่ารัก เหมือนเทพนิยาย

 

1. Colmar

 

 

      ถ้าพูดถึงหมู่บ้านที่สวยที่สุดใน แคว้นอาลซัส (Alsace) ประเทศฝรั่งเศส เมืองแรกๆ ที่นึกถึงคงเป็น กอลมาร์ (Colmar) หมู่บ้านน่ารักเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสีสันสดใส ที่ยังคงเสน่ห์ความคลาสสิกของสมัยยุคกลาง อย่างเช่น Maison des Têtes คฤหาสน์ทรงสูงจากยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) และ Maison Pfister อาคารหอคอยเก่าแก่ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 และเนื่องจากตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสซึ่งติดกับ ประเทศเยอรมัน จึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมและสถาปัตกรรมมาค่อนข้างมาก

       เสน่ห์ของกอลมาร์ไม่ได้มีเพียงบ้านเมืองอันแสนน่ารักเท่านั้น แต่ยังมีลำคลองไหลผ่านตลอดทางจนได้รับการขนานนามให้เป็น “Little Venice” (la Petite Venise) แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็น Ville Fleurie หรือ Flowering City ซึ่งแปลว่า "หมู่บ้านแห่งดอกไม้" อีกด้วย ถ้าสังเกตดูดีๆ เราจะเห็นกระถางต้นไม้ตั้งอยู่ตามระเบียงบ้านแต่ละหลัง เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ดอกไม้เหล่านั้นจะบานสะพรั่ง แต่งแต้มสีสันให้หมู่บ้านแห่งนี้มีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ Colmar ฝรั่งเศส เมืองในเทพนิยาย ยุโรปในฝัน

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/Q9WzqcixKYzCkuhW8 

==========

 

2. Riquewihr

 

 

       ทุกคนพอจะคุ้นเคยกับหมู่บ้าน Riquewihr บ้างมั้ยคะ ถ้าคุ้นก็ไม่ต้องแปลกใจเลย เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของ หมู่บ้านของเบลล์ ใน Beauty and the Beast (1991) นั่นเอง แถมยังเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศส (Les Plus Beaux Villages de France) ด้วย เพราะแค่เดินเข้าไปในตัวเมือง เราก็จะพบกับบ้านเมืองสีสันสดใสเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย โดยมี Rue du Général-de-Gaulle เป็นถนนสายหลักของหมู่บ้าน ล้อมรอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านไวน์ขึ้นชื่อ และร้านขนมปังที่อบมาสดใหม่ทุกวัน ก่อนจะไปสิ้นสุดที่ Dolder Gate Tower หอนาฬิกาที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1291 ในปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/M8NQx6royXAoHPbdA 

 

==========

 

3. Ribeauvillé 

 

elitravo / Shutterstock.com

 

     ถัดจาก Riquewihr เพียง 4 กิโลเมตรก็จะถึง Ribeauvillé หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับหมู่บ้านของเบลล์ค่ะ ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็น Ville Fleurie หรือ หมู่บ้านแห่งดอกไม้ เช่นเดียวกับกอลมาร์ เพราะตามระเบียงบ้าน ถนนหนทาง ลานน้ำพุ หรือแม้กระทั่งรูปปั้นต่างๆ ก็ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสี สวยสุดๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เมื่อนอกไปนอกเมืองก็จะพบกับ Château Saint Ulrich, Château Girsberg และ Château du Haut-Ribeaupierre ปราสาทโบราณบนเนินเขา ที่ทำให้เราเห็นวิวอันแสนสวยของหมู่บ้านและไร่องุ่นเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ

     ใครที่มีโอกาสไปเที่ยว Ribeauvillé ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจะได้สัมผัสกับ Medieval Christmas Market ตลาดคริสต์มาสที่มีกลิ่นอายความคลาสสิกของยุคกลาง เต็มไปด้วยร้านค้าขายเครื่องประดับตกแต่งน่ารักๆ ขนม อาหาร และอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมสร้างความสุขให้กับทุกคน

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/gqjizCPHjCUwMH4TA 

==========

 

4. Strasbourg

 

Strasbourg หมู่บ้านอาลซัส Alsace ที่เที่ยว ฝรั่งเศส

 

      Strasbourg เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นอาลซัส แต่ก็ยังไม่ทิ้งเสน่ห์ของบ้านเมืองสไตล์ยุคกลางเอาไว้ โดยเฉพาะในเขตเมืองเก่าซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง Grand Island โดดเด่นด้วย Strasbourg Cathedral มหาวิหารสถาปัตยกรรมโกธิค (Gothic) สุดวิจิตรตระการตา ล้อมรอบด้วย แม่น้ำอีล (River Ill) และต้นไม้ร่มรื่น ทัศนียภาพอันงดงามและบ้านเรือนที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมล่องเรือไปตามแม่น้ำอีลเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติก และเนื่องจากเป็นเมืองที่ติดกับติดกับพรมแดนเยอรมัน หลายคนๆ จึงเลือกที่จะไปเที่ยวเยอรมันต่อจากที่นี่เลยค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/a2qPYP1JR24ynJ8e8 

==========

 

5. Obernai

 

 

     จาก Strasbourg ราว 25 กิโลเมตร ก็จะพบกับ Obernai หนึ่งในเมืองที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุดในฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเศรษฐกิจ ประชากร หรือการขยายอาณาเขตของเมืองก็ตาม เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในสมัยยุคโกธิคและเรอเนสซองส์ที่ จตุรัส Place du Marché ศูนย์รวมร้านค้าและอาคารเก่าแก่มากมาย รวมถึง Hôtel de Ville ศาลากลางที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-เรอเนสซองส์ และ Church of Saints Peter and Paul โบสถ์ที่มีการสร้างใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1867 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โกธิคค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/Wo3XaaLLFS8xFz9F6 

 

==========

 

6. Eguisheim

 

 

      Eguisheim เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ตั้งอยู่ห่างจากกอลมาร์เพียง 5 กิโลเมตร สีสันของดอกไม้ที่ประดับตกแต่งทั่วทั้งเมืองทำให้ที่นี่ได้รับรางวัล Grand Prix National du Fleurissement รางวัลเมืองดอกไม้ดีเด่นแห่งชาติของประเทศฝรั่งเศส แถมยังเคยมีการโหวตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 2013 อีกด้วยค่ะ ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลย เพราะบรรยากาศอันแสนน่ารักและอบอุ่นของบ้านเมืองในยุคศตวรรษที่ 16-17 ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของเทพนิยายเลยล่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/s65wxP1vaiBMFvp27 

==========

 

7. Kaysersberg

 

 

     Kaysersberg เป็นหมู่บ้านที่สะท้อนถึงกลิ่นอายความคลาสสิกของยุคกลางได้เป็นอย่างดี ยิ่งประกอบกับสายน้ำในลำธารที่ไหลลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน รวมถึงขุนเขาที่ล้อมรอบก็ยิ่งทำให้มีบรรยากาศเหมือนหมู่บ้านในนิทานไม่มีผิด ใครที่มาเยือน Kaysersberg ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันคึกคักของเทศกาลคริสต์มาส ทั่วทั้งหมู่บ้านจะประดับประดาไปด้วยไฟระยิบระยับและของตกแต่งสุดน่ารัก ที่สำคัญคือห้ามพลาดไปเดินเล่นในตลาดคริสต์มาสเด็ดขาด ไม่งั้นก็เหมือนมาไม่ถึงหมู่บ้านแห่งนี้ค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/PYihYsDZ6nXePWBj6 

==========

 

8. Sélestat

 

 

      ต่อมาคือ Sélestat เมืองที่เต็มไปด้วยมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมมากมาย จึงถูกจัดให้เป็น "Ville d'Art et d'Histoire" (City of Art and History) หรือ เมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ นั่นเองค่ะ ในเมืองมีหอสมุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1452 เป็นแหล่งรวบรวมหนังสือและคัมภีร์โบราณตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 7-16 นอกจากนี้ยังมี Maison du Pain d'Alsace พิพิธภัณฑ์กึ่งร้านขนมปังที่จัดแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนและกรรมวิธีการทำขนมปังอย่างมีศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์สไตล์อาลซัส ทั่วทั้งพิพิธภัณฑ์จะอบอวลไปด้วยกลิ่นขนมปังที่เพิ่งอบมาสดๆ ร้อนๆ คนรักขนมปังห้ามพลาดเลยค่ะ 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/da7UzwJ7sZ22Gg486 

==========

 

9. Hunawihr

 

 

     Hunawihr หมู่บ้านเล็กๆ โดดเด่นด้วยโบสถ์ Eglise Saint-Jacques le Majeur รายล้อมด้วยวิวหลักล้านของไร่องุ่นอันกว้างใหญ่ มองดูก็รู้เลยว่าเมืองนี้ต้องโดดเด่นในเรื่องของไวน์แน่ๆ แถมยังมี สวนผีเสื้อ (Butterfly Garden) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผีเสื้อพันธุ์หายากหลากหลายสายพันธุ์อีกด้วย ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสถาปัตยกรรมทำให้ Hunawihr ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของหมู่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศสค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/TBgJZZHJpiHfcubs7 

==========

 

10. Mittelbergheim

 

 

      ท่ามกลางไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตาบนเชิงเขา Mount Saint Odile เป็นที่ตั้งของ Mittelbergheim หมู่บ้านน่ารักอีกแห่งหนึ่งของแคว้นอาลซัส กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนที่นี่คือการเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติรอบๆ หมู่บ้าน ชมวิวอันงดงามของขุนเขาและไร่องุ่นที่ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ในช่วงคริสต์มาส หมู่บ้านแห่งนี้จะอบอวลไปด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น อีกทั้งยังมี Bredelmarik ขนมเค้กและคุกกี้เอกลักษณ์เฉพาะของอาลซัสในช่วงคริสต์มาสที่ต้องลองสักครั้งเมื่อไปเยือนหมู่บ้าน Mittelbergheim

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/GA8ewJfCLkwUv5zn8 

 

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย
แชร์ทริปสุดชิล โพสต์ภาพสุดปัง ของคุณได้แล้วที่ แอปทรูไอดี
คลิกเลย >> TrueID Travel Community <<