การเดินทางไปเรียนต่างประเทศ พบเจอกับผู้คนใหม่ๆ สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน เป็นความฝันของหลายๆคน แต่ความฝันนั้นก็อาจจะถูกทำให้ดับลง กับคำว่า “กลัว” กลัวว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้มั้ย จะเข้ากับผู้คนได้รึเปล่า อาหารการกินล่ะ ต้องจากบ้านจากครอบครัวไปสักระยะหนึ่งจะทำใจได้มั้ยบางทีลองออกมาจาก กรอบสี่เหลี่ยมที่เคยตีกรอบไว้ให้ตัวเองบ้างละกัน “อืม จบม.6 แล้ว ทำอะไรดีล่ะมีเวลาว่างนานซะด้วย” “ลองไปเรียนภาษาระยั้นสั้นที่ต่างประเทศดูก็ดีนะ ซัก 2 เดือน แล้วก็ถือว่าได้เที่ยวไปด้วยเลย” “น่าสนใจแฮะ” สำหรับคนคนหนึ่งซึ่งชีวิตนี้ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนสักครั้ง หรือแม้แต่ในประเทศก็ไม่ค่อยไปไหนมาไหนคนเดียวเนี่ย มันยากนะ กลัวไปหมด แต่ในใจก็อยากไปมากๆ เลยตัดสินใจว่า เอ้าไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว โอกาสมาทั้งที สู้ต่อข้างหน้าแล้วกัน ลุย!!!!!!!!!!!!!! โดยประเทศที่เราจะไปคือนิวซีแลนด์ เกาะใต้ เมืองไครสต์เชิร์ช ได้ยินมาว่าเป็นประเทศที่สวย ไปไหนมาไหนสะดวก ผู้คนก็เป็นมิตร แถมสงบอีกต่างหาก เหมาะกับการมาเรียนและมาท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ………………จริงรึเปล่า พิสูจน์กันหน่อยละกัน………………. เราเดินทางโดยสายการบิน Qantas ซึ่งเป็นสายการบินของออสเตรเลีย โดยเราจะโดยสารสายการบินนี้จากสุวรรณภูมิ เพื่อไปเปลี่ยนเครื่องยัง ซิดนีย์ ออสเตรเลีย จากนั้นเราจะต่อสายการบินของ Emirates เพื่อบินตรงจากซิดนีย์ไปยังไครสต์เชิร์ชเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์นั่นเอง และแล้ว การเริ่มต้นการผจญภัยก็มาถึง ทันทีที่ผ่านตม.และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว (ใช้เวลาไม่นานมาก) โฮสต์ก็มายืนรอรับเราอยู่แล้ว ทันทีที่ได้ออกจากสนามบิน ลมเย็นจากดินแดนแห่งภูเขานี้ ก็ปะทะหน้าต้อนรับเราทันที อากาศเย็นสบายมากๆ ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป จากนั้นก็เดินทางจากสนามบินเพื่อไปยังบ้านของโฮสต์ สถานที่ซึ่งจะเป็นบ้านของเราด้วยสองเดือนนับจากนี้ ยอมรับว่าตื่นเต้นมากๆ ระหว่างทางทุกสิ่งทุกอย่างแปลกตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนต่างๆ วิวธรรมชาติ หรือผู้คนที่ออกมาทำกิจกรรมกันนอกบ้าน เมื่อมาถึงที่พักของเราแล้ว จัดการกับสัมภาระต่างๆเรียบร้อยแล้ว เย็นนั้นโฮสต์ก็พาเรา เดินไปยังโรงเรียนสอนภาษา ซึ่งเราจะเริ่มเรียนกันในวันพรุ่งนี้ โดยโรงเรียนสอนภาษาที่เราเลือกนั้น ชื่อ CCEL (College of English) จากบ้านเราถึงโรงเรียนระยะทางไม่ไกลมาก ใช้เวลาเดิน ประมาณ 10 นาที สถาบันสอนภาษาแห่งนี้ เราจะได้พบเจอกับเพื่อนๆ หลากหลายวัย จากหลายๆ ประเทศ ทางโรงเรียนจะมีการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ในทุกๆ วันจันทร์ และนักเรียนใหม่จะต้องทำการทดสอบที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้ เพื่อที่จะแบ่งเข้าคลาสเรียนตามระดับความสามารถภาษาอังกฤษของเรา จะเริ่มตั้งแต่ระดับ 100 (Beginner) ไปยังระดับ 600 (Advanced) ห้องเรียนหนึ่ง นักเรียนจะไม่เกิน 15 คน ส่วนคุณครูหลายๆ ท่านคือดีมากจริงๆ เรียนแล้วไม่รู้สึกกดดัน จะไม่รู้สึกอายในการพูดภาษาอังกฤษกับครูหรือกับเพื่อน เพราะทุกคนจะคอยช่วยเหลือกันและกัน บรรยากาศภายในห้องเรียนเลยค่อนข้างสนุก และครูก็จะคอยมีเกมใหม่ๆ มาให้นักเรียนเล่นด้วย นอกจากนี้โรงเรียนจะมีโปรแกรมทัวร์มานำเสนอด้วย จะมีการบอกว่าสุดสัปดาห์นี้จะมีโปรแกรมเที่ยวที่ไหน ถ้าสนใจเราสามารถไปลงชื่อกับทางประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนได้ ช่วงที่ไปถึงสัปดาห์แรกๆ เรายังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับทัวร์ของโรงเรียน เพราะว่าอยากจะลองท่องเที่ยวใกล้ๆบ้านดูก่อน ลองฝึกการเดินทางเข้าตัวเมือง การเดินทางนั้นไม่ยากเลยสำหรับมือใหม่ นิวซีแลนด์จะมีรถประจำทางคอยรับส่งอยู่ แต่แค่เราต้องเลือกขึ้นรถให้ถูกสีเท่านั้นเอง สำหรับจากบ้านเราเดินทางไปตัวเมืองนั้นจะโดยสารรสบัสสีม่วง โดยที่นี่จะมี App ที่สามารถเช็คตารางเวลาเดินรถได้ พอขึ้นรถได้แล้ววิธีการจ่ายเงินก็ง่ายมากๆ คนที่นี่มักจะใช้บัตรที่เรียกว่า Metrocard ซึ่งเมื่อเวลาที่เงินในบัตรเราใกล้หมด เราก็สามารถเติมเงินกับพี่ๆคนขับรถได้เลย เมื่อมาถึงในเมืองแล้ว ก็ถึงเวลาสำรวจกันล่ะ…… ในเมืองไครสต์เชิร์ชนี้ก็มีสถานที่ที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย ถนนหนทาง ตึกอาคาร สถาปัตยกรรม แปลกตาไปหมด…. “ที่นี่มันคืออะไรล่ะเนี่ย ตึกใหญ่จังเลย อ่ะลองเดินไปดูหน่อยละกัน” เมื่อคิดอยู่ในใจเสร็จแล้ว เราก็ไม่รีรอ ที่จะเข้าไปดูอาคารแห่งนี้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ความสงสัยทั้งหมดก็ถูกทำให้กระจ่าง ที่นี่คือ หอสมุดสาธารณะใจกลางเมืองนั่นเอง ความตะลึงยังไม่จบเมื่อได้เดินเข้าไปข้างในหอสมุดนี้ ใช่จ้าาา…..นี่คือห้องสมุดจริงๆ มีชื่อว่า Turanga (เป็นภาษาเมาลี) ที่นี่มีหลายชั้นมากๆ หนังสือก็มีให้เลือกเยอะมาก หลายประเภทอีกด้วย มีมุมให้อ่านหนังสือมากมาย แถมยังมีโซนสำหรับเด็กๆ ด้วย มีทั้งเกม หนังสือนิทานต่างๆมากมายให้เลือก ไม่แปลกใจเลยที่ สถานที่แห่งนี้สามารถดึงดูดเด็กๆ ได้ ส่วนชั้นบนสุดจะเป็นจุดชมวิว ……………จุดชมวิวนี้เราสามารถมองซิตี้ในมุมกว้างได้เลย………… หลังจากตื่นเต้นไปกับห้องสมุดอยู่นาน เดินออกมาได้นิดหนึ่งก็เจอกับ tram เป็นเรื่องปกติมากๆ เลยที่จะเจอกับ tram วิ่งผ่านหน้าไปมา คอยรับส่งนักท่องเที่ยว หลังจากช่วงสัปดาห์แรกๆนั้นอยู่กับซิตี้ซะนาน วีคท้ายๆสำหรับเราก็เริ่มที่จะไปเที่ยวไกลมากขึ้น เนื่องจากตรงกับเทศกาลอีสเตอร์ของที่นี่พอดี โรงเรียนก็เลยหยุดยาว ทางโรงเรียนเลยมีทัวร์ Queenstown เราไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้เลย เพราะ Queenstown ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวของเกาะใต้แห่งนี้ ระยะทางจากเมืองที่เราอยู่ไปเมืองนี้ค่อนข้างไกลพอสมควร แต่จะไม่ไปก็คงจะไม่ได้แล้วสิ……. การไปเที่ยวในครั้งนี้ แตกต่างจากทุกครั้งอย่างมาก เป็นการเดินทางไกลครั้งแรก แถมยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมากในระหว่างทางอีกด้วย โดยสถานที่แรกที่พวกเราแวะก็คือ Lake Tekapo เป็นทะเลสาบที่เหมาะกับการมาค้างคืน ถ่ายรูป น้ำสีสวยและสะอาดมากๆ นักเดินทางหลายๆ คน ก็มักจะเช่ารถบ้านมาพักผ่อนและนอนชมดาวกันตอนกลางคืน ที่นี่ก็จะมีร้านอาหารต่างๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือก มาที่แรกก็ไม่อยากไปไหนแล้วล่ะสิ มันช่าง ……ดึงดูดเหลือเกิน……. กว่าจะเดินทางมาถึงเมืองนี้ก็มืดซะแล้ว หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาท่องเมืองกันล่ะ บรรยากาศตอนกลางคืนของเมืองนี้ ถือว่าคึกคักมากกว่าเมืองที่เราอยู่เนื่องจากที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะมาก แสงไฟส่วนใหญ่ก็มาจากร้านขายของหรือตามร้านอาหาร ตามบาร์ต่างๆ เอาล่ะพน. จะเก็บภาพสวยๆ เดินสำรวจให้ทั่วไปเลย ความฝันที่จะสำรวจเมืองของเราต้องจบลง เพราะเช้าวันที่สอง เราจะยังไม่เที่ยวใน Queenstown แต่เราจะนั่งรถไกลอีกแล้วจ้า (เมตตาหนูด้วย นั่งจนเดินไม่เป็นแล้วจ้า ถถถ) เพื่อไปยังสถานที่ที่หนี่งซึ่งก็ห่างจากเมืองนี้ไปอีกสักพักใหญ่ๆ ที่ที่เราจะไปชื่อ Milford Sound เมื่อเดินทางมาถึง “เฮ้ยยยยยย คุ้มว่ะ นั่งรถมาไกลมากกก แต่สถานที่นี่ โอ้โหวววว สวรรค์ชัดๆ” สถานที่นี้คือเราจะนั่งเรือเพื่อไปชมพวกขุนเขา น้ำตก ธรรมชาติสุดว้าววววว ของที่นี่ ระหว่างที่เราโดยสารเรืออยู่นั้นก็จะมีที่นั่งและพวกชา กาแฟ ไว้บริการ เราก็สามารถจิบชาเพลินๆ พร้อมชมวิวไปด้วย วันที่เรามามีฝนตกปรอยๆ เลยทำให้บรรยากาศมันค่อนข้างจะเย็นนิดหน่อย แต่เป็นฟีลที่ดีมากจริงๆ นอกจากนั้นจะมีเสียงจากกัปตันมาเป็นระยะๆ อย่างเช่น พวกเรามาถึงจุดที่เป็นน้ำตกกันแล้ว ผู้โดยสารท่านใดอยากจะออกมารับไอน้ำตก ให้เดินมาทางหน้าเรือได้เลย เราจะไม่ลืมนายเลย Milford Sound ประทับใจจริงๆ วันที่สามของทริป Queenstown วันที่เราเฝ้ารอก็มาถึง วันนี้พวกเราจะเที่ยวกันแต่ในเมืองนี้และจะแยกกันไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่เราเลือกจะเล่นกันไว้ตั้งแต่วันแรกของทริป สำหรับเราเลือกที่จะเล่น Jet Boat โดยกิจกรรมของเราจะเล่นตอนเช้า จะมีรถมารับพวกเราและพามาส่งยังสถานที่ที่เราจะมาเล่นกันโดยเฉพาะ เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ก็แจกเสื้อคลุมกันเปียกพร้อมกับเสื้อชูชีพให้ พร้อมกับมีที่ฝากสัมภาระเอาไว้ สำหรับเรา รอคิวไม่นาน ก็ได้เล่นเลย พร้อมแล้ว พร้อมมาก พร้อมสุดๆ ไปเลยจ้า กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบความท้าทาย เพราะเราจะไม่ได้นั่งเรือชิวๆ ชมวิว แต่ จะเป็นการนั่งเรือที่มีความเร็วสูง ฉวัดเฉวียน ซิกแซ็กไปตามหิน แถมพี่ๆ คนขับยังทำให้ผู้โดยสารหัวใจแทบจะกระเด็นออกมา โดยการหมุนเรือ 360 องศา อีกต่างหาก เรียกว่าพอขึ้นมาได้แล้วไม่เปียกก็ให้มันรู้ไป หลังจากบอกลากับ Jet Boat เรียบร้อยเลยมีเวลาที่จะเที่ยวชมเมือง เมืองนี้ต่อให้เดินไกลแค่ไหนจะไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเลย เพราะเราจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับสิ่งต่างๆรอบตัว แวะร้านนู้นเข้าร้านนี้ หรือออกมานั่งชมวิวพร้อมทานขนมไปด้วย นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมา ก็ถึงเวลาดวงอาทิตย์เริ่มจะลาขอบฟ้าซะแล้ว พอยามเย็นก็ถึงเวลาหาของกินอีกแล้วสิ ได้ยินมาว่า ที่นี่เค้ามีร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังอยู่ ชื่อว่า Fergburger มันต้องจัดซะหน่อยแล้ว เราและเพื่อนๆ เลยตกลงกันว่าคืนสุดท้ายที่นี่เราจะไปกินกันให้ได้ “ โอ้มายก็อดดดด คิวยาวมากเลยอ่ะ พวกยูคิดว่าไงดี จะรอมั้ย” “ ไอว่ารอเถอะ ไหนๆ มาแล้วทั้งที คงต้องอร่อยๆ จริงๆ แหละ คนขนาดนี้” ใช่ค่ะ อันนี้เป็นเรื่องจริง คนมารอต่อคิวกันที่ร้านนี้เยอะมากจริงๆ กว่าแถวจะขยับ กว่าจะได้เข้าไปในร้าน กว่าจะได้สั่ง กว่าจะได้ของ โอ๊ยยยยยยย รอตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลาไปเป็นที่เรียบร้อย แต่รสชาติก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ นั่นแหละ อร่อยมากกกก .....กว่าจะได้เจ้าสิ่งนี้มา..... ........คนต่อกันยาวจริงๆ......... ........และการรอนั้นก็ไม่ผิดหวัง....... และแล้วเวลาที่ (ไม่ได้) รอคอยก็มาถึง วันหยุดยาวผ่านพ้นไป ถึงเวลาต้องกลับไป เมืองไครสต์เชิร์ชกันแล้ว และอีกไม่นานหลังจากนั้น วันเวลาเดินเร็วจนน่าตกใจ ก็ครบกำหนดสองเดือนที่เราจะต้องกลับบ้านแล้ว ขอบคุณประสบการณ์ครั้งนี้จริงๆ ที่ทำให้เด็กที่ไม่กล้าจะเริ่มทำอะไรด้วยตัวเองเลย กล้าที่จะใช้ชีวิตมากขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น จนกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านมาประมาณหนึ่งปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนที่ลืมเลยจริงๆ ขอบคุณ…… นิวซีแลนด์……… เครดิตภาพ: ผู้เขียน