หน้าหนาวที่แล้ว ใครที่มาเที่ยวทุ่งบัวตองที่ดอยแม่อูคอ ต้องมาขึ้นภูชี้เพ้อ ถือว่าเป็นทริปที่แพคคู่เคียงกันมา ด้วยเมื่อขึ้นไปแล้วต้องร้องว้าวให้กับวิวที่เห็น เป็นที่ที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตกได้เลย และยิ่งอากาศหนาว ๆ นะทะเลหมอกหนาแน่นเหมือนปุยนุ่น ปกคลุมทิวเขาที่ผุดขึ้นสลับซับซ้อนได้อย่างลงตัวทีเดียวค่ะ ภูชี้เพ้อ อยู่ในเขตอำเภอขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ในพื้นที่ของหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1,818 เมตร ทางเข้าภูชี้เพ้อจะอยู่ก่อนถึงทุ่งบัวตอง ประมาณ 5 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือ หากไม่สังเกตก็อาจะผ่านเลยไป บริเวณทางเข้าจะมีป้ายของหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด เป็นป้ายไม้ค่อนข้างคลาสสิคนิดนึงนะคะ ทางขึ้นภูชี้เพ้อเป็นทางวิบากทีเดียว เป็นดินแดงและลูกรัง เส้นทางค่อนข้างชัน รถเก๋งไม่สามารถเข้าได้เลย วันที่เราไป เราแว้นสองล้อไป มีบางช่วงคนซ้อนต้องลงเดิน เพราะแรงรถไม่ค่อยถึง ระหว่างที่ขึ้นก็จะมองเห็นทุ่งบัวตองอยู่ลิบ ๆ มีขนาดเท่ากล่องไม่ขีดเลย สร้างความตื่นตาให้ลืมสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนั้นได้บ้าง กว่าจะขึ้นถึงที่ทำการหน่วยฯ ก็ทำให้ล้าได้เหมือนกันนะ แต่ก็หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นวิวหมอกอยู่เบื้องหน้า หูวววว คุ้มค้าเหนื่อยนิดนึงล่ะ บริเวณที่ทำการก็จะมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ชื่อว่า แบมบูภูชี้เพ้อ ที่ตั้งอยู่บริเวณสันเขารอยต่อระหว่างขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอนและแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เปิดทำการแค่ปีละ2-3 เดือนเท่านั้น กาแฟหลักสิบ วิวหลักล้าน คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเลยค่ะ พอพักหายเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลาออกกำลังขาแล้ว จากที่ทำการหน่วยฯ เราต้องเดินขึ้นภู ซึ่งเป็นทางชันประมาณ 1 กิโลเมตร เอาล่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ต้องไปให้สุด ว่าแล้วก็เดินไปช้า ๆ ขึ้นบันไดทีละชั้นแบบเนิบ ๆ แต่เหนื่อยแทบจะถอดใจเลยทีเดียว และเมื่อหันหลังกลับมาดูข้างหลัง อู้ฮู้วววว....เส้นขอบฟ้าวิบวับ ๆ สวยจนลืมเหนื่อยเลยล่ะ เลยถือโอกาสนั่งพักใต้ต้นไม้ด้วยเลย ไม่นานเราก็เดินทางต่ออีก 500 เมตรก็ถึงที่หมาย เฮ้ออออ.... คือ คำแรกที่เราอุทานก่อนเลย ฮ่า ๆ แทบล้มลงนอนเลยล่ะค่ะ เราตื่นเต้นกับวิวที่เราเห็นบนภูชี้เพ้อมาก สวยจนต้องว้าว ว้าว ว้าว เลย ความรู้สึกในตอนนั้นราวกับว่าเรากำลังบินอยู่เหนือภูเขาน้อยใหญ่ที่สลับซับซ้อน ปะทะลมเย็น ๆ แหมอากาศสบายตัวน่านอนหลับเสียจริง ๆ สำหรับที่พักข้างบนภูชี้เพ้อส่วนใหญ่จะกางเต็นท์มากกว่า แต่ไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร เราแนะนำให้พักตรงที่ทำการด้านล่างดีกว่าเพราะใกล้ห้องน้ำ และร้านกาแฟที่เจ้าของเค้าใจดีเปิดให้เรานั่งชมดาวสวย ๆ ได้ทั้งคืนเลยค่ะ แม้ว่าการขึ้นภูดูหมอกจะทำให้เราเหนื่อยแสนเหนื่อยเพียงใด แต่ผลที่ได้มาคุ้มค่าเหมือนดั่งยาวิเศษมาชุบพลังชีวิตให้มีความกระชุ่มกระชวย ลืมความเครียดจากการงานและเรื่องวุ่นวายได้อย่างสนิท การมาเที่ยวภูชี้เพ้อก็เช่นกันที่ทำให้เราตื่นเต้นกับเส้นทางสุดโหดจนเกือบหันหลังกลับ แต่พอถึงจุดหมายสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือวิวที่ไม่ใช่ใครทุกจะได้เห็นกันง่าย ๆ สวยประทับใจและเหนื่อยสุดใจจนต้องเพ้อเป็นคำต่าง ๆ นี่คงจะเป็นที่มาของภูชี้เพ้อ แน่ ๆ ค่ะ หากมีโอกาสแวะชวนชาวแก็งค์มาเพ้อด้วยกันนะคะ ภาพทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียน