หนึ่งในสถานที่ ๆ เราอยากไปมากที่สุดในทริป เชียงรายครั้งนี้คือ ภูชี้ฟ้า และเหล่าเพื่อน ๆ ในก๊วนก็อยากไป เพราะพวกเรานั้นสายธรรมชาติกันอยู่แล้ว และยิ่งเป็นตัวเรานั้นชื่นชอบการ trekking เป็นอย่างมากเริ่มจากติดใจจากการไปพิชิตทริป ภูกระดึงสำเร็จ ตั้งแต่นั้นมาก็ชอบที่จะไปภูเขา ชั้นหลงรักเขาเข้าแล้ว จากความเดิมตอนที่แล้วหลังจากเราพาไปทัวร์ 2 ไร่ชากันมาแล้ว พวกเราก็ขับรถตรงดิ่งไปนอนค้างกันที่รีสอร์ท ใกล้ภูชี้ฟ้า กว่าจะถึงพวกเราคาดการณ์เวลาถึงผิดไปมาก ประกอบกับขับรถหลงทางกันอยู่ เพื่อนเราเคยมาเชียงรายหลายครั้งแล้ว ก็แบบค่อนข้างมั่นใจในทางไปภูชี้ฟ้า แต่เอ๊ะ !! ขับไปขับมามันไหงจะมาโผล่จังหวัดพะเยา เออ... ทางมันคงไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะมั้งกว่าจะรู้ตัวกันว่าไปผิดทางก็เลยมาไกลกว่า 80 กม. มัวแต่เมาท์กันอยู่ เลยเอะใจทำไมมันไม่เห็นทางเข้าสักทีหว่า เลยรีบคว้า gps ขึ้นมาเช็คอย่างไว แพลนเดิมที่ว่าอยากจะไปเก็บวิวพระอาทิตย์ตกที่ภูชี้ฟ้า สวย ๆ คงไม่ทันละ ฮือ...กว่าจะกลับรถเข้าไปถูกเส้นทางพวกเราก็ขึ้นดอย แบบมืด ๆ กันแล้ว ขับรถขึ้นเขาช่วงฟ้ามืดแล้ว มันทำให้ลุ้นกันตัวโก่ง ทางก็แคบ แถมยังเป็นทางไต่เขาขึ้นไปเรื่อย ๆ อีก คดเคี้ยว ไปหมด ไม่แนะนำเลยนะคะเพื่อน ๆ เราว่ามันไม่เซฟเลย อย่าเอาเราเป็นตัวอย่างแฮร่ ๆ พวกเรา งม ๆ กันอยู่สักพัก กว่าจะเจอรีสอร์ทของเราก็ค่ำมืด มืดตึ้บ มองไม่เห็นไรเลย รีบเข้าไปเช็คอินด้วยความหิวโซมาก ๆ เราได้ห้อง family ชั้นบน เพื่อนบอกเป็นห้องวิวดีที่สุดตื่นเช้ามา จะเห็นวิวเขาด้านหน้าห้องพักกันเลยนะแก แต่ตอนนี้มองไม่เห็นความงามนั้นเลยจ้า ไว้รอเช้าละกันเนอะ อาหารเย็นดีไปหมดทุกอย่างเวลานี้ ก็หิวกันจนท้องกิ่วละ ทางที่พัก มีชุดหมูกระทะด้วยนะคะ แต่พวกเราเลือกชุดดินเนอร์แบบปกติ ไข่เจียว ต้มยำไก่ บ้าน ๆ แต่อะไรก็อร่อยหมดเวลานี้ อ้อ ใครจะมาภูชี้ฟ้าแนะนำให้ซื้อเสบียง ขนม น้ำ ตุนมาเลยนะคะ แถว ๆ รีสอร์ท นี่ไม่มีร้านขายของเลย ด้วยความรีบพวกเราก็เลยไม่ได้ตุนไรมาสักเท่าไร อิ่มแล้วรีบเข้านอนกัน พรุ่งนี้เรามีนัดไปภูชี้ฟ้ากันแต่เช้า พวกเราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เช้ามาก เพื่อไปขึ้น ภูชี้ดาว กันก่อน พวกเราต้องขับรถไปจอดไว้ที่ตีนภู แล้วก็ขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ขึ้นไปอีกทีหนึ่ง เนื่องด้วยทางมันชันและมืดพวกเราไม่ชำนาญทาง พอไปถึงจุดจอดรถ เจ้าหน้าที่จะปล่อยพวกเราให้รวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวอื่น แล้วพาเดินขึ้นภูไปพร้อมกัน มันก็ตื่นเต้นดี ได้ออกกำลังแต่เช้ามืด เพื่อนเราบอก ไม่ไกล ๆ นะแกมันเดินนำเราลิ่ว ๆ ไปเลย ไอ้เราเดินตามหอบแฮก ๆ ทางชันใช้ได้ ขึ้นไปเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตรเหมือนกัน แต่พอไปถึงยอดภู โอ้โห !! หายเหนื่อย ภาพตรงหน้าที่เห็นท้องฟ้ากำลังสว่างพร้อม ๆ ไปกับอากาศที่เย็นสบาย เห็นสายหมอกอยู่เบื้องหน้า ต้องมาเห็นด้วยตาจริง ๆ ค่ะ ในวันที่เราไปลมค่อนข้างแรงอยู่ค่ะ พวกเรายืนชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่สภาพเมฆหมอกปกคลุม เราเลยได้แต่เห็นแสงพระอาทิตย์รำไร มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ จากการไปมาหลายทริปเราชินแล้วกับการที่ไม่เห็นพระอาทิตย์ดวงโต ๆ เนี่ย นับครั้งได้ที่จะเจอ หลังจากดื่มด่ำ ถ่ายรูปร้อยช็อต พวกเราก็รีบลงจากภูเพื่อไปต่อกันที่ ภูชี้ฟ้า อันโด่งดังของคนรักเขากันค่ะ เพื่อนเราว่าไปง่ายอยู่ ระหว่างทางที่พวกเราลงจากภูชี้ดาว เราก็เห็นดอกพญาเสือโคร่งบานอยู่รำไร แทรกตัวอยู่ระหว่างทางลงมา แต่ดอกยังบานน้อยมาก เมื่อลงมาถึงตีนภู พวกเรารีบขับรถต่อไปภูชี้ฟ้า เพราะกลัวว่าสายเกินแล้วจะร้อนและแสงไม่สวย พวกเราขับรถกลับมาทางที่พักของเราเพราะน้องรีเซพชั่นแจ้งว่า มีทางขึ้นไปภูชี้ฟ้าได้ ใกล้กับที่พักของเรา พวกเราเลยลองเสี่ยงกับทางใหม่ ๆ ดู และก็ได้เรื่องเลยจ้า ระหว่างทางขึ้น รถไต่ระดับสูงไปเรื่อย ๆ ทางชันมากทำให้รถไม่มีแรงสุดท้ายรถไปต่อไม่ไหว พวกเราเลยต้องกระโดดลงเพื่อทำให้รถเบาขึ้น ลุ้นตัวโก่งกับโค้งสุดท้าย ในที่สุดแรงฮึดสุดท้ายรถเราก็มาถึงที่จอดรถด้านบน ถ้าต้องค้างอยู่ตรงนั้นเราต้องพึ่งรถเจ้าหน้าที่มาลากอย่างเดียว จากจุดที่เราจอดรถจะมีป้ายให้เดินขึ้นไปภูชี้ฟ้า เราเดินอยู่หลายกิโล กว่าจะถึงยอดภูชี้ฟ้า ทางก็มีชันและแลจะอ้อมไงไม่รู้ เหมือนเราลัดเลาะจากฝั่งซ้ายชันมาทางขวา ในที่สุดเราถึงจุดแลนมาร์ค ภูชี้ฟ้าอยู่เบื้องหน้า ภูชี้ฟ้าสวยตั้งตระหง่านสมคำร่ำลือ มีทะเลหมอกจาง ๆ มองลงไปด้านล่างสูงลิบลิ่ว พวกเราสูดอากาศบริสุทธ์กันเต็มปอดใหญ่ กักตุนก่อนกลับไปเผชิญมลพิษกรุงเทพ ฯ กันต่อ การได้มาสัมผัสธรรมชาติแบบนี้ เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของขุนเขา ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลง ถ่อมตนมากขึ้น ว่าเรานั้นเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แสงแดดเริ่มแรงพวกเรา เลยลงจากภูเพื่อไปทานอาหารเช้าที่ ๆ พัก เตรียมเช็คเอาท์กลับเข้าตัวเมืองอีกครั้ง ที่พักในยามเช้าของพวกเรา บรรยากาศสดชื่นมาก ได้ทานเบรกฟาสต์กับกาแฟหอม ๆ ฟินสุด ก่อนจากลาภูชี้ฟ้าพวกเราไปเดินเก็บรูปต้นพญาเสือโคร่งรอบ ๆ รีสอร์ทกันอีกเอาให้คุ้ม และไม่ลืมซื้อสตอร์เบอรี่ของชาวบ้านที่อยู่บนดอยเป็นของฝาก ทริปยังไม่จบ ติดตามตอนสุดท้ายใน Ep.5 กันนะคะ