เนื้อคู่ไม่ได้อยู่ประตูถัดไป แต่เนื้อคู่อยู่...ไหนอ่ะ? เที่ยวธรรมชาติมาก็เยอะ ในเมืองก็ลัดเลาะมาแล้ว ครั้งนี้ขอมาสร้างความหวังให้ชีวิตกันหน่อย รู้สึกว่าช่วงนี้จะทรัพย์จาง มาขอพรพระเผื่อท่านจะเมตตาช่วย (ท่านจะบอกว่าเลิกเที่ยวแล้วกลับไปทำงาน ฮ่าาา น้ำตาไหล) วัดหลงซาน วัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆของไทเป อายุราว 300 ปี ที่วัดนี้เคยโดนทำลายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมือนกับที่อื่นๆในไทเป แต่หลังจากจบสงครามก็มีการรีโนเวทขึ้นใหม่เสมอ และยิ่งปรับปรุง ยิ่งดีและสวยขึ้นตามยุคสมัย ที่นี้เลยเป็นทั้งแหล่งรวมจิตศรัทธาของคนไต้หวันและสถานที่ท่องเที่ยวไปในตัว ผู้คนมักมาไหว้สักการะ เจ้าแม่กวนอิม ประจำวัดและที่นี้ยังขึ้นชื่อเรื่องขอพรเรื่องความรักอีกด้วย คนโสดถูกใจสิ่งนี้ การเดินทาง วัดหลงซานอยู่แถบในเมืองของไทเป นั่งรถไฟ MRT มาลงที่ สถานีหลงซาน (Longshan Temple) ออกทางออก 1 จะเห็นวัดหลงซานตรงหน้าเลย ไปง่ายสุด เราไปที่วัดนี้ถึง 2 ครั้ง ไม่ใช่ว่าแวะไปสวดมนต์ ทำพิธีหรืออะไรแต่วันแรกที่ไปหน้าวัดมีคนในเครื่องแบบเต็มไปหมด มีการคัดกรองคนเข้าอย่างเข้มงวดและเท่าที่ยืนดู ไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าไป มีแค่นักบวชและคนในเครื่องแบบเข้าไปเท่านั้น ก็นึกสงสัยว่าหรือว่าปกติเขาไม่ให้คนทั่วไปเข้าไป ด้วยความคาใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลยเสริชดูในทวิตเตอร์ อ้อ วันนี้นายกรัฐมนตรีของไต้หวันมาที่วัด เพื่อมาทำพิธีบางอย่าง ไม่เป็นไร เราผู้ไม่ยอมแพ้ เราต้องเข้าวัดให้ได้ (เหมือนคนไม่มีเพื่อนเล่นอ่ะ) แต่ถ้าบุกเข้าวันแรกคงโดนหามออกมา มาวันพรุ่งนี้ก็ได้งั้น วันถัดมาเราไปอีกครั้ง ไปมันแต่เช้าเลย แต่ยังไม่ทันเข้าไปในวัด ท้องร้องจอกกก เลยต้องหาอะไรแถวนั้นรองท้องก่อน เราซื้อขนมปังและเครื่องดื่มจากร้าน 85c อยู่ถัดจากสถานี MRT ประตูทางออก 1 แถบนั้นจะมีร้านอาหารเยอะแยะไปหมด ถึงเวลาลุย เดินเข้ามาในวัดก็เห็นว่ามีดอกไม้ตกแต่งเต็มไปหมด น่าจะมาจากงานเมื่อวานแล้วยังไม่เก็บออก ในเขตรอบๆโบสถ์เจ้าแม่กวนอิม คนอย่างแน่น ทุกมุมจะมีทั้งยืนและนั่งนั่งสวดมนต์กัน คนเยอะมากจริงๆ เราไม่รู้ว่าคนเยอะแบบนี้ทุกวันรึเปล่า แต่แน่นทั้งวัด เสียงสวดดังทั่ววัด มันคนละอารมณ์กับวัดพระแก้วหรือวัดดังๆในกรุงเทพ ที่นี้คนมาเพื่อสวดมนต์เยอะพอๆกับนักท่องเที่ยว ซึ่งบ้านเราเกือบร้อยเปอร์เซนคือนักท่องเที่ยว ตามมุมต่างๆก็มีไหว้ขอพรกัน ถึงแม้จะสร้างมากว่า 300 ปีแต่ศิลปะสถาปัตยกรรมของวัดไม่ใช่แบบจีน 100 เปอร์เซน แต่มีผสมผสานศิลปะไต้หวันเข้าไปด้วย และนี้คือมุมดักจับนักท่องเที่ยว อยากรู้ว่าใครเป็นนักเที่ยวให้เดินมามุมนี้เลย มุมขายเครื่องราง ส่วนใหญ่ก็ชาวพุทธเอเชียเรานี้แหล่ะ จีน ญี่ปุ่น ไทย ลูกค้าหลักของที่นี้จะมีกระดาษให้จดหมายเลขเครื่องรางที่อยากได้แล้วเอาไปยื่นให้คนขาย แต่มีกระดาษไกด์ไลน์ว่าเครื่องรางเลขนี้ มีความหมายช่วยเรื่องอะไร แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกชิ้น เพราะสินค้ามีจำนวนจำกัด เครื่องรางที่ดังๆของที่นี้ก็ไม่พ้นเรื่องสุขภาพ และความรัก แหม คนโสดเยอะนะเนี่ย ในส่วนของตัวเรานั้น ไม่ใช่สายมู...แต่ซื้อแบบเกือบเหมาวัด ไม่ได้ซื้อมาขายเด้อ ไม่ต้องทักมาติดต่อซื้อ ฮ่าาา ญาติเยอะก็งี้ โดยส่วนตัวเราคิดว่า ความเชื่อมันขึ้นอยู่กับความสบายใจของแต่ละบุคคลด้วย เรื่องแบบนี้ว่ากันไม่ได้ ถ้าไม่ทำให้ใครหรือตัวเองเดือดร้อนมันก็โอเคแล้วแหล่ะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน