อเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ ที่คนทุกชนชั้นมีสิทธิเท่าเทียมกัน สหรัฐอเมริกาประเทศแห่งความเจริญ ประเทศผู้คิดค้นอินเตอร์เน็ต, GPS, ไอโฟน, รถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า และอื่นๆ อีกมากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งในซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส ลาสเวกัส นิวยอร์ก บอสตัน ซีแอตเทิล และอีกหลายเมือง สำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยวอเมริกาจำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว หรือ Tourist Visa (B-2) เสียก่อน ซึ่งขั้นตอนก็ออกจะซับซ้อนและมีหลายขั้นตอน วันนี้ผู้เขียนก็ขอนำประสบการณ์การขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาของตัวเองและที่เคยขอให้กับญาติสนิททั้งหลายมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่าน ซึ่งบทความนี้จะบอกขั้นตอนวิธี การขอวีซ่าอเมริกา ประเภทวีซ่าท่องเที่ยว อย่างละเอียดทุกขั้นตอนแบบ Step by Step สามารถทำตามได้ง่ายๆ รวมถึงรวบรวมคำถามที่ฝ่ายสัมภาษณ์มักจะถาม มาฝากด้วยค่ะ และแถมเพิ่มให้ สำหรับคนที่ติด 221(g) หลังสัมภาษณ์ จนเป็นกังวลว่าสรุปวีซ่าฉันจะผ่านไหม วันนี้ผู้เขียนก็มีประสบการณ์ของพี่ที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว นำมาเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ ไปติดตามกันเลย**บทความขอวีซ่าอเมริกานี้ เป็นการเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าของผู้เขียนเอง อาจจะไม่ครอบคลุมการขอวีซ่าของทุกท่าน แต่อย่างไรผู้เขียนก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังหาข้อมูลการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ 🙏วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาชั่วคราว หรือ Tourist Visa (B-2) เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปอเมริกาเพื่อการพักผ่อน การท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงหรือญาติ ครอบคลุมถึงการรักษาด้านการแพทย์ และการเข้าร่วมงานการกุศล กิจกรรมเพื่อสังคม หรือกิจกรรมด้านการบริการ เท่านั้นโดยวีซ่า B-2 มักจะออกร่วมกับวีซ่า B-1 เป็นวีซ่าเดียวชนิด B1/B2**โดยวีซ่า B-1 คือวีซ่าชั่วคราวเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ขั้นตอนในการขอวีซ่าท่องเที่ยว USAขั้นตอนในการสมัครวีซ่าชั่วคราว หรือ Tourist Visa (B-2) ในปี 2023 มีขั้นตอนหลักๆ 5 ขั้นตอนดังนี้กรอกแบบคำร้องวีซ่าชั่วคราว (DS-160) ที่เว็บเพจ DS-160ชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำร้องขอวีซ่าทำนัดสัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ ustraveldocs.comเดินทางมาสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกา ตามวันเวลานัดรอรับเล่มพาสปอร์ตทางไปรษณีย์ ไปดูรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนกันเลยค่ะ1. กรอกแบบคำร้องวีซ่าชั่วคราว (DS-160)ก่อนจะกรอกแบบฟอร์ม DS -160 ผู้ยื่นขอวีซ่า ควรเตรียมข้อมูลดังต่อไปนี้พาสปอร์ตที่มีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ตั้งใจอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 6 เดือน (ถ้าหมิ่นเหม่...พาสปอร์ตใกล้จะหมด แนะนำทำเล่มใหม่ไปเลยค่ะ เผื่อว่าได้วีซ่า 10 ปี จะได้ไม่ต้องพกพาสปอร์ตสองเล่ม เวลาเดินทางไปอเมริกา)กำหนดการเดินทางไปอเมริกา วันเดินทางเข้าและออกประเทศอเมริกา, เที่ยวบินเข้าและออกจากประเทศอเมริกา, เมืองที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว, สถานที่ท่องเที่ยว, โรงแรมที่จะเดินทางไปพัก หรือที่อยู่ของญาติหรือของเพื่อนที่จะได้ทางไปพักด้วย **โดยไม่จำเป็นต้องจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พัก ก่อนทำการขอวีซ่า ข้อมูลของผู้ร่วมเดินทางประวัติการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาห้าครั้งที่ผ่านมาประวัติการเดินทาง 5 ปีที่ผ่านมา เคยไปประเทศไหนมาบ้างประวัติการทำงานทั้งปัจจุบันและก่อนหน้า มีตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน และเงินเดือน ประวัติการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาเป็นต้นไปเมื่อเตรียมข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ceac.state.gov/ เลือกแบบฟอร์ม DS-160 จากนั้น ในหน้าแรกเราจะต้องทำการเลือกสถานทูตที่เราจะทำการเดินทางไปสัมภาษณ์วีซ่า โดยในประเทศไทยนั้นผู้สมัครสามารถเลือกไปสัมภาษณ์ได้ทั้งที่กรุงเทพ และเชียงใหม่ (ระยะเวลาการจองคิวสัมภาษณ์นั้นขึ้นกับช่วงเวลาของปี ตอนที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์ คิวสัมภาษณ์ที่กรุงเทพต้องรอนานประมาณ 3 - 4 เดือน แต่ที่เชียงใหม่รอคิวประมาณ 1 เดือน ) คลิกเพื่อตรวจสอบระยะเวลาการรอคิวสัมภาษณ์ ตอนนี้คิวสัมภาษณ์ที่กรุงเทพ คิวแรกที่ว่างอยู่ คือเดือนธันวาคม 😱กรอกรหัสยืนยันตัวตน ว่าเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ทำการเลือก START AN APPLICATION เพื่อสร้างใบสมัครขอวีซ่า DS-160 ของเรา** ระยะเวลาในการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 อยู่ที่ประมาณ 90 นาที ในหน้าต่อไปจะมีข้อตกลงเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางคอมพิวเตอร์, Application ID และ คำถามเพื่อเข้าถึงแบบฟอร์ม DS-160 ในครั้งต่อๆ ไปโดยผู้สมัครต้องติกเครื่องหมายถูกเพื่อ AGREE ยอมรับข้อตกลงเกี่ยวกับการกระทำความผิดและฉ้อโกงทางคอมพิวเตอร์จากนั้นทำการจดบันทึกรหัส Application ID ไว้อย่างดี เพื่อใช้ในการเข้าถึงฟอร์ม DS-160 ครั้งต่อไปเลือกคำถามเพื่อใช้ในการเข้าถึงฟอร์ม DS-160 ครั้งต่อไป ผู้เขียนเลือกชื่อของยายเป็นคำถาม จากนั้นใส่คำตอบ แล้วกด Continue***แบบฟอร์ม DS-160 มีอายุ 60 วัน หลังจากการอัปเดตครั้งสุดท้าย ดังนั้นหากยังไม่ได้ Sign and Submit ใบสมัคร DS-160 ผู้สมัครควรหมั่นอัปเดตอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นหากคิวสัมภาษณ์ยาวนานกว่า 60 วัน ผู้สมัครอาจต้องใช้เวลาเพิ่มเพื่อกรอกแบบฟอร์มใหม่ก่อนวันสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่งขณะกรอกใบสมัครควรทำการบันทึก (SAVE) อยู่เสมอ มิเช่นนั้นระบบจะ Log Out อัตโนมัติทุกๆ 20 นาที หลังจากถูก Log Out แล้วอยากเข้าไปทำการแก้ไขแบบฟอร์ม DS-160 ผู้สมัครต้องเลือก RETRIEVE AN APPLICATIONจากนั้นป้อนข้อมูลเลขรหัส Application ID 10 หลักอักษรต้น 5 ตัวของนามสกุลปีเกิดตอบคำถามที่ตั้งไว้ แล้วกด Retrieve Applicationควรกรอกใบคำร้องขอวีซ่า DS-160 ตามจริงทุกประการ ซึ่งใบสมัครจะแบ่งออกเป็น 10 ส่วน ข้อมูลส่วนตัว (Personal)แผนการเดินทาง (Travel)ผู้ร่วมเดินทาง (Travel Companions)ประวัติการเดินทางเข้าสหรัฐฯ (Previous U.S. Travel)ที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ (Address and Phone)พาสปอร์ต (Passport)ข้อมูลติดต่อเมื่ออยู่ในสหรัฐอเมริกา (U.S. Contact)ครอบครัว (Family)ประวัติการเรียน การทำงาน (Work / Education / Training)ประวัติอาชญากรรมและอื่นๆ (Security and Background)***ทุกคำถามในแบบฟอร์ม DS-160 ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษ ยกเว้นคำตอบที่ระบุให้ตอบเป็นภาษาท้องถิ่นในหัวข้อ ข้อมูลส่วนตัว (PERSONAL) จะแยกเป็นสองหัวข้อย่อย Personal 1 เป็นข้อมูลชื่อจริง-นามสกุลจริงเป็นภาษาอังกฤษ และชื่อภาษาไทย, เคยเปลี่ยนชื่อหรือไม่, เพศ, สถานะการแต่งงาน, วันเดือนปีเกิด, และ สถานที่เกิด เป็นต้น Personal 2 เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสัญชาติที่เราถืออยู่, ข้อมูลบัตรประชาชน เป็นต้นหลังจากกรอกข้อมูลส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับแผนการเดินทาง (TRAVEL) บางคนอาจจะยังไม่มีกำหนดการแน่นอน เพราะระยะเวลาคิวสัมภาษณ์นั้นยาวนานนัก ยาวมากกว่า 6 เดือนเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมแผนการเดินทางไว้คร่าวๆ เช่นจะไปเที่ยวเมืองอะไร ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง จะเดินทางด้วยเที่ยวบินไหนบ้าง และจะพักโรงแรมไหน ซึ่งข้อมูลที่เรากรอกไปในแบบฟอร์มนี้ บางครั้งก็ถูกกงสุลถามในวันสัมภาษณ์เช่นกันชนิดวีซ่าที่ทำการขอ เป็นวีซ่าชั่วคราว ประเภทท่องเที่ยว B2 คุณได้วางแผนการเดินทางไว้หรือยัง ควรตอบ YES ควรวางแผนไว้คร่าวๆ โดยระบุวันเดินทางเข้าออกประเทศ เที่ยวบินขาเข้า, เที่ยวบินขาออก และระยะเวลาการพำนักอยู่ในอเมริกา, ระบุชื่อเมืองที่คุณจะเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถระบุได้มากกว่าหนึ่งเมือง ระบุสถานที่ที่คุณจะเดินทางไปพักอาศัย อาจเป็นโรงแรมที่หมายตาไว้ หรือเป็นที่อยู่ของญาติ, ที่อยู่ของแฟน หรือที่อยู่ของเพื่อนที่จะไปเยี่ยมหา ข้อนี้สำคัญมาก ใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวครั้งนี้ของคุณ ถ้าเป็นคนอื่นไม่ใช่คุณที่เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ ต้องระบุชื่อผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และความสัมพันธ์ของเขากับคุณให้ชัดเจนต่อไปเป็นข้อมูลของผู้ร่วมเดินทาง (TRAVEL COMPANIONS)การเดินทางครั้งนี้คุณเดินทางคนเดียวใช่หรือไม่ หากมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วย ต้องระบุชื่อจริง-นามสกุลจริงและความสัมพันธ์ของผู้ร่วมเดินทางกับคุณต่อไปเป็นข้อมูล ประวัติการเดินทางมาอเมริกา (PREVIOUS U.S. TRAVEL INFORMATION)หากคุณเคยเดินทางเข้าประเทศอเมริกามาก่อน ต้องแจ้งข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศ 5 ครั้งที่ผ่านมา โดยอาจกะประมาณวันเดินทางเข้าออก และระยะเวลาการพำนักในอเมริกาของแต่ละครั้ง คุณเคยได้รับวีซ่าอเมริกามาก่อนหรือไม่ คำถามข้อนี้สัมพันธ์กับข้อก่อนหน้า ถ้าคุณเคยเดินทางไปอเมริกามาแล้ว แปลว่าคุณเคยได้รับวีซ่ามาก่อน ดังนั้นจะเป็นคำถามเกี่ยวกับวีซ่าที่เคยได้รับ เช่น เลขรหัสวีซ่า, ประเภทของวีซ่าที่เคยได้รับ, ประเทศที่ทำการขอวีซ่า, คุณเคยสแกนลายนิ้วมือ 10 นิ้ว มาก่อนหรือไม่, วีซ่าเคยถูกขโมยหรือถูกยกเลิกมาก่อนหรือไม่ ข้อนี้สำคัญเช่นกัน คุณเคยถูกปฏิเสธวีซ่า หรือเคยถูกปฏิเสธเข้าประเทศอเมริกาหรือไม่ ถึงแม้จะเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าครั้งนี้จะถูกปฏิเสธอีก ควรตอบตามความจริง เพราะอย่างไรสถานทูตก็มีประวัติการขอวีซ่าของเราอยู่แล้ว มีใครเคยยื่นคำร้องขอย้ายถิ่นฐานให้กับคุณหรือไม่ ถ้าเคยมีคนทำเรื่องขอย้ายถิ่นฐานให้ ก็ควรตอบตามจริงและระบุว่า ใครเป็นคนทำเรื่องให้ และมีความสัมพันธ์กับคุณอย่างไรต่อไปเป็นข้อมูลที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ (ADDRESS AND PHONE) ในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลที่อยู่อาศัยของผู้สมัครต้องระบุว่าเป็นสถานที่เดียวกับที่อยู่ในการรับเอกสารคืนจากสถานทูตหรือไม่และต้องแจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้หากเคยเปลี่ยนเบอร์ภายในห้าปีที่ผ่านมาก็ต้องแจ้งด้วย ระบุอีเมลหากใช้อีเมลอื่นด้วยในรอบห้าปีที่ผ่านมา ต้องแจ้งระบุโซเชียลมีเดียวที่คุณใช้ ทั้งเฟสบุค ไอจี ทวิตเตอร์ หรืออื่นๆ ตรงนี้เรากรอกเฟสบุคลงไปหนึ่งอัน ระบบจะถามว่าเราต้องการแบ่งปันข้อมูลโซเชียลอื่นๆ อีกไหม ต่อไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง (PASSPORT)หนังสือเดินทางที่ใช้เป็นชนิดไหน หนังสือเดินทางทั่วไป หรือหนังสือเดินทางราชการ หรืออื่นๆ เลขพาสปอร์ตเลขเล่มพาสปอร์ต (ถ้ามี)ประเทศที่ออกพาสปอร์ตสถานที่ออกพาสปอร์ต ชื่อเมือง จังหวัดและประเทศวันเดือนปีที่ออกพาสปอร์ตและวันเดือนปีที่พาสปอร์ตหมดอายุคำถามว่าคุณเคยทำพาสปอร์ตหายหรือไม่ต่อไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้ติดต่อในอเมริกา (U.S. CONTACT)บอกชื่อจริง-นามสกุลจริงของผู้ติดต่อในอเมริกา อาจจะเป็นแฟน, เพื่อน หรือญาติ ถ้าไม่รู้ให้ติ๊กที่ช่อง Do Not Knowชื่อองค์กร ถ้าไม่รู้ให้ติ๊กที่ช่อง Do Not Know ในส่วนนี้เราใส่ชื่อโรงแรมที่จะเข้าพักลงไปเลือกความสัมพันธ์ของเรากับผู้ติดต่อในอเมริกา เพราะว่าผู้ติดต่อของเราเป็นโรงแรมเราจึงเลือกความสัมพันธ์เป็น OTHER = อื่นๆ จากนั้นก็ใส่ ที่อยู่โรงแรม, ชื่อถนน, ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ, รหัสไปรษณีย์, เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลของโรงแรมเท่าที่เราพอจะมีข้อมูลต่อไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว (FAMILY) ที่ถูกแบ่งเป็นสองส่วนคือ ข้อมูลพ่อแม่-ญาติพี่น้อง (Relatives) ผู้สมัครต้องให้ข้อมูลบิดามารดา หากท่านอาศัยอยู่ในอเมริกา ต้องระบุสถานะว่าเป็นพลเมือง หรือพำนักอาศัยถาวร และนอกจากบิดามารดาแล้ว มีญาติคนอื่นๆ อีกไหมที่พำนักอาศัยอยู่ในอเมริกาถาวร ต้องระบุชื่อ นามสกุล และความสัมพันธ์กับผู้สมัคร ข้อมูลคู่สมรส (Spouse) - ชื่อจริงนามสกุลจริง ประเทศที่เขาหรือเธอถือสัญชาติอยู่ เมืองที่เกิด ประเทศที่เกิด ที่อยู่ของคู่สมรส เป็นที่อยู่เดียวกับที่เราให้ไว้หรือไม่ พูดง่ายๆ อาศัยอยู่บ้านเดียวกันหรือเปล่าต่อไปเป็นข้อมูลประวัติการศึกษาและการทำงาน (WORK / EDUCATION / TRAINING) ในส่วนนี้จะถามเกี่ยวกับข้อมูลการหาเลี้ยงชีพ ประวัติการศึกษา ของผู้สมัคร แบ่งเป็นสามส่วนปัจจุบัน Present : ระบุอาชีพที่ทำ และบอกชื่อบริษัท, ที่อยู่บริษัท, วันเริ่มทำงาน, เงินเดือน, หน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งที่ทำอยู่ ควรระบุให้ชัดเจนว่าทำงานอะไร ได้เงินเดือนเท่าไร่ และเงินเดือนที่ได้ดูสมน้ำสมเนื้อกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้หรือไม่ (กรณีเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง) และหากมีรายได้อื่นเช่นขายของออนไลน์ร่วมกับทำงานประจำ สามารถเขียนเพิ่มเติมตรงส่วน อธิบายหน้าที่ที่รับผิดชอบได้อีกด้วย อดีต Previous : ประวัติการทำงานในอดีต บอกชื่อที่ทำงาน, ที่อยู่, ตำแหน่งงาน, ชื่อจริงนามสกุลจริงหัวหน้างาน, วันเริ่มงาน, วันสุดท้ายของการทำงาน, และรายละเอียดงานที่รับผิดชอบ ถ้าเคยทำงานมามากกว่าหนึ่งแห่งก็ควรใส่ไปด้วย ประวัติการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาหรือสูงกว่า ให้เขียนจากวุฒิการศึกษาล่าสุด ไล่ลงไปถึงวุฒิต่ำสุดในระดับมัธยมศึกษา เพิ่มเติม Additional : ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวภาษาที่พูดได้, เคยไปประเทศไหนมาบ้าง, เป็นสมาชิกองค์กรการกุศลหรือเปล่า, เคยผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธหรือไม่ เป็นต้นและแล้วก็มาถึงข้อมูลส่วนสุดท้ายของฟอร์ม DS-160 เป็นส่วนของ Security and Background มีด้วยกัน 5 Part เป็นคำถามให้ตอบใช่หรือไม่ มีทั้งหมดเกือบ 30 คำถาม ความหมายของแต่ละคำถามดูตามรูปได้เลยค่ะ (รูปหน้า 33-37)หลังจากตอบคำถาม Security and Background เรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นการอัปโหลดรูปถ่าย (UPLOAD PHOTO) โดยรูปถ่ายต้องเป็นรูปสี พื้นหลังสีขาว ขนาด 5x5 เซนติเมตร หรือ 2x2 นิ้ว ไม่ใส่แว่น เห็นหูทั้งสองข้างชัดเจน ขนาดศรีษะมีขนาด 50-69% ของรูปถ่าย และถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน คลิกเพื่ออ่านข้อกำหนดรูปถ่ายอย่างละเอียดหากรูปถ่ายผ่านมาตราฐานคุณภาพ สามารถคลิกเพื่อยืนยันการใช้รูปถ่ายนี้ เพื่อดำเนินการขั้นต่อไปจากนั้นกด REVIEW เพื่อรีวิวข้อมูลของผู้สมัครในแบบฟอร์ม DS-160 ซึ่งสามารถทำการแก้ไขได้จนกว่าจะทำการ Sign and Submit โดยการรีวิวใบสมัครขอวีซ่า DS-160 จะทำการรีวิวทั้ง 10 หัวข้อ หากผู้สมัครต้องการแก้ไขตรงส่วนไหน สามารถกด Edit ที่มุมขวาของส่วนนั้นได้เลย เมื่อรีวิวเสร็จแล้วและไม่มีส่วนไหนที่ต้องการจะแก้ไขแล้ว ให้กด Location เพื่อทำการยืนยันสถานที่ ที่ผู้สมัครจะเดินทางไปสัมภาษณ์ซึ่งหากผู้สมัครต้องการเปลี่ยนสถานที่ สัมภาษณ์ สามารถแก้ไขตรงส่วนนี้ได้เลย เมื่อแก้ไขเรียบร้อยแล้ว สามารถกด Sign and Submit (ลงชื่อและส่งใบสมัคร) ได้เลยในส่วนของหน้า Sign and Submit ผู้สมัครต้องระบุว่าการสมัครครั้งนี้ ผู้สมัครเป็นผู้กรอกแบบฟอร์มด้วยตนเอง หรือมีคนช่วยเหลือ หากมีคนช่วยเหลือต้องแจ้ง ชื่อจริงนามสกุลจริงของผู้ให้ความช่วยเหลือในการกรอกใบสมัคร DS-160 และระบุความสัมพันธ์ เช่นอาจเป็นลูกสาวกรอกให้คุณแม่วัยเกษียณ เป็นต้น จากนั้นใส่เลขพาสปอร์ตของตนเอง และรหัสเพื่อยืนยันการลงชื่อและส่งใบสมัคร DS-160 เข้าระบบจากนั้นทำการยืนยันส่งใบสมัคร ด้วยการกด Confirmationจะได้ใบยืนยัน DS-160 หรือใบ Confirmation DS-160 ทำการ SAVE เป็นไฟล์ PDF และพิมพ์เก็บไว้เพื่อนำไปแสดงในวันสัมภาษณ์** แนะนำให้เซฟใบสมัครเป็น PDF หรือพิมพ์ใบสมัคร DS-160 (Print Application) ออกมาไว้ด้วย เพื่อจะได้จำได้ว่ากรอกอะไรลงไปในใบสมัครขอวีซ่าบ้าง เพราะหลังจากล็อกเอ้าท์หรือระบบไทม์เอ้าท์แล้วจะไม่สามารถพิมพ์ใบสมัครได้อีก พิมพ์ได้แต่ใบ Confirmation ทำให้อาจลืมไปว่ากรอกอะไรไปบ้าง และพอถึงวันสัมภาษณ์อาจจะลืมข้อมูล จนตอบคำถามไม่ตรงกับที่กรอกไว้ได้2. ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า อเมริกาค่าธรรมเนียมวีซ่าอเมริกาตอนนี้อยู่ที่ 185 USD ต่อคน หรือประมาณ 6,660 บาท 😱😱 โดยอัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้อยู่ที่ 1 USD เท่ากับ 36 บาท แต่การจะชำระค่าธรรมเนียมได้นั้น ผู้สมัครต้องเข้าระบบเพื่อไปพิมพ์แบบฟอร์มคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม และใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะไปชำระกับทางธนาคาร ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ USTravelDocs ประเทศไทยหากยังไม่เคยมีโปรไฟล์กับทาง USTravelDocs ก็ทำการสร้างโปรไฟล์ก่อน โดยกดที่ปุ่มสร้างโปรไฟล์ จากนั้นทำการกรอกข้อมูล อีเมล, ชื่อ, นามสกุล, รหัสผ่านและยืนยันรหัสผ่าน รวมถึงยอมรับนโยบายส่วนบุคคล ก่อนกด Submitหลังจากยืนยันการสร้างโปรไฟล์ทางอีเมล ก็นำอีเมลและรหัสผ่านมาล็อกอินเข้าระบบเมื่อล็อกอินเข้าระบบมาแล้ว ให้ไปที่มุมซ้ายมือ ตรงเมนู การสมัครขอวีซ่า / นัดสัมภาษณ์ แล้วระบุวีซ่าที่ทำการยื่นขอ ซึ่งครั้งนี้เป็นวีซ่าชั่วคราว ประเภทท่องเที่ยว B2จากนั้นเลือกสถานที่ ที่ผู้สมัครจะเดินทางไปสัมภาษณ์ ต้องตรงกับที่เลือกไว้ในฟอร์ม DS-160 (รูปหมายเลข 42/67)จากนั้นเลือกประเภทของวีซ่าที่คุณต้องการขอ (บทความนี้แนะนำวิธีการขอวีซ่าอเมริกา ชั่วคราวประเภทท่องเที่ยว B2 เท่านั้น)จากนั้นทำการกรอกข้อมูลของผู้สมัคร โดยมีข้อมูลดังนี้หมายเลขหนังสือเดินทางวันออกหนังสือเดินทางสถานที่ออกหนังสือเดินทางวันหมดอายุหนังสือเดินทางวันเดือนปีเกิดสัญชาติชื่อจริงนามสกุลจริงประเทศที่เกิดเพศ หมายเลข DS-160 ต้องตรงกับหมายเลขในใบยืนยัน DS-160 ที่เราเพิ่งกรอกเสร็จไป ซึ่งหากเรายังไม่ได้ลงชื่อและส่งใบสมัคร และไม่ได้ทำการแก้ไขใบสมัครภายใน 60 วันนับจากวันสุดท้ายที่มีการแก้ไข จนใบสมัครหมดอายุ เราก็สามารถกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ใหม่และนำเลขใหม่มาทำการแก้ไขตรงจุดนี้ได้หมายเลขโทรศัพท์หมายเลขโทรศัพท์มือถืออีเมลที่อยู่ในการจัดส่งหนังสือเดินทางจังหวัดในการรับพัสดุรหัสไปรษณีย์ในการรับพัสดุหากการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ไปคนเดียว และผู้ร่วมเดินทางต้องการไปสัมภาษณ์พร้อมกัน เราสามารถเพิ่มผู้สมัครเข้าไปในวันเวลานัดหมายได้ โดยคลิกเพิ่มผู้สมัคร และทำการกรอกข้อมูลของผู้สมัครท่านนั้น (ข้อมูลชื่อจริงนามสกุลจริง, เลขพาสปอร์ต, วันเดือนปีออกพาสปอร์ต, วันเดือนปีหมดอายุพาสปอร์ต, สัญชาติ, เลข DS-160 เป็นต้น)จากนั้นตอบคำถามตามความจริงและระบบจะพาเราไปยังหน้าแบบฟอร์มสำหรับการชำระค่าธรรมเนียมในหน้ารายละเอียดการจัดส่งเอกสาร ให้เลือก การส่งเอกสารที่บ้าน และระบุที่อยู่ที่ต้องการรับพาสปอร์ต, จังหวัดและรหัสไปรษณีย์ วิธีนี้หากวีซ่าผ่านจะได้รับพาสปอร์ตจัดส่งมายังที่อยู่ที่แจ้งไว้ภายใน 5 - 7 วันจากนั้นระบบจะนำไปยังหน้าการชำระค่าธรรมเนียม ซึ่งจะขึ้นข้อความแจ้งเตือนว่าค่าธรรมเนียมวีซ่าไม่สามารถขอคืนได้ อย่าจ่ายซ้ำจากนั้นจะนำไปยังแบบฟอร์มคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม ให้เลือก Cash Payment เพราะเราต้องไปชำระเงินสดที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในแบบฟอร์มคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม เราต้องใช้ข้อมูล Virtual Account ID ตัวเลข 11 หลักCGI Reference Number ตัวเลข 14 หลักยอดค่าธรรมเนียมคำร้องขอวีซ่าเป็นเงินบาท** ต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมก่อนวันหมดอายุ ในนี้ระบุไว้เป็นวันที่ 26 เดือนกรกฎาคม ปี 2023ในแบบฟอร์มนี้ให้เลื่อนมาได้ด้านล่าง เพื่อพิมพ์ใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่จะมีสองส่วนคือส่วนของธนาคารและส่วนของลูกค้ากรอกข้อมูลในใบนำฝากเงินธนาคารทั้งส่วนสำหรับธนาคารและสำหรับลูกค้าให้ครบถ้วน โดยใส่ข้อมูลสาขาผู้รับฝากวันที่ฝากชื่อ-นามสกุลลูกค้าเป็นภาษาอังกฤษให้ตรงกับในพาสปอร์ตVirtual Account ID (ดูจากหน้า 61/67)CGI Referene No. (ดูจากหน้า 61/67)จำนวนเงินที่ต้องชำระ เป็นตัวเลข (ดูจากหน้า 61/67) และเป็นตัวอักษรจากนั้นใส่ชื่อผู้นำฝากและเบอร์โทรศัพท์นำฟอร์มแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม (61/67), ใบนำฝากเงินธนาคารกรุงศรีฯ (62/67) และพาสปอร์ต พร้อมทั้งเงินสดเท่ากับยอดจำนวนเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระ ไปยังเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีเพื่อชำระเงินค่าธรรมเนียม จากนั้นเก็บสำเนาการชำระเงินไว้เป็นหลักฐาน และควรนำไปในวันสัมภาษณ์วีซ่าด้วย 3. ทำนัดสัมภาษณ์วีซ่าหลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีเรียบร้อยแล้ว รอประมาณ 1-2 วัน สามารถนำเลข Virtual Account ID เข้ามากรอกในหน้าการสมัครขอวีซ่า/นัดสัมภาษณ์วีซ่า เพื่อทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าได้เลยโดยในหน้าทำนัดสัมภาษณ์จะมีสถานที่ให้เลือก ผู้สมัครสามารถเลือกได้ว่าจะสัมภาษณ์ที่กรุงเทพหรือเชียงใหม่ ส่วนใหญ่แล้วกรุงเทพจะต้องรอคิวสัมภาษณ์นานมาก ตอนนี้รอนานประมาณ 6 เดือน ส่วนเชียงใหม่ตอนนี้รอนานประมาณ 1 เดือน ดังนั้นหากแบบฟอร์ม DS-160 ยังไม่ได้ลงชื่อและส่งใบสมัคร สามารถทำการแก้ไขสถานที่ ที่ต้องการเดินทางไปสัมภาษณ์ได้ โดยทำการแก้ไขทั้งในฟอร์ม DS-160 (รูป42/67) และใน US Travel Docs (รูป64/67) หากลงชื่อและส่งใบสมัคร DS-160 ไปแล้ว ก็สามารถที่จะสร้าง DS-160 ใหม่และใช้หมายเลข DS-160 ใหม่ใน USTravelDocs ได้ในขั้นตอนของรูป 54/67 เพียงแต่ผู้สมัครจะต้องเสียเวลากรอกข้อมูลใหม่อีกครั้ง 🤔เมื่อเข้ามาในหน้าทำการนัดหมายสัมภาษณ์ หลังจากเลือกสถานที่สัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วให้เลือกวันที่ว่าง และด้านล่างจะปรากฎเวลาที่สามารถเดินทางมาสัมภาษณ์ได้ ติ๊กถูกตรงเวลาที่ต้องการ จากนั้นกด Schedule Appointment เพื่อทำการนัดหมาย จากนั้นจะได้แบบฟอร์มยืนยันการนัดหมายส่งมาทางอีเมล หรือหากมีการแก้ไข หมายเลข DS-160 ผู้สมัครสามารถพิมพ์ใบนัดหมายได้ใหม่ จากระบบ US Travel Docs**โดยผู้สมัครสามารถทำการเปลี่ยนแปลงวันนัดหมายได้สูงสุดสองครั้ง 4. เดินทางมาสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตอเมริกาในวันสัมภาษณ์ผู้สมัครควรเดินทางมาก่อนเวลานัดหมาย 15 นาที โดยสถานทูตไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปภายในสถานทูต ดังนั้นหากนำโทรศัพท์มาต้องฝากไว้ที่ด้านหน้า ในส่วนของเอกสารควรเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้จดหมายยืนยันการนัดหมาย Appointment Confirmation ที่มีวันเวลาการนัดสัมภาษณ์ และหมายเลข DS-160 ต้องตรงกับเลขในใบสมัครที่ผู้สมัครได้ทำการลงชื่อและส่งใบสมัคร (Sign and Submit) ไปแล้วใบยืนยันคำร้องวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160 Confirmation)หนังสือเดินทาง (Passport) ที่จะใช้เดินทางเข้าประเทศอเมริกา ต้องมีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ตั้งใจอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 6 เดือนหนังสือเดินทางเล่มก่อนหน้าทั้งหมดที่คุณมีรูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว หรือ 5x5 เซนติเมตร ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวจำนวน 185 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 6,660 บาทหลักฐานการเงินของคุณเช่น Book Bank ที่มีรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน จดหมายรับรองการทำงาน จดหมายลางานในช่วงระยะเวลาการเดินทางท่องเที่ยวในอเมริกาแผนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอเมริกา เที่ยวบินเข้าออกประเทศอเมริกา โรงแรมที่จะเดินทางไปพักเอกสารที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะไม่ได้ใช้ทั้งหมด แต่มีไว้ดีกว่าเพื่อทางสถานทูตถามหาเราจะได้มีให้ ในส่วนของคำถามสัมภาษณ์ ผู้เขียนได้รวบรวมคำถามทั่วๆ ไปดังต่อไปนี้Q : Why are you going to the USA ? ทำไมคุณถึงจะไปอเมริกาA : I would like to visit USA once in my life. ฉันอยากไปเที่ยวอเมริกาสักครั้งในชีวิต Q : Where are you planning to visit? คุณจะไปเที่ยวที่ไหนในอเมริกาA: I am going to visit New York and Boston. ฉันจะไปเมืองนิวยอร์กกับบอสตัน Q: Who are you going with? คุณจะไปกับใครA: I am going with my husband. ฉันไปกับสามีฉันค่ะ Q : How long are you going to stay in the USA? คุณจะอยู่ที่อเมริกานานแค่ไหนA: About 10 Days. ประมาณ 10 วันค่ะ Q: Where are you staying? คุณจะไปพักที่ไหนA: I am going to staying at Courtyard Marriot Hotel in SoHo and Double Tree Hotel in South Boston. ฉันจะพักที่โรงแรม xx/xx Q: Who are paying for your trip? ใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของคุณA: I and my husband, we share the expenses. I pay for the airfares and he pays for the accommodation. ฉันและสามีร่วมกันรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ฉันรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินส่วนเขารับผิดชอบค่าที่พัก Q: For the last five years, what countries have you been to? ห้าปีที่ผ่านมาคุณได้ไปประเทศไหนมาบ้างA: Russia, Jordan, Maldives, Korea, Japan, and China. ประเทศ xx/xx/xx Q: What do you do for living? คุณทำงานอะไร A: I have my own company. I earn xxx a month. ฉันมีบริษัทเป็นของตัวเอง ฉันมีรายได้ xxx ต่อเดือน Q: What is your responsiblity in your company? คุณรับผิดชอบอะไรบ้างในบริษัทของคุณ A: My company do business xxxx. I oversee and manage big pictures of the company. บริษัทของฉันทำ xxxx ฉันทำหน้าที่ดูแลและจัดการภาพรวมของบริษัท Q: Do you have any relatives in the USA? คุณมีญาติอยู่ที่อเมริกาหรือไม่A: Yes, my aunt lives there as a US Citizen. She retired last year. มีค่ะ คุณป้าฉันอยู่ที่อเมริกา ท่านเกษียณแล้วถ้าท่านกงสุล หมดคำถามสงสัยแล้วและเห็นว่าผู้สมัครดูมีความตั้งใจจะไปเที่ยวจริงๆ มีกำหนดการเดินทางกลับแน่ชัด และมีถิ่นฐานการงานที่ต้องรับผิดชอบ ดูแล้วไม่ได้วางแผนที่จะไปตายเอาดาบหน้าที่อเมริกา ก็จะอนุมัติวีซ่าให้ โดยจะพูดว่า Your Visa is Granted แต่ถ้าการตอบคำถามมีความไม่ชัดเจนเป็นที่น่าสงสัย ดูมีแววว่าไปแล้วไปลับ จะไม่กลับมาเมืองไทยอีก ผู้สมัครอาจจะได้รับแบบฟอร์ม 214 (b) ซึ่งหมายถึงการปฏิเสธวีซ่า 5. รอรับเล่มพาสปอร์ตทางไปรษณีย์แต่ก็มีบางกรณีที่ท่านกงสุลเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะปฏิเสธวีซ่าของผู้สมัครดีหรือไม่ จึงขอเก็บหนังสือเดินทางของผู้สมัครไว้ก่อน แล้วอาจทำการตรวจสอบกับทางฝ่ายตม. ทางอเมริกาดูก่อน หากมีคำถามสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมทางสถานทูตจะติดต่อผู้สมัครมาอีกที ซึ่งตรงนี้ผู้สมัครจะได้รับแบบฟอร์ม 221(g) กลับบ้านไป แบบต้องนับวันรอไปเรื่อยๆ รอว่าเมื่อไร่โทรศัพท์จะดัง (อันนี้พี่ที่สนิทกันของผู้เขียนเจอมากับตัว) หาข้อมูลดูในอินเตอร์เน็ตของประเทศอื่น บอกไว้ว่าอาจใช้นานถึง 6 เดือนกว่าจะตัดสินว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน คนชอบเดินทางต่างประเทศมีอิดเลยจ้า จะเก็บพาสปอร์ตฉันไว้หกเดือนเลยเหรอ.... แต่เอาจริงๆ กรณีเคสพี่คนนั้นผ่านไป 3 สัปดาห์หลังจากวันสัมภาษณ์ก็ได้รับโทรศัพท์จากทางสถานทูต โทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สงสัย ซึ่งพี่เขาก็ตอบฉะฉานชัดเจน หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์พี่เขาก็ได้รับพาสปอร์ตกลับมา พร้อมวีซ่าอเมริกาชั่วคราว ประเภทท่องเที่ยวอายุ 10 ปี รวมระยะเวลาการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 จนถึงวันสัมภาษณ์ (4 เดือน) และระยะเวลาจนถึงวันได้รับเล่มพาสปอร์ตพร้อมวีซ่ากลับมา (อีก 1 เดือน) รวมทั้งหมดเป็นเวลา 5 เดือน เรียกว่าทริปท่องเที่ยวอเมริกาต้องวางแผนล่วงหน้ากันเป็นปีเลยล่ะจ้าทุกคนผู้เขียนตั้งใจรวบรวมทุกขั้นตอนของการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาอย่างละเอียด โดยใช้จากประสบการณ์การยื่นขอวีซ่าอเมริกา ประเภทท่องเที่ยวให้แม่ พี่ๆ สามี ลูกชายลูกสาว หลานและของตัวผู้เขียนเอง รวมๆ แล้วก็เกือบสิบรอบได้อยู่ค่ะ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังจะทำเรื่องขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกากันนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย ขอให้โชคดีกันทุกคนค่ะ สุดท้ายไม่ท้ายสุด ผู้เขียนเพิ่งทำเรื่องขอวีซ่าออสเตรเลียมา ซึ่งอนุมัติเร็วมากหลังจากไปทำเรื่องสแกนลายนิ้วมือ วันรุ่งขึ้นก็ได้รับอีเมลแจ้งผลวีซ่าแล้ว ก็เลยอยากจะขอขอบคุณ คุณนักเขียน 287write สำหรับบทความการขอวีซ่าออสเตรเลียดีๆ ที่มีประโยชน์มาก ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ 🙏🙏 😊เครดิตภาพ : ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน บทความที่น่าสนใจรวม 10 คำถามที่ ตม.ชอบถาม พร้อมตอบยังไงให้ผ่านบิน ช้อป เที่ยว นอน The Standard Bangkok Mahanakhon