//ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน// ในช่วงปิดเทอมใหญ่ เด็ก ๆ จะได้หยุดเรียนเป็นเวลานาน หลานของฉันซึ่งอยู่ต่างจังหวัดก็จะได้มีโอกาสมาเที่ยวกรุงเทพฯ ฉันจึงต้องหาวันว่างเพื่อพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวกัน แต่จะไปเที่ยวที่ไหนดีล่ะ ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ ก็มีอยู่มากมาย ซึ่งฉันคิดว่าจะพาเด็ก ๆไปเที่ยวทั้งทีก็อยากจะให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้ด้วย จึงตัดสินใจพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือที่คนส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า “ท้องฟ้าจำลอง” ฉันตั้งใจพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยนัดเวลากันว่าจะออกจากบ้านตอนแปดโมงเช้า เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันมาก เมื่อถึงวันที่จะไปเที่ยวก็ตื่นนอนกันแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัว และรับประทานอาหารเช้ารอเวลาออกเดินทางกันเลย ฉันเลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟฟ้า เนื่องจากสามารถลงรถไฟฟ้าที่สถานีเอกมัย และเดินย้อนจากสถานีรถไฟฟ้าไปประมาณ 200 เมตร ก็ถึงท้องฟ้าจำลอง ซึ่งถือว่าสะดวกและรวดเร็ว เมื่อไปถึงฉันพาเด็ก ๆ ไปซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เข้าชมในโดมท้องฟ้าจำลอง กับส่วนที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ โดยฉันซื้อตั๋วทั้ง 2 แบบให้เด็ก ๆ ส่วนที่ใช้เข้าชมในโดมท้องฟ้าจำลอง คือ ใช้เข้าชมการแสดงท้องฟ้าจำลอง ซึ่งจะแสดงรอบละ 1 ชั่วโมง โดยจะมีผู้บรรยาย ให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์ในช่วงแรก หลังจากนั้นจะฉายเป็นภาพยนตร์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน และจะมีการเปลี่ยนเรื่องการแสดงทุก ๆ เดือน โดยในช่วงที่ฉันพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวนั้น เป็นการจัดแสดง เรื่อง โคโคมง ผจญภัยในอวกาศ ซึ่งเป็นการ์ตูนแอนิเมชันเกี่ยวกับการผจญภัยในอวกาศของเจ้าลิงน้อย หลังจากชมการแสดงในโดมท้องฟ้าจำลองจบแล้ว ก็พาเด็ก ๆ ไปชมนิทรรศการที่อาคารต่าง ๆ ต่อ โดยเริ่มจากอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซึ่งเด็ก ๆ ได้เรียนรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ในด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องเกี่ยวกับแร่ ห้องปฏิบัติการหุ่นยนต์ ซึ่งเด็ก ๆ ชอบมาก เพราะได้ทดลองบังคับหุ่นยนต์ต่าง ๆ ได้เรียนรู้เรื่องความลับของสิ่งมีชีวิต ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดทำเป็นหุ่นแสดงวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่ยุคโบราณจนมาถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งเด็ก ๆ ก็ทำท่าทางต่าง ๆ ตามหุ่นแต่ละช่วงของวิวัฒนาการ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และนอกจากนี้ยังได้สัมผัสกับบรรยากาศของอวกาศด้วย หลังจากสนุกสนานอยู่ในอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แล้ว ฉันก็พาเด็ก ๆ เดินต่อไปยังอาคารโลกใต้น้ำ ซึ่งเป็นอาคารจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ปลาน้ำจืด ปลาน้ำเค็ม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล ซึ่งมีการจัดแสดงทั้งสัตว์ที่ยังมีชีวิต และสัตว์ที่ได้ทำการสตัฟฟ์ไว้แล้ว //ภาพประกอบโดยผู้เขียน// //ภาพประกอบโดยผู้เขียน// และไปต่อกันที่อาคารพลังงาน ซึ่งเราใช้เวลาอยู่ที่อาคารนี้ไม่นาน เนื่องจากเป็นอาคารเล็ก ๆ แล้วเดินเลยไปที่อาคารสุดท้าย คือ อาคารธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตั้งอยู่ออกไปจากรั้วของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา และต้องเดินข้ามถนนไปอีกนิดหน่อย ที่นี่เป็นอาคาร 8 ชั้น โดยชั้นที่ 1 เป็นจุดตรวจบัตรก่อนเข้าตัวอาคาร และมีการแสดงนิทรรศการตั้งแต่ชั้น 2 ถึง 8 พวกเราตกลงกันได้ว่าควรขึ้นลิฟท์ไปเริ่มต้นกันที่ชั้น 8 และค่อย ๆ เดินชมนิทรรศการลงมาทีละชั้น โดยชั้น 8 เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับมรดกทางธรรมชาติ ซึ่งข้างในมีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ ชั้น 7 เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับชีวิตพิศวง ที่ชั้นนี้พวกเราได้เรียนรู้ว่าในธรรมชาติมีความมหัศจรรย์อยู่มากมายเลย และพวกเราได้เข้าไปสัมผัสกับห้องมืด ซี่งภายในห้องนั้น มืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย เมื่อเข้าไปแล้วเราต้องอาศัยมือของเราสัมผัสกำแพงและคลำหาทางออก แต่คนที่อยู่ข้างนอกห้องจะมองเห็นพฤติกรรมของพวกเราจากหน้าจอมอนิเตอร์ สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็ก ๆ รวมถึงฉันด้วย หลังจากนั้น พวกเราก็เดินลงบันไดมาต่อที่ชั้น 6 เป็นชั้นนิทรรศการเมืองเด็ก พวกเราใช้เวลาอยู่ที่ชั้นนี้เป็นเวลานานเลย เนื่องจากมีจุดต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ได้เล่น เช่น มีบ้านต้นไม้ให้เด็ก ๆ เรียนรู้เสียงสัตว์ชนิดต่าง ๆ มีจุดให้เด็ก ๆ เล่นบทบาทสมมุติเป็นคุณหมอ เป็นคนขายอาหาร เป็นบุรุษไปรษณีย์ มีเขาวงกต ให้เด็ก ๆ ได้หาทางออก นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน //ภาพประกอบโดยผู้เขียน// เมื่อเห็นว่าใช้เวลาอยู่ชั้นนี้นานพอสมควรแล้ว จึงชวนเด็ก ๆ เดินลงบันไดไปต่อกันที่ชั้น 5 เป็นส่วนนิทรรศการโลกของแมลง เด็ก ๆ ได้เรียนรู้วงจรการเจริญเติบโตของแมลงชนิดต่าง ๆ หลังจากนั้นพวกเราก็มาต่อกันที่ชั้น 4 ขุมทรัพย์โลกสีเขียว เมื่อเข้าไปข้างในจะพบกับต้นไม้พูดได้ ซึ่งเด็ก ๆ ก็ชอบเหมือนกัน //ภาพประกอบโดยผู้เขียน// สุดท้ายพวกเราเดินลงบันไดต่อที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นของห้องสมุด ชั้นนี้พวกเราไม่ได้แวะเข้าไป เนื่องจากเห็นว่าใกล้จะหมดเวลาการเข้าชมนิทรรศการแล้ว จึงเดินลงไปที่ชั้น 2 เป็นส่วนของการจัดแสดงไดโนเสาร์ //ภาพประกอบโดยผู้เขียน// และก็เดินทางกลับบ้านกัน โดยขากลับฉันพาเด็ก ๆ ขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีเอกมัยมาลงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และต่อรถตู้กลับบ้าน ด้วยความเหนื่อยจากการเล่นมาทั้งวัน พอขึ้นรถตู้ได้ก็หลับกันเลยทีเดียว //ภาพประกอบโดยผู้เขียน// จากการพาหลาน ๆ ไปเที่ยวในครั้งนี้ ฉันได้เห็นความสุข และความสนุกสนานของเด็ก ๆ และยังได้รับความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลาย ๆ อย่าง ได้เรียนรู้ว่าวิทยาศาสตร์มีอยู่รอบ ๆ ตัวเรานี่เอง หากคุณพ่อคุณแม่มีเวลาว่างลองพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวที่นี่ดูนะคะ อาจเป็นการจุดประกายความเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยให้กับเด็ก ๆ ก็ได้ค่ะ