ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เที่ยวได้ในทุกฤดู ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนชอบเที่ยวในสไตล์ไหน หน้าร้อนของญี่ปุ่น เริ่มประมาณเดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม อุณหภูมิก็ประมาณสามสิบองศา เซลเซียสขึ้นไป ซึ่งก็ร้อนพอ ๆ กับบ้านเรา โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคม อากาศบางช่วงอาจจะร้อนกว่าบ้านเราด้วยซ้ำ ฤดูร้อนมีอะไรพิเศษ กว่าฤดูหนาว ใบไม้ร่วง หรือใบไม้ผลิ เราจะพูดถึงการเที่ยวในฤดูร้อนของญี่ปุ่น แบบกว้าง ๆ ไม่ระบุเมืองใดเมืองหนึ่งโดยเฉพาะ แต่อาจจะเน้นไปเที่ยวในเมืองที่เดินทางได้สะดวกจากโตเกียว ฤดูร้อนเป็นฤดูที่เราสามารถชมความงามของทุ่งดอกไม้ หรือ ดอกไม้หลากชนิดได้ เช่น ไฮเดรนเยีย ป๊อปปี้ ลาเวนเดอร์ ทานตะวัน เป็นต้น หรือคนที่รักธรรมชาติ ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งเช่น เดินป่า ปีนเขา ก็จะสามารถไปทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ เช่นปีนฟูเขาไฟฟูจิ ซึ่งจะสามารถทำได้ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน กำหนดการในแต่ละปีก็จะไม่เหมือนกัน ทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่ไกลจากโตเกียวก็มีทุ่งลาเวนเดอร์ให้เราได้ไปเยี่ยมชมกัน อาจจะไม่สวย หรือเป็นทุ่งใหญ่ๆ เหมือนแถวโพรวองซ์ ฝรั่งเศส หรือ ฮอกไกโด แต่ก็ได้บรรยากาศที่แตกต่างออกไป เราได้มีโอกาสไปเยือน ทุ่งลาเวนเดอร์ ที่ Tambara ซึ่งอยู่บนเขาสูง หน้าหนาวที่นี่จะเป็นลานสกี อากาศแถวนั้นค่อนข้างเย็น วันที่เราไปมีหมอกปลกคลุม ทำให้สวยไปอีกแบบ ทุ่งดอกไม้อื่น ๆ ที่ไม่ไกลจากโตเกียว เช่น Yamanakako Hanano Miyako Park ในจังหวัด Yamanashi ถ้าอากาศดี ๆ เราสามารถเห็นทุ่งทานตะวัน พร้อมกับฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่นอกจากดอกทานตะวันแล้ว ยังมีดอกไม้อื่น ๆ เช่น ทิวลิป คอสมอส ไฮเดนเยียร์ ผลัดเปลี่ยนกันไปตามฤดูกาล ใส่ยูกาตะเดินเล่นในย่านเมืองเก่า อย่างย่าน Asakusa หรือ เมือง Kawagoe ก็ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีเพื่อน เพราะเราจะเห็นทั้งคนญี่ปุ่นเอง และนักท่องเที่ยวใส่ยูกาตะ ออกมาเดินเล่นกันในย่านเมืองเก่านี้ ร้านเช่าก็จะมีอยู่ทั่วไป มีทั้งแบบที่ต้องจองล่วงหน้า และสามารถเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า เราเลือกร้านที่ไม่ไกลจากย่านเมืองเก่าที่ราคาค่าเช่าไม่แพง เช่นร้าน Vivian ในเมืองคาวาโกเอะ ซึ่งราคาค่าเช่ารวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว คือรวมทำผม เครื่องประดับ กระเป๋าถือ รองเท้า ร่ม พัด ที่ร้านมีชุดให้เลือกเยอะมาก สารพัดสี และพนักงานในร้านช่วยแต่งตัวให้ แบบรวดเร็วมากใช้เวลาแต่งตัวและ ทำผมรวมกันประมาณ 10-15 นาที ต่อคน ชมดอกไม้ไฟ ถ้าใครเป็นคนที่ชอบชมดอกไม้ไฟ ฤดูร้อนในญี่ปุ่นก็มีงานแสดงดอกไม้ไฟ ในหลายเมือง ซึ่งสามารถติดตามตารางวันและเวลาได้ตามเวปไซด์ต่าง ๆ ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ไปเดินเล่นในเมืองประวัติศาสตร์อย่างนิกโก้ World Heritage Site แถวนั้นอากาศดี บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้ปกคลุม โดยเฉพาะในบริเวณศาลเจ้าต่าง ๆ จะเลือกเดินทางจากโตเกียวแบบไปเช้าเย็นกลับก็สะดวก เดี๋ยวนี้มีรถไฟ JR-TOBU NIKKO EXPRESS ที่สามารถใช้พาสอย่าง Tokyo Wide Pass ออกจากสถานีโตเกียว หรือ อูเอโนะ แล้วโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน หากมีเวลาหลายวันจะพักที่นิกโก้ เพื่อเที่ยวชมน้ำตก ทะเลสาบ ก็ฟินไปอีก ที่สำคัญคือหากไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ควรหลีกเลี่ยงช่วงที่เป็นวันหยุดยาว ของคนญี่ปุ่น เพราะช่วงนั้น ชาวญี่ปุ่นจะออกเดินทางไปต่างจังหวัด กลับบ้านเกิด หรือว่าออกไปท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งปีนี้ Mountain Day จะหยุดกันตั้งแต่วันที่ 8-10 สิงหาคม และ Obon ตั้งแต่วันที่ 13-16 สิงหาคม ถ้าใช้พาสต่าง ๆ ในการเดินทาง ก็สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้บนเว็ปไซด์ของ JR ซึ่งถือว่าสะดวกมาก @ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน