เบตง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดยะลา ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 140 กิโลเมตร โดยที่ตั้งอยู่ตามแนวเทือกเขาสันกาลาคีรี จึงมีภูมิทัศน์สวยงาม ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติและภูเขาที่สลับซับซ้อน อากาศดี ที่สำคัญเป็นเมืองที่มีหมอกตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งในเมือง และรอบนอกเมือง ที่มากมายและหลากหลาย วันนี้ขอพาไปเที่ยวแบบวันเดียวเก็บเกี่ยวให้มากที่สุด โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 05.00 น. กับการไปชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดของภาคใต้ หลังจากนั้นวนเที่ยวในตัวเมืองเบตง ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งอยู่ใกล้กัน เป้าหมายของหลายคนที่มาเบตง คือ การดู ทะเลหมอกที่อัยเยอร์เวง ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเบตง อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตงประมาณ 40 กิโลเมตร เสียดายที่เช้านี้ฝนตกอย่างหนัก ทำให้มองไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกไม่ได้อลังการอย่างที่คิด คงต้องกลับไปซ่อมใหม่ในเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งว่ากันว่าเป็นช่วงที่ฟ้าเปิดและทะเลหมอกสวยที่สุด บ่อน้ำพุร้อนเบตง อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตงประมาณ 5 กิโลเมตร มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ย 80 องศา พื้นที่กว้างขวางคล้ายสวนสาธารณะ มีบ่อแช่น้ำแร่และบ่อต้มไข่สุกภายใน 7 นาที กรดกำมะถันที่อยู่ในน้ำพุร้อนจะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย สนามกีฬากลางเมืองเบตง อยู่กลางหุบเขา ทิวทัศน์สวยงาม วัดพุทธาธิวาส อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่เนินเขากลางเมืองเบตง สิ่งที่โดดเด่นและน่าสนใจภายในวัด คือ พระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ พระพุทธธรรมมงคล และวิหารที่งดงาม ตู้ไปรษณีย์ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการสร้างขึ้นใหม่สูง 9 เมตร ตั้งอยู่หน้าศาลาประชาคม ส่วนตู้ดั้งเดิมตั้งอยู่บริเวณหอนาฬิกาสูง 2.9 เมตร ซึ่งทั้งสองตู้ใช้งานจริง หอนาฬิกาหินอ่อน เปิดไฟงดงามในช่วงกลางคืน Street Art ภาพวาดตามผนังอาคารอยู่ตามตรอกซอกซอย บริเวณถนนรอบหอนาฬิกา สื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเบตง อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของไทย ใช้งานมาเกือบ 20 ปี ตกแต่งด้วยไฟตลอดความยาว 270 เมตร อาหารห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเบตง คือ ไก่เบตงเนื้อนุ่มและอร่อยสมคำร่ำลือ แนะนำ ร้านต้าเหยิน ( กิตติ ) อยู่บริเวณหอนาฬิกา และ ร้านสุจินต์โภชนา 2 อยู่ตรงข้ามตลาดสดเทศบาลเบตง เบตงยังมีที่เที่ยวรอบนอกอำเภออีกหลายแห่ง ลองไปสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม และความลงตัวของการอยู่ร่วมกันของชาวไทยพุทธ ไทยอิสลาม และไทยเชื้อสายจีนในเบตง แล้วจะเห็นด้วยกับสโลแกน " OK Betong " สนามบินเบตงสร้างเสร็จแล้ว และคาดว่าจะเปิดใช้ภายในปี 2563 หลังจากการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด 19 สงบลง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของนักท่องเที่ยว ที่ไม่มั่นใจในการเดินทางด้วยรถยนต์ เพราะสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียน "ชีพจรลงเท้า" )