พี่ๆ เราไปเที่ยวกันเถอะ เสียงใสๆ พร้อมยิ้มหวานๆ หันมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู พลันสายตาก็ละจากสัญญาณไฟจราจรหันมาสบตาเธอ ก็ดูซิมันน่าเบื่อจะตาย หันไปทางไหนรถเต็มไปหมดแถมฝุ่นก็เยอะแยะ เบื่อๆ เสียงบ่นพึมพำเอาแต่ใจ ชวนอมยิ้มในอารมณ์หล่อนยิ่งนัก ไปไหนอีกหล่ะผมถาม หล่อนยิ้มเบาๆ อย่างมีเลศนัย ไม่รู้ซินึกไม่ออกเหมือนกัน อยากไปที่ที่ไม่วุ่นวายอ่ะ อากาศเย็นๆ อยากเห็นสวนดอกไม้แบบมองไปแล้วว้าวๆ งี้ งั้นเราไปหาจุดหมายกัน ระหว่างมื้อค่ำ เราอาศัยพี่กูเกิ้ลอยู่นานกว่าจะได้ปลายทางตามปรารถนา เธอเลือกที่จะไปชมไม้เมืองหนาว ซึ่งเหมาะกับช่วงเวลานี้พอดี และ "ไฮเดรนเยีย" คือ ดอกไม้ที่เธออยากเชยชม แล้วมันอยู่ที่ไหนหล่ะ แน่นอนดอกไม้เหมืองหนาวคงหนีไม่พ้นตามยอดดอยหล่ะ ดอกไฮเดรนเยียปลูกมากที่สุดที่ "ขุนแปะ" หนึ่งในโครงการหลวงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ย้อนไปเมื่อปี 2512 พระองค์ท่านได้ทรงส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวให้แก่ชาวเขา เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นรายได้หลักในสมัยนั้น จนเกิดเป็นโครงการส่วนพระองค์ขึ้น คือ โคงการหลวงนั่นเอง ผลผลิตที่เกิดขึ้นจากโครงการฯ มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ผักปลอดสารพิษ ผลิตผลจากปศุสัตว์ ประมง รวมถึงดอกไม้เมืองหนาวต่างๆ ปัจจุบันมีโครงการและศูนย์พัฒนาเกิดขึ้นใน 8 จังหวัดภาคเหนือกว่า 21 ศูนย์ รู้ไหมมันเป็นต้นกำเนิดของดอยคำด้วยนะ จากเชียงใหม่ บนทางหลวงหมายเลข 108 ก่อนจะเลี้ยวขวาระหว่าง กม. 82-83 เข้าทางหลวงชนบท 3033 ลัดเลาะไปตามเส้นทางธรรมชาติ ทิวทัศน์ซ้าย-ขวา สวยงามแตกต่างกันไปตามระดับความสูง ราบเรียบบ้าง ขรุขระบ้าง ตามพื้นที่ เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ใกล้แล้วน่า กว่า 3 ชั่วโมง ถึงซะที ศูนย์พัฒนาโครการหลวงขุนแปะ โครงการฯ ตั้งอยู่บ้านขุนแปะ ตำบลขุนแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์นี้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2527 ตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชการที่ 9 เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไหนหล่ะดอกไม้ ก้าวลงหน้าที่ทำการ ไม่เห็นมีเลย เสียงงอแงเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น เข้าไปก่อนซิ ถามพี่เขาก่อน ทุ่งดอกไม้ต้องขับรถไปอีกประมาณ 5 กิโล ต้องรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น เนื่องจากทางค่อนข้างชันและลื่น ไม่นานจากศูนย์ฯ เส้นทางเล็กๆ ที่ผ่านทุ่งนาแบบขั้นบันได เลาะขึ้นมาก็ถึงทุ่งดอกไฮเดรนเยีย หล่อนก้าวลงจากรถ ยืนทอดมองอยู่นาน คงเป็นช่วงเวลาความสุขมากหล่ะ เธอหันมาพร้อมยิ้มอย่างดีใจพลางวิ่งมาจับมือเรา ไปกัน...ท่ามกลางดงดอกไม้และอากาศเย็นจนเกือบหนาวเลยก็ว่าได้ เป็นช่วงเวลาที่เดินช้าลง ทุกจังหว่ะและกริยาท่าทางที่แสดงออกมา รอยยิ้มปนเสียงหัวเราะ ช่างรื่นเริงดูมีความสุขยิ่งนัก ดูดอกนี้สิ สวยมากเลย พี่รู้ไหมมันมีความหมายนะ บ้างก็ว่ามันเป็นดอกไม้เย็นชาบ้างหล่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็ต้นกำเนิดของมันอยู่ที่อากาศหนาวมากไงหล่ะ อีกความหมายคือ "แทนคำขอบคุณ" หรือ "Thank you for understanding" ขอบคุณที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างกัน ขอบคุณน่ะ แววตากับน้ำเสียงที่พูดออกมามันอบอุ่นเหลือเกิน มันเปลี่ยนสีได้นะพี่ จริงดิ มันจะเปลี่ยนสียังไง เขาบอกว่าสีของมันจะเปลี่ยนตามค่า ความเป็นกรด-ด่าง ของดินที่ปลูก พี่ก็ดูสิ แต่ละดอกมีสีที่แตกต่างกัน ฟ้า น้ำเงิน ชมพูบ้างหล่ะ นั่นเพราะว่าดินมันมีความแตกต่างกันไง ถ้าดินเป็นกรด สีจะออกโทนอุ่นๆ แต่ถ้าสีสดใสนั่นเพราะดินมีความเป็นด่างไงล่ะ หนูเก่งไหมหล่ะ 55 เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนเชียงใหม่ อย่าลืมแว่ะมาเชยชมความความของ "ไฮเดรนเยียที่เปลี่ยนสี" แล้วคุณจะหลงรักมัน... เรื่องและภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียน