แชร์ประสบการณ์นั่งรถไฟไปเที่ยวลาวครั้งแรก 🎯การเดินทางในทริปนี้ บุษยาเลือกโดยสารด้วยรถไฟสายกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์(คำสะหวาด) โดยสามารถจองได้ผ่าน แอพพลิเคชั่น D-Ticket หรือเว็บไซต์ https://dticket.railway.co.th ใช้เวลาในการเดินทางราวๆ 12 ชั่วโมง 🌞 Day 1 🎯บุษยาเดินทางมาขึ้นรถไฟที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยเลือกเป็นตู้นั่งแอร์ค่ะ รถจะออกเวลา 21:25น. ใช้เวลาในการนั่งรถ 12-13 ชั่วโมงค่ะ จะเดินทางถึงปลายทางก็เช้าพอดีค่ะ และรถไฟขบวนนี้ไม่มีตู้เสบียงนะคะ หากใครที่กลัวหิว ก็สามารถซื้ออาหารตุนไว้ได้ค่ะ และในส่วนของตู้แอร์ที่บุษยานั่ง การรถไฟจะมีผ้าห่มแจกให้คนละ1ผืนค่ะ แนะนำว่าใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวจะดีมากๆเลยค่ะ 🌞 Day 2 สถานีรถไฟเวียงจันทน์(คำสะหวาด) - พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ - หอพระแก้ว - ประตูไซ - ตลาดริมโขง 🎯ก่อนที่จะไปถึงสถานีเวียงจันทน์(คำสะหวาด) ก็จะต้องลงรถที่สถานีหนองคายก่อนนะคะ จะมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งก่อนและเก็บผ้าห่มคืนค่ะ สถานีนี้ต้องลงจากรถเพื่อตรวจหนังสือเดินทางประทับตราออกจากประเทศไทยค่ะ ที่สถานีนี้ ต้องรอเปลี่ยนหัวลากสักครู่นะคะ และจะกลับไปนั่งตู้เดิมที่นั่งเดิมเพื่อไปลงสถานีปลายทางเวียงจันทน์(ตำสะหวาด) 🎯เมื่อมาถึงสถานีเวียงจันทน์(คำสะหวาด) จะมีเจ้าหน้าที่มาแจกเอกสาร ตม.ค่ะ ต้องทำการกรอกเอกสารขาเข้าให้ครบถ้วน และไปเข้าแถวเพื่อตรวจคนเข้าเมืองต่อไปค่ะ โดยจะมีค่าธรรมเนียม 20 บาท (ชำระเงินไทยได้ค่ะ) เมื่อมาถึงสถานีเวียงจันทน์(คำสะหวาด)แล้วจะมีบูธให้บริการแลกเงินจากธนาคารพัฒนาลาว , บูธขายซิมการ์ด , บูธรถโดยสารต่างๆค่ะ 🎯บุษยาแลกเงินกับธนาคารพัฒนาลาวค่ะ ซึ่งมีให้บริการภายในสถานีรถไฟเลยค่ะ และที่สำคัญเลยธนาคารจะมีใบให้กรอกว่าต้องการแลกเท่าไหร่ ให้เก็บใบนี้ไว้นะคะ ธนาคารจะรับแลกคืนค่ะ และทริคเล็กๆ บุษยาแนะนำเป็นขอแบงค์ 50,000 เยอะๆนะคะ เพราะแบงค์ 100,000 หาทอนยากมาก และในส่วนของซิมการ์ด ก็สามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวกเลยค่ะ หลังจากที่แลกเงินซื้อซิมเสร็จแล้ว บุษยาต้องการเดินทางไปที่ตลาดเช้าเพื่อเข้าที่พักค่ะ โดยบุษยานั่งจากสถานีเวียงจันทน์(คำสะหวาด)เป็นรถบัสสีเขียว ราคาคนละ 20,000 กีบค่ะ 🎯ในส่วนของที่พักที่บุษยาเลือก ชื่อ แลนด์มาร์คเวียงจันทน์ไลฟ์เซ็นเตอร์ จะอยู่ติดกับตลาดเช้าเลยค่ะ ไม่ต้องนั่งรถต่อเลยนะคะ สามารถเดินไปได้เลยค่ะ ค่าห้องพักคืนละ 900 บาทรวมอาหารเช้าด้วยค่ะ (ตกคนละ 450 บาท) ที่พักสามารถเช็คอินได้ 14:00น. มาถึงแล้วยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เราสามารถนำสัมภาระไปฝากไว้ก่อนได้ค่ะ และออกไปเที่ยวกันต่อได้เลยจ้า 🎯หลังจากเราฝากกระเป๋าเสร็จแล้วนะคะเราก็จะเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามโรงแรมเพื่อไปทานอาหารกันก่อนค่ะ ร้านอาหารแถวนี้ราคาไม่แพงเลยนะคะจานนึงจะอยู่ที่ประมาณ 30,000-45,000 กีบค่ะ มื้อแรกเราจ่ายไปรวมน้ำอยู่ที่ 106,000 กีบค่ะ (คนละ 53,000 กีบ) 🎯สถานีถัดไปเราจะเดินทางไปที่ วัดพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ โดยเรียกรถสามล้อไฟฟ้า ผ่านแอพพลิเคชั่น KOKKOK MOVE ค่ะ อัตราค่าโดยสารที่ 25,000 กีบ (คนละ 12,500กีบ) และที่วัดพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ มีค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 30,000 กีบค่ะ สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่และสวยงามมากค่ะ มีให้เดินชมหลายจุดเลยค่ะ 🎯หลังจากเดินชมวัดพระธาตุฯแล้ว เวลาเรายังเหลืออีกมากเลยค่ะ เราก็จะไปต่อกันที่ หอพระแก้ว โดยเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่น Indriver เป็นรถเก๋งไฟฟ้าค่ะ ค่าโดยสาร 45,000 กีบค่ะ (คนละ 22,500 กีบ) และสถานที่แห่งนี้ มีค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 30,000 กีบค่ะ และสถาที่นี้ไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพด้านในค่ะ ภายในจะมีพระพุทธรูปองค์สีดำ และวัตถุโบราณให้ได้ชมกันค่ะ ก็สามารถไปกราบไหว้ ขอพรกันได้ค่ะ ที่นี่ไม่ได้ใหญ่ค่ะ ใช้เวลาในการเดินชมไม่นานนะคะ และต่อจากที่นี่เราจะไปเช็คอินที่พักและพักผ่อนกันก่อนค่ะ และช่วงเย็นประมาณ 17:00น. บุษยาจะไปต่อที่ประตูไซค่ะ และค่ารถจากหอพระแก้วไปที่พักเนี่ยจะอยู่ที่ 25,000 กีบค่ะ (คนละ 12,500 กีบ) 🎯17.00น. เราจะไป ประตูไซ กัน โดยเรียกรถจากแอพอินไดร์ฟเวอร์ ราคา 25,000 กีบ (คนละ 12,500 กีบ) มาช่วงเวลานี้อากาศไม่ร้อน แดดไม่แรงมากค่ะ แต่ว่าจะไม่ได้ขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบนซุ้มประตูไซค่ะ หากใครอยากขึ้นไปชมบรรยากาศแนะนำให้มาช่วงกลางวันค่ะ โดยมีค่าเข้าที่คนละ 30,000 กีบ แต่วันนี้บุษยาไม่ได้ขึ้นไปเพราะมาเย็นแล้วนะคะ และในช่วงเวลานี้คนเยอะมากค่ะ ช่วงกลางวันคนจะน้อยมากค่ะ และมาถึงที่นี่แล้วสิ่งที่บุษยาไม่อยากให้พลาดเลยคือ ไอติมรูปประตูไซ ที่ร้านข้าวจี่คาเฟ่ค่ะ จะมีครัวซองต์หลากรสมากเลยค่ะ บุษยาจ่ายค่าน้ำปั่น ครัวซองต์และไอติมไปที่ 120,000 กีบค่ะ (ตกคนละ 60,000 กีบ) 🎯 ทานขนมเสร็จแล้ว เราก็อยากจะลองขึ้นรถสกายแลปไป ตลาดริมโขง ค่ะ คนขับคิด 70,000 กีบ (ตกคนละ 35,000 กีบ) ไปถึงตลาดริมโขง เป็นตลาดของใช้นะคะ ของกินไม่ค่อยมีค่ะ😅 แนะนำให้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อจะไปเล่นสวนสนุกค่ะ แต่ด้วยความหิวเลยสั่งส้มตำกับข้าวผัดมากินรวมๆแล้วมื้อนี้เราจ่ายค่าอาหารและน้ำไป 250,000 กีบค่ะ ( 125,000 กีบ) เรากะจะเล่นเครื่องเล่นด้วย แต่ดันเจอเหตุการณ์ที่ไม่ปกติบวกกับฝนที่เริ่มตกลงมา เราเลยตัดสินใจกลับที่พักค่ะ เรียกรถอินไดร์ฟเวอร์ ราคา 28,000 กีบ(ตกคนละ 14,000 กีบ) พอมาถึงที่พักก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเงียบสงบของเวียงจันทน์และก็หลับไปเลยค่าาาา 🌞 Day 3 วันนี้เราจะเดินทางไปเมืองเฟืองกัน 🎯โดยเริ่มกันที่อาหารเช้าบุฟเฟต์ที่โรงแรมกันค่ะ หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว เราก็จะเดินทางกันค่ะ โดยเริ่มจากการเดินทางไปที่ขนส่งสายเหนือค่ะ สามารถไปขึ้นรถบัสที่ตลาดเช้าข้างที่พักได้ค่ะ แต่ว่าบุษยาเลือกเป็นรถสามล้อไฟฟ้าไปค่ะ เพราะสัมภาระเยอะค่ะ(555) ค่ารถอยู่ที่ 61,000 กีบ (คนละ 30,500 กีบ) ไปถึงขนส่งสายเหนือเลยค่ะ 🎯เมื่อมาถึงขนส่งสายเหนือ ก็ไปขึ้นรถตู้ต่อเลยค่ะ ค่ารถมาตรฐานที่ 150,000 กีบค่ะ แต่ถ้ามีคนเดินนำค่ารถจะอยู่ที่ 200,000 กีบทันทีค่ะ ❌ไม่ต้องเดินตามไปนะคะ❌ พอขึ้นรถแล้วแจ้งคนขับได้เลยว่าเราพักที่ไหนค่ะ รถไปส่งถึงที่พักเลยค่ะ **ค่ารถขาไปบุษยาจ่ายคนละ 200,000 กีบค่ะ เพียงเพราะมีคนเดินนำหน้าเท่านั้นค่ะ 🎯ที่พักที่บุษยาเลือกพักที่เมืองเฟืองจะเป็น อ่างน้ำตงวิวรีสอร์ท ค่ะ ค่าห้องพักโซนติดน้ำ 1,000 บาท รวมอาหารเช้า (คนละ 500 บาท) ที่พักแห่งนี้ต้องยอมรับว่าบรรยากาศดีมากๆค่ะ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาทานอาหารและมาถ่ายภาพกันตลอดเลยค่ะ พนักงานต้อนรับของที่นี่บริการดีมากๆค่ะ แต่ข้อเสียของที่พักแห่งนี้คือ ไม่มีรถให้เช่า เลยไม่ได้ไปไหนนะคะ นอกจากพักอยู่ที่ที่พักอย่างเดียวค่ะ และไม่มีหมูกะทะ ไม่มีใส่บาตรเช้าค่ะ และร้านอาหารบังคับมีร้านเดียวค่ะ และพนักงานร้านอาหารไม่เต็มใจบริการค่ะ นอนกันเต็มร้าน ลูกค้าไม่มีที่นั่งและอาหารราคาค่อนข้างสูง หากใครต้องการบรรยากาศแบบเมืองเฟืองในหลายๆที่ แนะนำหาที่พักโซนแพจะสะดวกกว่าค่ะ ที่พักนี้เหมาะสำหรับฟิวส่วนตัวและต้องการพักแบบเงียบๆที่นี่เหมาะมากค่ะ และคืนนี้เราจะนอนให้เต็มที่เลยค่ะ พรุ่งนี้เช้าเราจะเดินทางกลับเมืองเวียงจันทน์กันค่ะ 🌞 Day 4 🎯 วันนี้เราจะเดินทางกลับเมืองไทยกันค่ะ โดยรถตู้จะมารับหน้าที่พักเลยค่ะ โดยพนักงานต้อนรับจองรถตู้ให้นะคะ ค่ารถขากลับบุษยาจ่ายไป 150,000 กีบค่ะ คนขับน่ารักและใจดีมากค่ะ ในส่วนของเส้นทางไปกลับเมืองเฟืองค่อนข้างคดเคี้ยว และรถตู้วิ่งเร็วค่ะ หากใครเมารถแนะนำเตรียมตัวให้พร้อมกันก่อนเดินทางค่ะ แต่บรรยากาศสองข้างทางก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้ค่ะ สวยงามมาก 🎯เมื่อเดินทางมาถึงเวียงจันทน์แล้ว ระหว่างรอขึ้นรถไฟกลับ บุษยาก็จะไปรับประทานอาหารที่บิ๊กซีก่อนค่ะ โดยเรียกรถสามล้อไฟฟ้าก๊อกก๊อกมูฟไปค่ะ ค่ารถ 108,000 กีบ (คนละ 54,000 กีบ) ที่บิ๊กซีอาหารโซนฟู๊ดคอร์ท ราคาเริ่มต้นที่ 45,000 กีบค่ะ และมีที่ชาร์จแบตให้ด้วยค่ะ เราก็จะนั่งเล่นที่นี่กันก่อนนะคะ และกรอกเอกสาร ตม.ขาออกให้ครบถ้วนด้วยเลยค่ะ โดยค่าขนมค่าอาหารมื้อนี้บุษยาจ่ายไป 135,000 กีบ(คนละ 67,500 กีบ) เมื่อใกล้เวลาแล้ว บุษยาก็เดินทางไปที่สถานีรถไฟ เวียงจันทน์(คำสะหวาด) โดยเรียกรถจากแอพอินไดร์ฟเวอร์ จ่ายไป 60,000 กีบ (คนละ 30,000 กีบ)ค่ะ 🎯พอบุษยามาถึงสถานีเวียงจันทน์แล้ว ก็ทำการแลกเงินคืนค่ะ โดยยื่นใบที่เรากรอกไว้ในตอนแรกค่ะ ธนาคารก็รับแลกคืนนะคะ และเราก็นั่งรอซักพักจะมีประกาศเรียกให้เรานำเอกสารไปผ่านด่าน ตม. เพื่อปั๊มออกจากประเทศลาวค่ะ (มีค่าธรรมเนียม 20 บาท) ชำระเป็นเงินไทยได้ค่ะ และเราก็จะลงที่สถานีหนองคายอีกครั้ง เพื่อผ่าน ตม.ไทยค่ะ โดยครั้งนี้จะต้องนำสัมภาระลงไปตรวจด้วยนะคะ และเราก็ออกไปนั่งรอรถไฟมาเทียบชานชาลาเพื่อขึ้นรถกลับกรุงเทพฯกันค่ะ🙏🙏 ก็จบกันไปกับทริปนั่งรถไฟเที่ยวลาวของบุษยาค่ะ หากพิมพ์ผิดพลาดประการใดต้องกราบขออภัยด้วยนะคะ แต่พิมพ์จากใจและจากประสบการณ์ที่ได้รับจริงค่ะ ขอบคุณทุกการติดตาม และทริปหน้าบุษยาจะพาไปที่ไหน อย่าลืมกดหัวใจ และกดติดตามกันด้วยนะค้าาาาา🥰🥰 สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางตลอปทริปของบุษยา จ่ายไปทั้งสิ้น 3,833 บาทไทยค่ะ เงินไทย 1,564 บาท เงินกีบ 1,147,000 กีบ(1,695บาท) #เที่ยว #รถไฟลาว #นั่งรถไฟไปเที่ยว #เที่ยวลาว #Laos #นั่งรถไฟเที่ยว #บุษยาไดอารี่ เครดิตโดยครีเอเตอร์