วันนี้มาเอาใจสายเที่ยวแบบประหยัดไม่อยากซื้อน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง ซึ่งแม้ปกติผู้เขียนจะเป็นคนที่ชอบเดินทางสไตล์แบกเป้มากว่าลากกระเป๋า แต่ทริคในวันนี้สามารถนำไปปรับใช้กับกระเป๋าทั้งสองแบบได้เลย จากการจัดกระเป๋าในแบบของผู้เขียนก็มี 6 ทริคง่ายๆ ดังนี้เลย1. เลือกขนาดและน้ำหนักกระเป๋าให้เบาและตามข้อกำหนดของสายการบินข้อแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนเลยคือขนาดของกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ต่อให้น้ำหนักไม่เกินแต่กระเป๋าขนาดใหญ่เกินที่กำหนด ก็อาจจะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ และอาจจะต้องซื้อน้ำหนักสัมภาระโหลดในตอนเช็กอิน ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าปกติ ดังนั้นเราจึงควรตรวจสอบขนาดกระเป๋าที่สายการบินอนุญาตก่อน ส่วนใหญ่หลายสายการบินก็กำหนดขนาดตามมาตรฐานก็จะมีขนาดใกล้เคียงกัน อาจมีบางสายการบินที่แตกต่าง จึงขอแนะนำให้ทุกท่านตรวจสอบกับเว็บไซต์สายการบินที่ท่านทำการจองตั๋วไป และแนะนำว่าให้เลือกกระเป๋าที่มีน้ำหนักเบาจะดีที่สุดทั้งกระเป๋าแบบมีล้อลากและกระเป๋าเป้ เพราะน้ำหนักของสัมภาระถือขึ้นเครื่องนั้นส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ว่าไม่เกิน 7 กิโลกรัม ในบางสายการบิน เช่นสายการบินฟลูเซอร์วิสอาจกำหนดไว้มากสุดคือ 10 กิโลกรัม แต่เป็นน้ำหนักที่รวมสิ่งของทั้งหมด นั่นหมายถึงหากกระเป๋าของเราหนักเกินไปเราก็จะเหลือโควต้าน้ำหนักใส่ของน้อยยิ่งขึ้นนั่นเอง 2. ไปช่วงเวลาสั้นๆ ใช้การม้วนเสื้อผ้าแทนการพับใช้การม้วนแทนการพับจะประหยัดพื้นที่มากกว่า การม้วนในแบบของเราคือส่วนตัวจะม้วนเสื้อจัดเป็นเซ็ต เช่นกางเกงหนึ่งตัวกับเสื้อหนึ่งตัว พับเป็นแนวยาววางซ้อนกัน แล้วม้วน 1 ม้วนต่อเสื้อผ้า 1 วัน แต่ถ้าผ้าหนามากก็จะแยกม้วน หากเป็นกระเป๋าลากก็ให้แบ่งสัดส่วนกระเป๋าให้ดี อาจจะเอาชุดชั้นในวางไว้ล่างสุดแล้วม้วนเสื้อผ้าวางทับ หรือวางม้วนเสื้อผ้าครึ่งหนึ่งชุดชั้นในอีกครึ่งฝั่งก็ได้ และแยกเสื้อผ้าที่ไม่อยากให้ยับมาพับบางๆ ใส่อีกฝั่งของกระเป๋า หากจะนำผ้าขนหนูไปด้วยก็ให้พับผ้าขนหนูวางปิดเสื้อผ้าทั้งหมด สำหรับกระเป๋าเป้ข้อนี้จะทำง่ายกว่ากระเป๋าลาก เพราะส่วนใหญ่กระเป๋าเป้จะมีช่องใส่ของแยกออกจากกันค่อนข้างเยอะและชัดเจนนั่นเอง 3. เลือกเสื้อผ้าเนื้อผ้าไม่หนาเกินไป ( ยกเว้นไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว ) ข้อนี้สำหรับสายแฟชั่นอาจทำได้ยาก แต่สายเที่ยวชิลๆ ไม่แน่นแต่งตัวเยอะๆ ก็สบายเลย รีวิวจากประสบการณ์สายชิล พออายุแตะเลขสามก็เริ่มกลายเป็นผู้หญิงที่เบื่อการแต่งตัวจัดจ้าน เน้นชิล เน้นเสื้อผ้าสบายตัว พอไลฟ์สไตล์ง่ายๆ แบบนี้การจัดกระเป๋าก็ง่ายขึ้นเป็นกอง เน้นเป็นเสื้อผ้าที่ไม่หนาใส่สบาย และเน้นเป็นเสื้อผ้าที่ซักแล้วแห้งง่าย เผื่อกรณีเที่ยวไม่เหนื่อยมีแรงเหลือซักผ้า ก็ซักตากในห้องน้ำ ข้อดีของการเลือกเสื้อผ้าไม่หนาคือมันจะทำให้กระเป๋าเราไม่แน่นเกินไป มีพื้นที่เหลือใส่ของอื่นๆ และยิ่งผ้าหนาน้ำหนักของผ้ามันก็เยอะด้วย ถ้าไม่อยากโหลดกระเป๋าจริงๆ และเป็นสายแต่งตัว เสื้อผ้าก็ควรจะเน้นบางน้ำหนักเบาไว้ก่อน แต่ถ้าเที่ยวฤดูหนาวก็จะไม่สามารถใช้ทริคข้อนี้ได้ ให้ข้ามไปข้อ 4 เลยค่ะ 4. ไปนานมากกว่าสองอาทิตย์ หรือมีเสื้อผ้าหนาเยอะ ก็ให้ใช้ถุงสุญญากาศช่วยถ้าไปฤดูหนาวมันก็หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าหนาๆ ไม่ได้ หรือไปทริปนานร่วมเดือนจริงๆ แค่การม้วนอาจจะไม่สามารถจัดเก็บเสื้อผ้าปริมาณเยอะลงไปทั้งหมดภายในกระเป๋าเดียวได้ดังนั้นถุงสุญญากาศเป็นไอเทมสำคัญในการจัดกระเป๋า เพราะถุงสูญญากาศจะช่วยให้เราสามารถนำเสื้อผ้ามากชิ้นใส่ลงไปภายในถุงเดียวแต่ไม่บวม ไม่ปริ แถมแฟบจนสามารถใส่ข้าวของอื่นๆ ลงไปเพิ่มอีกได้ วิธีการใช้ถุงสุญญากาศนั้นสามารถทำได้ดังนี้แนะนำให้พับเสื้อผ้าบางๆ แล้วจัดเรียงซ้อนกันในถุงสุญญากาศปิดถุงให้แน่นหนา ตรวจสอบการปิด ปิดให้สนิทไม่มีรอยลมเข้าออกอื่น หากพบว่าถุงมีรอยรั่ว หรือขาดให้เปลี่ยนถุง เลือกถุงสุญญากาศที่มีจุกวาล์วเพื่อให้สามารถสูบลมออกได้ สามารถใช้ได้ทั้งกระบอกสูบลม และเครื่องสูบลมไฟฟ้าสูบลมออกจากถุงจนฟีบบาง แน่บไปกับเสื้อผ้า กรณีใช้กระบอกสูบให้สูบไปจนกว่าเราจะรู้สึกดึงที่สูบไม่ออก ( เพราะข้างในไม่มีลมเลยดึงไม่ออก ) 5. ไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่จุดหมายปลายทาง แทนการนำของที่บ้านไปหากเราไปในประเทศหรือจุดหมายที่เราไปมีร้านสะดวกซื้อประเภทเดียวกับ เซเว่นอีเลฟเว่น หรือมินิมาร์ทอื่นๆ ก็ไปซื้อข้าวของใช้ สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ส่วนพวกน้ำหอม โลออน หากไม่ได้ติดยี่ห้อใดเป็นพิเศษแนะนำให้ซื้อขนาดพกพาในเซเว่นหรือมินิมาร์ทเมื่อถึงจุดหมายแทน ส่วนเรื่องเครื่องสำอางก็แบ่งใส่ขวดแบ่ง หรือหาซื้อขนาดพกพาติดไว้บ้างก็จะดี เพราะนอกจากจะไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณของเหลวแล้วเราก็จะมีน้ำหนักสัมภาระเหลือไปได้อีกนิดหน่อย 6.จองที่พักที่มีเครื่องซักผ้าเป็นหลัก บางคนอ่านข้อนี้แล้วอาจจะกำลังขำอยู่ในใจ แต่สำหรับผู้เขียนมันก็ช่วยได้อยู่นะคะ เราเอาเสื้อผ้าไปไม่ต้องเยอะ แล้วไปวางแผนการเดินทางดีๆ หากคุณไม่ได้เที่ยวแบบ สองวันเปลี่ยนเมืองก็ใช้ทริคข้อนี้ได้แน่นอนค่ะ อย่างเช่นผู้เขียนอยู่เมืองหนึ่งๆ ในประเทศหนึ่ง และอยู่เที่ยวที่นั่นสักสี่ห้าวัน เรามีเวลาซักผ้าและตากให้แห้งได้นะคะ ก็ไม่จำเป็นต้องขนเสื้อผ้าไปหมดตู้เสื้อผ้าของเรา แต่ก็อาจจะใช้ได้กับคนที่ไม่ใช่สายแฟชั่นมากนั่นแหละนะ แถมข้อสุดท้ายให้นิดหนึ่งคือก่อนออกไปเที่ยวให้ออกตัวกับเพื่อนรอบข้างให้ชัดเจนว่า "ไม่มีของฝากนะ" เคลียร์ใจกันให้ชัดตั้งแต่ก่อนไปเลยว่าเราจะไม่ซื้อของฝากเพราะเราไม่มีพื้นที่และน้ำหนักกระเป๋าจะโหลดนะ จะได้ไม่ต้องกังวลใจทั้งเรื่องน้ำหนักในการบรรจุของฝากหิ้วกลับมา และความคิดของเพื่อน แต่เชื่อว่าถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆ คงไม่มานั่งงองแง หรือโกรธเคืองกันเรื่องแค่นี้หรอก และนี่ก็เป็นทริคง่ายๆ ในแบบองเรา และสุดท้ายนี้หากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยนะคะ หรือถ้าอยากติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราก็สามารถติดตามกันได้ที่Facebook : แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อยYouTube : I Tell You TryIG : i_am_solo_traveler_บทความ TrueID : หญิงเถื่อนเนื้อหาและภาพประกอบโดยหญิงเถื่อนและภาพประกอบที่ 6 จาก rawpixel - Freepik.com🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”