วันนี้เราจะพาทุกคนไปนั่งรถเมล์กัน และสถานที่เราจะไปก็คือ วังหลังค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้นะคะว่าวังหลังนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าใครก็น่าจะเคยไปนะคะเพราะว่าเดินทางได้สะดวกมากเดินทางได้หลายทางเลยทั้งรถเมล์ เรือ รถไฟ BTS เดินทางได้สะดวกมากเลยค่ะแต่วันนี้เราจะมาเดินทางด้วยรถเมล์ค่ะ และเมื่อพูดถึงรถเมล์ทุกคนต้องมีคำถาม เราจะขึ้นรถเมล์สายอะไร?ขึ้นตรงไหน?ไปลงที่ไหน?และนั่งรถอะไร?ต่อ เราอยากบอกว่าการเดินทางมันง่ายมาก เราอยากให้ทุกคนออกเดินทางไปด้วยกันเราจะมาบอกสายรถเมล์หลักๆที่เราเดินทางบ่อยๆนะคะ และเส้นทางแรกที่เราจะไปก็คือ เส้นทางที่ 1 สยาม สาย 15 ค่ะเป็นรถสีแดงครีม เป็นรถธรรมดาค่ะไม่ได้ปรับอากาศค่าโดยสารจะอยู่ที่ 8 บาทตลอดสาย เราจะขึ้นที่ป้ายสยามค่ะตรงข้ามโรงพยาบาลตำรวจ และลงที่ป้ายกองสลาก เราก็ต้องเดินไปต่อเรือ ที่ท่าเรือ ท่าช้าง เพื่อข้ามฟาก ไปวังหลังค่ะ โดยสารเรือคนละ 3 บาท 50 สตางค์ เส้นทางที่ 2 ปิ่นเกล้า เราขอเริ่มจาก เซ็นทรัลปิ่นเกล้าค่ะเราจะขึ้นรถเมล์สาย 57 เพื่อไปลงหน้าโรงพยาบาลศิริราช สายนี้ต่อเดียวถึงเลยค่ะเดินทางสะดวกมาก ค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสายค่ะ เป็นรถสีฟ้าธรรมดา ไม่มีปรับอากาศ ค่ะ เส้นทางที่ 3 บางแค เราขอเริ่มขึ้นรถที่หน้าห้างเดอะมอลล์บางแค ขึ้นรถสาย 81 ขึ้นฝั่งเดอะมอลล์เลยค่ะสายนี้ก็ต่อเดียวถึงเหมือนกันค่ะ แต่สายนี้จะจอดตรงข้ามโรงพยาบาล ข้ามถนนระวังกันด้วยนะคะ เป็นรถสีชมพู 10 บาท ตลอดสายไม่มีปรับอากาศค่ะ เส้นทางที่ 4 พระราม 2 เราขึ้นสาย 105 ปรับอากาศรถสีฟ้าค่าโดยสารจะอยู่ที่ 19 บาท (ค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับระยะทาง) ถ้าเป็นแบบธรรมดาครีมแดงค่าโดยสารจะอยู่ที่ 8 บาทตลอดสาย ที่หน้าห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ไปลงที่ตรงข้ามไอคอนสยามแล้วก็ต่อรถตุ๊กๆสาย คลองสาน-ศิริราช ค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสาย รถตุ๊กๆจะไปจอดที่หน้าวัดอัมรินทร์ เราเริ่มเดินมายังไม่ทันจะได้เข้าตลาดเลยค่ะของกินเพียบเลยค่ะ มีกุ้ยช่าย ก๋วยเตี๋ยว ขนมเบื้อง ขนมถังแตก บ้าบิ่น แพนเค้ก น้ำผลไม้ ขนมครก และมีอีกเยอะแยะมากๆเลย (ส่วนมากจะเป็นสูตรชาววัง ไว้ลองมาชิมกันนะคะ ว่าจะอร่อยสมชื่อชาววังหรือเปล่า) พอเราเริ่มเดินเข้ามาข้างในตลาดก็จะมีเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้ามีทั้งมือหนึ่งและมือสอง กิ๊ฟช็อป เครื่องเขียน ของเล็กๆน่ารักๆเยอะมากเลย อาหารเยอะมากเยอะเเบบเลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอันไหนก่อน บรรยากาศ อาจจะเหมือนตลาดทั่วไปแต่พอเราลองสังเกตดีๆจะมีความเป็นชุมชนเก่าๆ เราชอบความเป็นกลิ่นอายของชุมชนเก่าๆซึ่งชั้นล่างก็เปิดร้านขายของด้านบนอาจจะเป็นที่พักอาศัยพอเรามองเข้าไปในร้านค้าจะเป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่เราจะเห็นความ เป็นตึกไม้เก่าๆแบบสมัยก่อน ร้านค้าส่วนมากก็จะเป็นแบบคนผู้สูงอายุ ถ้าใครได้ลองมาลองอยากให้เดินครบทุกตรอกทุกซอกทุกซอยเลยค่ะ ส่วนที่ปรับปรุงใหม่ ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เราขอยกตัวอย่างร้านอาหารที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนก็คือร้าน อรทัยจากเมื่อก่อนที่เราเคยมากินมีแค่ร้านซูชิร้านเล็กๆมี 2 ชั้นเพียงแค่ร้านเดียวปัจจุบันนี้เป็นร้านอรทัยซูชิมี 3 ร้าน แล้วนะคะเผื่อใครยังไม่รู้และอีก2ร้านที่เพิ่มขึ้นก็เป็นร้านอรทัยซูชิ 2 ร้านและร้านอรทัยซีฟู้ดอีก 1 ร้านค่ะ จากเดิมที่เป็นร้านอรทัยซูชิร้านแรก ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอรทัยซีฟู้ดแล้วนะคะ ร้านอื่นเขาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว คิดว่าถ้าเรามาอีกประมาณซัก 1-2 ปีข้างหน้า ความเป็นชุมชนเก่ามันจะหายไปหรือเปล่า ถ้ามีโอกาสว่างๆก็อยากจะมาอีก เราอยากจะมาเห็นการเปลี่ยนแปลงแต่เราก็แอบกลัวนะว่าความเป็นชุมชนเก่าๆมันจะหายไปสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาความล้าสมัยมันก็ จะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลาของมัน หลังจากเดินตามหาของกินอร่อยๆ จนเริ่มเมื่อยแล้วอยากหาที่นั่งพักให้ลองเดินมาที่ท่าเรือมีลมพัดเย็นๆ อาจจะมีแดดส่องบ้าง บางช่วงเวลา ในส่วนของท่าเรือการก่อสร้าง ความแข็งแรงปลอดภัย มีป้ายบอกอย่างชัดเจนว่าต้องการขึ้นเรือข้ามฟากควรจะไปรอที่ไหนและต้องการขึ้นเรือด่วน ควรจะรอตรงไหนแล้วขึ้นลงทางไหน มันสะดวกมากสำหรับการเดินทางโดยสารทางเรือ การจัดระเบียบโซนร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มและนำอื่นๆ ที่มีขนาดเล็ก แบ่งเป็นล็อคได้อย่างสวยงาม ที่มีที่นั่ง ให้นั่งพัก ชมวิว ถ่ายรูป ได้อย่างเหมาะสมและสวยงาม เราอยากให้ทุกคนออกเดินทางนะคะไม่ว่าจะใกล้จะไกลการเดินทางมันมักจะสอนอะไรหลายๆอย่างให้เราเสมอ