ไปเที่ยวอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี หลายครั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ ทุกครั้งก็เที่ยวที่เดิม ๆ คือ นั่งแช่เท้าที่ธารน้ำร้อนบ่อคลึง กินกาแฟ ช้อปปิ้ง และถ่ายรูปกับร้านค้าสไตล์วินเทจที่บ้านเทียนหอม และให้อาหารแกะที่ The Scenery Vintage Farm การไปสวนผึ้งครั้งนี้ก็ไปเช้าเย็นกลับ ผู้เขียนกับเพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 คน วางโปรแกรมจะขึ้น "เขากระโจม" หลังจากนำภัตตาหารและเงินสมทบทุนสร้างเจดีย์ไปถวายสำนักสงฆ์ที่มีพระภิกษุไทยไปจำพรรษาอยู่ชายแดนฝั่งประเทศเมียนม่าร์โดยใช้รถกระบะของเพื่อนในพื้นที่สวนผึ้ง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจประมาณ 14.00 น. จึงเดินทางไปเขากระโจม นับว่าเป็นการขึ้นลงเขาที่ทรหดมากเพราะถนนเกือบตลอดเส้นทางนอกจากจะแคบและลาดชันแล้ว ยังเป็นหลุมดินและร่องหินใหญ่ และบางช่วงต้องฝ่าร่องน้ำ เมื่อถึงยอดเขาแม้จะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น-ตกหรือทะเลหมอกซึ่งเป็นไฮไลท์ของเขากระโจม แต่การได้สูดอากาศบริสุทธิ์และเห็นเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยป่าไม้หนาทึบเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตาถือว่าไม่เสียแรงที่ดั้นด้นขึ้นมา สภาพถนนทางขึ้นเขากระโจมต้องนั่งด้วยระมัดระวังไม่ให้ถูกกระแทกตลอดเส้นทาง ยอดเขากระโจมเป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาตะนาวศรีจึงสามารถมองเห็นวิวโดยรอบที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ บริเวณนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกและทะเลหมอกที่หลายคนพูดถึงความสวยงาม เขากระโจมอยู่ห่างจากประเทศเมียนม่าร์ไม่ถึง 2 กิโลเมตร ที่เห็นเบื้องล่างเป็นสำนักสงฆ์อยู่ชายแดนฝั่งประเทศเมียนม่าร์ซึ่งผู้เขียนไปถวายเงินเพื่อสมทบทุนสร้างเจดีย์สีขาวที่เห็นอยู่ลิบ ๆ ก่อนที่จะมาขึ้นเขากระโจม มี "กาแฟ ชายแดน" คาเฟ่บนยอดเขากระโจมสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่มากางเต๊นท์นอน ลงทุนลงจากรถเดินลัดเลาะดินข้างทางและข้ามร่องน้ำระดับสูงครึ่งล้อรถเพื่อเก็บภาพนี้ซึ่งเป็นภาพที่ถูกใจที่สุดของการเดินทางทริปนี้ เขากระโจมเป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ โดยตั้งอยู่ที่หน่วย ตชด. 137 ห่างจากตัวอำเภอสวนผึ้งประมาณ 33 กิโลเมตร และเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ชื่นชอบการเที่ยวแบบผจญภัย ขอแนะนำว่าควรใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สภาพดีและคนขับมีความชำนาญในการขับรถขึ้นเขา ช่วงที่น่าเที่ยวมากที่สุดคือปลายฝนต้นหนาว หากต้องการพักบนยอดเขา ต้องเตรียมเต๊นท์และอาหารไปเอง ด้านบนจะมีเฉพาะห้องน้ำและร้านกาแฟเล็ก ๆ บริการ (ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียน "ชีพจรลงเท้า")