อุโมงค์คิโยทากิ Kiyotaki Tunnel ตำนานอุโมงค์ผีสิงแห่งเกียวโต ญี่ปุ่น

อุโมงค์คิโยทากิ (Kiyotaki Tunnel) ที่ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นอุโมงค์ผีสิงที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เชื่อกันว่าอุโมงค์แห่งนี้เป็นดินแดนที่โลกคนเป็นและโลกของคนตายได้มาบรรจบกัน เพราะมีเรื่องราวสยองขวัญมากมายเกิดขึ้นที่นี่
By TR15336300101 - Own work, CC BY-SA 4.0
อุโมงค์คิโยทากิ ตำนานอุโมงค์ผีสิงแห่งเกียวโต
ประวัติ ที่มาอุโมงค์ผีสิง คิโยทากิ
อุโมงค์คิโยทากิ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านคิโยทากิ ภูเขาอาทาโกะ จังหวัดเกียวโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1929 เพื่อเป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างวัดโอทากิ เนนบุตสึ และศาลเจ้าอาทาโกะ อุโมงค์แห่งนี้มีความยาวประมาณ 500 เมตร
หลังจากมีสถานีรถไฟ หมู่บ้านคิโยทากิก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวคึกคัก มีโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แต่ไม่นานก็เกิดสงครามขึ้น รถไฟจึงต้องหยุดให้บริการไปในปี ค.ศ. 1944 และถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อส่งไปใช้ในการสงคราม กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อุโมงค์คิโยทากิก็ถูกปรับอีกครั้ง สัญญาณไฟจราจรหน้าอุโมงค์ให้กลายเป็นอุโมงค์สำหรับรถยนต์ผ่านในที่สุด
ตำนานต่างๆ ของอุโมงค์คิโยทากิ
อุโมงค์คิโยทากินั้นมีเรื่องเล่าอยู่มากมาย ได้แก่
- เรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณของทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เชื่อกันว่าวิญญาณของทหารเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในอุโมงค์ด้วยความทุกข์ทรมาน
- ตำนานอีกเรื่องหนึ่งคือตำนานเกี่ยวกับวิญญาณของหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายใกล้ๆ กับอุโมงค์คิโยทากิ ในปี ค.ศ. 1998 หญิงสาวคนหนึ่งมาฆ่าตัวตายใกล้กับอุโมงค์คิโยทากิ หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนพบเห็นวิญญาณของผู้หญิงชุดขาว ตกลงมากระแทกใส่ฝากระโปรงรถ หรืออาจยืนอยู่กลางอุโมงค์จ้องมองมาอย่างน่าหวาดกลัว
- ตำนานที่โด่งดังที่สุดของที่นี่ ก็คือ "กฎการเข้าอุโมงค์" ด้วยความที่อุโมงค์ยาว 500 เมตร มีเพียง 1 เลน และมีความโค้ง ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นปลายอุโมงค์ได้ จึงมีการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรเพื่อให้ขับเข้าไปได้ทีละคัน แต่ก็มีคำบอกเล่าว่า ถึงจะเห็นไฟสีเขียวก็ “ห้ามเข้าไป” กฎการเข้าอุโมงค์คือ ต้องหยุดรอให้เห็นว่าไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก 1 ครั้งก่อน แล้วพอไฟเขียวครั้งถัดมาค่อยเข้าไปได้ เล่ากันว่า ไฟเขียวในตอนแรกอาจเป็นวิญญาณที่เชิญชวนเราไปสู่โลกวิญญาณ
- อีกตำนานคือ ใกล้ๆ อุโมงค์ก็มีกระจกโค้งจราจรอยู่ ซึ่งปกติแล้วกระจกโค้งจะตั้งฉากกับพื้น แต่กระจกนี้ติดที่กำแพงแล้วขนานไปกับพื้น เวลามองกระจกต้องเงยหน้าขึ้นฟ้า เพราะถนนตรงนั้นสูงชัน รถที่อยู่บนเขาเมื่อมองกระจกจะได้เห็นว่าถนนด้านล่างมีรถกำลังขึ้นมาหรือไม่ ความหลอนคือ หากเงยหน้าขึ้นมองกระจก แล้วไม่เห็นเงาตัวเอง หมายถึงว่าเรากำลังจะตายเร็วๆ นี้ บางคนก็บอกว่าอาจจะเห็นวิญญาณเด็ก หรือวิญญาณคนแก่ในกระจก แปลว่าเรากำลังจะตายเช่นเดียวกัน
เอาล่ะ ถึงที่นี่จะน่ากลัวขนาดไหน แต่ก็อย่าลืมว่าปลายทางทั้ง 2 ฝั่งของอุโมงค์นั้นมีทั้งวัด และศาลเจ้าอยู่ ใครที่จะไปพิสูจน์ความหลอน เราก็อยากให้แวะเที่ยววัดโอทากิ เนนบุตสึ และศาลเจ้าอาทาโกะ กันด้วย ขึ้นชื่อเรื่อง ไฮไลท์ที่ควรชมคือรูปปั้นหินแกะสลักมือของพระอรหันต์ในอริยาบถต่างๆ ที่มีมากถึง 1,200 องค์ แต่ละองค์มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันเลย รับรองจิตใจของคุณจะได้รับการปลอบประโลมเป็นอย่างดี
====================