ยินดีต้อนรับสู่.. ดินแดนแห่งโค้งและภูเขา วันหนึ่งในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เราที่กำลังนั่งเลื่อนอ่านฟีดในเฟสบุ๊คอย่างเรื่อยเปื่อย ก็ได้สะดุดกับรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวของเพจหนึ่ง เป็นสถานที่ที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยทิวสน มีไอหมอกสีขาวจางๆลอยเหนือน้ำ และมีน้องหงษ์น้อยออกมาว่ายน้ำต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่นั่นก็คือ "ปางอุ๋ง" ที่ได้รับฉายาจากบรรดานักท่องเที่ยวว่าเป็น "สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย" หลังจากที่อ่านรีวิวจบ เราก็รีบหยิบปฏิทินมาดูว่ามีวันหยุดช่วงไหน ที่พอจะเดินทางไปเที่ยวได้บ้าง แล้วก็พบว่า กลางเดือนกุมภาที่จะถึง เป็นวันหยุดยาวพอดี เนื่องจากตรงกับวันมาฆบูชา เมื่อชีพจรลงเท้า หัวใจเต้นรัว ผสมผสานกับช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ ทริปนี้ก็ได้เกิดขึ้น "ฉันจะไปแม่ฮ่องสอน" เราเดินทางโดยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ ในช่วงเย็นวันศุกร์ และเดินทางถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในช่วงเช้า เมื่อขาก้าวลงจากรถ ก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นกำลังพอดี พอมองไปรอบๆ ก็พบทุ่งนาสีทองที่ได้ทำการเก็บเกี่ยวเรียบร้อยแล้ว ภูเขาลูกใหญ่ที่เรียงสลับกันไปมา ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว หลังจากที่ไปรับกระเป๋าเป้ และล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว เราก็เดินหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ซึ่งเราเช่ากับร้านที่อยู่ตรงวัดจองคำค่ะ หน้าวัดจะมีบ่อน้ำกว้างๆ สังเกตง่าย ร้านจะอยู่ทางด้านหน้าวัดเลย ค่าเช่าอยู่ที่ 250บาท/วัน จะต้องจ่ายมัดจำ 1000 บาท ให้น้ำมันเต็มถัง และเราจะต้องเติมน้ำมันเต็มถังตอนมาคืนเช่นกันภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว เมื่อได้รถแล้ว ก็พร้อมลุย! สถานที่แรกที่เราจะไปคือ วัดพระธาตุดอยกองมู ดูกูเกิ้ลแมพแล้ว ก็ไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่มาก แต่ต้องขึ้นเขาและทางค่อนข้างชันเลยทีเดียว ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว วันนั้นเป็นวันมาฆบูชา ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวก็ขึ้นมาทำบุญที่วัดกันหนาแน่น ลุงป้าน้าอาต่างจูงมือกันมาทำบุญ และพร้อมใจกันใส่ชุดสีขาว ดูสะอาดตา ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาวภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว วัดพระธาตุดอยกองมู ยังถือเป็นจุดชมวิวจุดหนึ่ง ที่สวยมากๆ เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์และตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้ทั้งเมือง ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว หลังจากที่ชมวิวทิวทัศน์อิ่มใจ เราก็ลงมาข้างล่างเพื่อไปที่เที่ยวต่อไป สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ "สะพานซูตองเป้" ซึ่งเป็นสะพานที่มาจากแรงศรัทธาของชาวไทยใหญ่ เป็นสะพานที่สร้างด้วยไม้ไผ่ ทอดยาวไปกลางทุ่งนา ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว คำว่า "ซูตองเป้" มาจากภาษาไทยใหญ่ ที่แปลว่า แรงอธิษฐาน มีความเชื่อว่า ให้เดินตามสะพานไปจนถึงปลายทาง จากนั้นก็ให้ไปอธิษฐานขอพรที่วัด สิ่งที่ขอก็จะสำเร็จ จะเป็นจริงตามที่ต้องการภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว หลังจากเที่ยวชมสะพานและบรรยากาศรอบๆแล้ว เราก็แวะกินข้าวเที่ยงสักแปบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางต่อไปก็คือ "ปางอุ๋ง" นั่นเอง ระหว่างทางที่ไปปางอุ๋ง ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะพักหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกผาเสือ ภูโคลนสปา และร้านกาแฟตามทาง แต่เราเลือกที่จะมุ่งหน้าไปปางอุ๋งก่อน เพื่อที่เอากระเป๋าไปเก็บ จากนั้นก็จะแวะไปบ้านรักไทยในช่วงเย็น ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว บ้านรักไทย เป็นหมู่บ้านของชาวไทยจีนยูนนาน ที่ยังมีกลิ่นอายความเป็นจีนอยู่ มีรีสอร์ทยอดฮิต "รีไวน์ รักไทย" ที่มีจุดเด่นคือไร่ชาเป็นขั้นๆ กับบ้านพักสไตล์จีน เปิดให้เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาวภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว ภายในหมู่บ้านรักไทย จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เหมือนทะเลสาป หากมาในช่วงเช้าที่อากาศหนาวๆ เราจะเจอไอหมอกลอยอยู่บนน้ำ กระทบกับแสงพระอาทิตย์ขึ้น บอกเลยว่าสวยจับใจภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาวภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว เราใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ในการเดินชมรอบหมู่บ้าน บ้านและร้านค้าบางหลัง มีการเพ้นท์กำแพงตามแบบศิลปะของจีน มีการออกแบบตัวบ้านและหลังคาให้ยังคงความเป็นจีนอยู่ ถ้าไม่ได้บอกว่า นี่เป็นหมู่บ้านรักไทย ทุกคนคงคิดว่ามาเที่ยวที่จีนแน่ๆเลยใช่มั้ยล่ะ ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาวภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว พอเริ่มเย็น เราก็เดินทางกลับที่พักก่อนที่จะมืด กินข้าว อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา และพักผ่อน วันรุ่งขึ้นเราจะต้องตื่นเช้า เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ปางอุ๋ง ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด ฉะนั้นก็ต้องรีบนอนตั้งแต่หัวค่ำนี่แหละ ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว เวลา 5.00 นาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น เรารีบเด้งตัวตื่นอย่างไม่รีรอ รีบทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ในตอนนั้น อากาศหนาวมากๆ อุณหภูมิเลขตัวเดียว และบริเวณบ้านพักของเรา ก็ยังไม่มีใครตื่น เงียบสงัด แต่ยังโชคดีอยู่บ้าง ที่มีร้านนมอุ่นๆกับปาท่องโก๋ของชาวบ้านแถวนั้น กำลังตั้งร้านอยู่ เราก็ถือโอกาสนี้ไปเป็นลูกค้ารายแรกซะเลย อยากจะบอกว่านมอุ่นๆท่ามกลางอากาศหนาวแบบนี้ "มันฟินนนนนนนนมากเลยล่ะ"ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว พอท้องอิ่ม เราก็เดินหน้าต่อ เราเดินเข้าไปในตัวอุทยาน นักท่องเที่ยวหลายคนเริ่มมาตั้งกล้องรอพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้ว มันเป็นความรู้สึกพิเศษดีนะ เวลาที่เราเฝ้ารอช่วงเวลาพิเศษพร้อมๆกัน รอเห็นความสวยงามของธรรมชาติไปพร้อมๆกัน ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เราก็เริ่มเห็นหมอกจางๆที่ลอยเหนือน้ำอย่างชัดเจน จากนั้นเราก็เดินไปต่อคิวเพื่อนั่งแพ เป็นแพไม้ไผ่เล็กๆ มีค่าบริการแพละ 150 บาท/30 นาที ควรรีบไปต่อแถวแต่เนิ่นๆนะ ถ้าทัวร์มาลง คิวก็จะยาวเหยียด ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาวภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว หลังจากนั่งแพเสร็จ เราก็เดินถ่ายรูปรอบๆ และเป็นโชคดีของเรามาก ที่ได้เจอหงส์ดำคู่หนึ่งมากินอาหารแถวๆลานกางเต้นท์ เราเคยอ่านมา เขาบอกว่า หงส์เหล่านี้ เป็นหงส์พระราชทานจากในหลวง ร.9 ด้วยนะภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว ภาพโดยนักเขียน โลกของดวงดาว พอช่วงสายๆ เราก็กลับที่พักไปเก็บของ เราต้องเดินทางกลับไปตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อต่อรถตู้ไปเชียงใหม่อีกที ใจจริงไม่อยากรีบกลับเลย แต่เพราะวันหยุดกำลังจะหมด และทริปกำลังจะจบลงแล้ว เราได้แต่หวังว่า ขอให้ได้มาใหม่ และขอให้ปางอุ๋งยังคงความสวยงามนี้ไว้เหมือนเดิมนะ Once a year, Go some place you have never been before. said by Dalai Lama ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน โลกของดวงดาว