ภาพถ่ายโดยู้เขียน เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังขึ้นในเช้าวันเสาร์ การเดินทางเริ่มขึ้นแบบงงๆ กาแฟร้อนยังไม่คลาย เอ๊าไปก็ไปตัดสินใจกับตัวเอง จากคลองห้าเข้าสู่มอเตอร์เวย์สาย 9 ออกพลโยธิน เข้ามิตรภาพแดนอิสาน ไปก่อนแล้วกันค่อยหาจุดหมายระหว่างทาง หลังเหนื่อยและเบื่อกับงานมากว่าสัปดาห์ จุดเริ่มต้นจึงเกิดขึ้น กว่า 2 ชั่วโมง ฉุกคิดขึ้นได้เรายังไม่มีปลายทางนี่หว่า ว่าแล้วก็แวะปั้มเพื่อหาจุดหมาย กาแฟหมดแก้วพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ที่นี่แหล่ะ ยังไม่เคยไป คิดได้ก็คว้ากุญแจรถมุ่งสู่เป้าหมายทันที ถึงสกลเมื่อตะวันชิงพลบ กว่า 9 ชั่วโมง บนมิตรภาพ ดับเครื่องลงตรงหน้าวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ก้าวลงมุ่งนมัสการองค์พระธาตุ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้ลดเลือนหายไป ด้วยศรัทธาแห่งวิถีพุทธที่ตราตรึงในจิตใจ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารนั้นเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสกลนครแต่นานมา ภาพถ่ายโดยู้เขียน ภายในวัดมีพระธาตุเชิงชุมที่เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธฺิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อครอบรอยพระพุทธบาทพระเจ้า 4 พระองค์ รวมถึงยังมีวิหารที่เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระองค์แสน ซึ่งมีความงดงามรวมถึงแหล่งโบราณสถานต่างๆภายในวัด ภาพถ่ายโดยู้เขียน ช่วงเวลาเนิ่นนานแห่งศรัทธา ฟ้าเปลี่ยนสีความมืดเริ่มดูดกลืนแสง เครื่องยนต์ส่งเสียงกระหึ่มอีกครั้ง นอนไหนหล่ะทีนี้ google ซิครับ เดี๋ยวนี้คำตอบทุกอย่างอยู่บนมือถือ เมื่อพบเป้าหมายจุดหมายจึงบังเกิด 2 กิโลเมตร จากวัดพระธาตุเชิงชุมก็ถึงโรงแรมที่พัก เป็นโรงแรมเล็กๆอยู่ด้านหลังเทศบาลเมือง ที่สำคัญเจ้าของใจดีมีอัธยาศัยสวยงาม รู้สึกจะชื่อกาญจนาแมนชั่น ยังๆได้ที่พัก พอจะเอนกาย ท้องเจ้ากรรมก็ร้องบอกหิวแล้วหิวแล้ว ลงไปหน้าเคาเตอร์ ได้แหล่งอิ่มท้องก็คว้าจักรยาน ปั่นไปปากซอย ที่นี้เขามีบริการ หลังอิ่มท้องก็พร้อมจะหลับ เสียงนาฬิกาดังขึ้น มันเช้าเร็วจัง ในใจนี้ขอหลับต่อได้ไหม อีกใจก็เฮ้ย มาไกลขนาดนี้แล้ว ผ่านไปชั่วอึดใจ ป่ะได้เวลาออกเดิน 21 กิโลเมตร จากเมืองสกล ผ่านถนนหมายเลข 22 สกลนคร-นครพนม บ้านท่าแร่ หมู่บ้านที่หลายคนคุ้นหู ชื่อนี้ถ้าเอ่ยออกไปหลายคนจะนึกถึงหมา ทำไมหล่ะ เมื่อย้อนกลับไปราวสมัยพุทธการ ไม่ใช่หล่ะ 10 กว่าปีก็พอ ชุมชนท่าแร่แห่งนี้สมัยนั้นโด่งดังมากในเรื่องคนกินหมา เฮ้ย จริงดิ สมัยนั้นเป็นที่เลื่องลือมากในการค้าขายเนื้อหมา ว่ากันว่าเป็นธุรกิจที่ทำรายได้อย่างงดงาม มีรถวิ่งหาสุนัขตามหมู่บ้านซื้อบ้างหล่ะเอาสิ่งของมาแลกบ้างหล่ะ จนกลายเป็นเรื่องโด่งดังที่รู้จักกันทั้งประเทศ ปัจจุบันการค้าเนื้อหมาไม่มีให้เห็นแล้ว ถึงอยากจะลิ้มลองถ้าไม่รู้จักคนพื้นถิ่นหรือคนรู้จักก็ยากนักที่จะได้ลอง รู้หรือไม่ว่า ท่าแร่แห่งนี้นอกจากเรื่องของคนกินหมาแล้วนั้น ยังเป็นชุมชนที่ประชาชุนนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทยที่เป็นคาทอลิกเลยน้า ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีกว่าๆ ได้มีคณะบาทหลวงจากมหานครกรุงเทพฯเรานี่แหล่ะเดินทางสู่ภาคอิสานเพื่อเยื่อมเยือนชาวคริสต์ในจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาถึงสกลนคร และได้ทราบถึงปัญหาต่างๆ และด้วยหลายๆอย่างจึงได้ย้ายสถานที่เผยแพร่ศาสนามาตั้งชมชนใหม่ที่เรียกว่า ท่าแฮ่ หรือ ท่าแร่ ในปัจจุบัน จากเพียงแค่ 20 ครัวเรือนในตอนนั้นจนถึงตอนนี้เกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่และเป็นคริสต์ศาสนาคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภาพถ่ายโดยู้เขียน ภาพถ่ายโดยู้เขียน ชุมชนท่าแร่ยังมีอาคารที่มีลักษณะสถาปัตกรรมที่สวยงามมากมายซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสกับเวียดนาม โดยตัวอาคารส่วนใหญ่สร้างด้วยปูนซีเมนต์ เกิดจากภูมิปัญญาช่างและประสบกาณ์ซึ่งหาได้ยากยิ่งในสัมยนี้และถือเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนแห่งนี้เลยที่เดียว ภาพถ่ายโดยู้เขียน ภาพถ่ายโดยู้เขียน ภาพถ่ายโดยู้เขียน ภาพถ่ายโดยู้เขียน ภาพถ่ายโดยู้เขียน นอกจากความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมแล้ว อีกหนึ่งความงามที่จะน่าชื่นชมและอยากมาเยือนยลท่าแร่ คงหนีไม่พ้นการได้ชื่นชมความงามของดวงดาวยามราตรีในช่วงคริสต์มาสของทุกๆปีซึ่งไม่เพียงแต่ได้มองดาวบนท้องฟ้าแล้วนั้นคุณยังได้สัมผัสดาวบนดินนับพันนับหมื่นดวงบนดินที่เราย่ำเดิน ทำไมดาวถึงมาอยู่บนดินได้หล่ะ ดาวบนดินนี้คือประเพณีการแห่ดาวของชาวคริต์ในท่าแร่แห่งนี้ ย้อนไปเมื่อครั้งในอดีตกาลอันนานมาแล้ว โดยบรรดาโหราจารย์สมัยนั้นได้ค้นพบที่ประสูตรของพระเยซูจากการติดตามดวงดาวดวงหนึ่ง ดังนั้นดาวจึงถือเป็นสัญลักษณ์การประสูตรของพระเยซู ชาวท่าแร่จึงได้นำดวงดาวที่เป็นสัญลักษณ์มาประดับประดาตามบ้านเรือนและได้เกิดเป็นประเพณีแห่ดาวขึ้นมากว่า 40 ปี นอกจากเรื่องราวที่เล่าสู่กันฟังนั้นยังมีสิ่งอื่นมากมายที่ยังต้องค้นหาและด้วยอัธยาศัยไมตรีที่งดงามของคนในชุมชน รอยยิ้มรวมถึงเสียงขบขันต่างๆที่ดึงดูดให้หวนกลับมาเยือนและยลความงามที่แห่งนี้อีกครั้ง ภาพถ่ายโดยู้เขียน