เดือนนี้เข้าหน้าฝนแล้ว หลายคนคงจำเหตุการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2561 ที่มีเหตุการณ์นักฟุตบอลและโค้ช 13 คน แห่งทีมหมูป่าอะเคดามี ทีมฟุตบอลเยาวชนประจำอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้เข้าไปในถ้ำหลวงในช่วงเวลาตอนเย็น แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ฝนตกหนัก ส่งผลให้น้ำท่วมปากถ้ำ พวกเขาทั้ง 13 คนติดอยู่ภายในถ้ำ ไม่สามารถออกมาได้ ทำให้เกิดปฏิบัติการค้นหา และกู้ภัยทีมหมูป่า ขึ้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงรายนี้ ซึ่งปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยทีมหมูป่านี้ ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก มีทีมอาสาสมัครจากทั้งในและต่างประเทศ โดยปฏิบัติการนี้สามารถค้นหา และกู้ภัยทีมหมูป่าได้สำเร็จ ใน 18 วัน และสามารถช่วยชีวิตทั้ง 13 ชีวิตได้อย่างปลอดภัย โดยเรื่องราวการปฏิบัติภาระกิจค้นหา และกู้ภัยทีมหมูป่านี้ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยได้ถูกนำไปสร้างเป็นสารคดีโดย NOVA รายการโทรทัศน์วิทยาศาสตร์ยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา ได้จัดทำสารคดี NOVA: Thai Cave Rescue สามารถรับชมได้ผ่านทาง Netflix และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Cave โดยผู้กำกับ Tom Waller ซึ่งมีกำหนดฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อปลายปีที่แล้ว ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางจากเชียงใหม่ไปเชียงราย เพื่อเที่ยวพระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปเที่ยวสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ( ดอยช้างมูบ ) ซึ่งต้องขับรถขึ้นทางเหนือไปอีกประมาณ 20-30 นาที โดยหลังจากเที่ยวดอยช้างมูบ เราสามารถกลับเชียงใหม่โดยขับรถกลับมาดอยตุง แล้วกลับเชียงใหม่ด้วยเส้นทางเดิมกับตอนมาจากเชียงใหม่ ( ทางหลวงหมายเลข 1388 ) หรือจะเลือกขับขึ้นเหนือไปอีกประมาณ 30-40 นาที ( บนทางหลวงหมายเลข 1149 ) เพื่อจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งทางครอบครัวเราเลือกที่จะขับขึ้นเหนือไปอีก 15 กิโลเมตร เพราะผู้เขียนถึงจะอยู่เชียงใหม่มานานเกิน 10 ปีแล้ว และเคยไปเชียงรายมากกว่า 10 ครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้มาเที่ยวชมความงามของอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน และร่องรอยที่หลงเหลือจากปฏิบัติการภารกิจกู้ภัย ระหว่างทางที่เราเดินทางก่อนมาถึงถ้ำหลวงนั้น เราสามารถเห็นทิวเขาเป็นรูปนางนอน เหมือนดังชื่อที่ตั้งขึ้นเลย ในวันที่ฟ้าสีฟ้าสดใสอย่างนี้ ขุนน้ำนางนอนนั้นสวยงามยิ่งนัก โดยเมื่อขับรถมาถึงทางเข้าอุทยานแล้ว รถทุกคันต้องจอดที่ลานจอดรถด้านหน้าซึ่งห่างจากปากถ้ำประมาณ 700 - 800 เมตร โดยทางอุทยานจะมีรถบริการ รับ-ส่ง ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย รถที่ให้บริการนั้นมีลักษณะเหมือนรถมินิกอล์ฟ แต่สามารถรับส่งผู้โดยสารได้ประมาณ 20-30 คน นั่งรถเพียงไม่ถึง 5 นาที ก็จะมาถึงที่ปากถ้ำ ซึ่งทุกคนต้องต่อแถวที่จุดต่อแถวบริเวณปากถ้ำเพื่อรับบัตรคิว ซึ่งจะสามารถเข้าไปถ่ายรูป ณ จุดถ่ายรูปที่หน้าปากถ้ำได้ทีละ 30 คน รอบละ 15 นาที โดยทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในถ้ำ เพราะทางอุทยานยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย จึงสามารถเข้าชมได้เฉพาะบริเวณด้านหน้าปากถ้ำ จากจุดต่อคิวเข้าไปถ่ายรูปบริเวณหน้าปากถ้ำ หากเดินไปทางซ้าย 100 เมตร จะพบอนุเสารีย์จ่าเอกสมาน กุนัน หน่วยซีลที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจกู้ภัยทีมหมูป่า เมื่อเที่ยวชมเสร็จทุกจุดจนพอใจแล้ว สามารถนั่งรถบริการรับ-ส่ง กลับมายังจุดจอดรถยนต์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน ต้องยอมรับว่าทางอุทยานบริหารจัดการเรื่องรถ รับ-ส่ง และจำนวนคนในการเข้าไปถ่ายรูปได้อย่างเป็นระบบค่อนข้างดีทีเดียว โดยเข้าใจว่าจุดมุ่งหมายหลักของทางอุทยาน น่าจะอยู่ที่ความปลอดภัยของผู้เข้าชมนั่นเอง ขอจบรีวิว พาเที่ยวอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย เพียงเท่านี้ แอบหวังว่าทางอุทยานจะเปิดให้ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมในตัวถ้ำได้ในอนาคต และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงรายนะคะ โปรดติดตามบทความท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ภาพประกอบโดย : ผู้เขียน