สวัสดีครับ วันนี้พาไปชมวัดดังย่านฝั่งธนฯ คือ วัดไทร อยู่ที่เขตจอมทอง สมัยก่อนจะมีชื่อเสียงมาก คือ ตลาดน้ำวัดไทร ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมไปเที่ยวกันมาก แต่ปัจจุบันตลาดย้ายขึ้นมาเป็นตลาดริมน้ำ ไม่ได้มีเรือขายของเต็มคลองเหมือนสมัยก่อนนานหลายปีแล้ว คลองที่หน้าวัด เรียกว่า คลองด่าน หรือ คลองสนามชัย ปัจจุบันลดความสำคัญลงไปมาก เพราะมีถนนเอกชัย เป็นเส้นทางขนส่งเดินทาง และยังมีทางรถไฟสาย วงเวียนใหญ่-มหาชัย ผ่านบริเวณนี้ วัดไทร หรือแต่เดิมน่าจะชื่อ วัดไซ นั่นเอง สันนิฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว ตำหนักทอง เรือนไม้อายุกว่า 300 ปี เล่ากันต่อ ๆ มาว่า สร้างโดยสมเด็จพระศรีสรรญ์เพชร ที่ 8 ที่เรารู้จักกันดีในนาม "พระเจ้าเสือ" กษัตริย์ลำดับที่ 30 ของกรุงศรีอยุธยา ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ซึ่งทรงโปรดการทรงเบ็ด และเสด็จมาเส้นทางคลองด่านสร้างพระตำหนักประทับบริเวณนี้ ต่อมาจึงทรงถวายให้วัด แต่ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว จะพบว่า เส้นทางคลองด่านหรือคลองสนามชัย ถือว่าเป็นเส้นทางสำคัญทางยุทธศาสตร์ การเดินทาง ค้าขาย หรือเดินทัพ เป็นเส้นทางออกจากอยุธยา ลงมาที่บางกอก เข้าคลองบางหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่ แล้วเข้าคลองด่าน สามารถตรงไปจังหวัดสมุทรสาคร และต่อไปสมุทรสงคราม จะไปราชบุรี กาญจนบุรี หรือลงไปภาคใต้ ต้องผ่านเส้นทางนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พระมหากษัตริย์จะมาสร้างตำหนักที่ประทับ ณ คลองด่านนี้ ตำหนักทอง วัดไทร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร ไม่สามารถขึ้นไปชมได้ แต่ด้วยที่เป็นเรือนขนาดเล็ก และยกพื้นสูง และลักษณะของเรือนสามารถมองจากด้านนอกได้ ยกเว้นเพียงห้องด้านในที่ปิดไว้ ผมได้ปีนบริเวณกองอิฐด้านนอก ทำให้สูงพอที่จะจับภาพด้านหน้า ลายรดน้ำ ฝาประจัน ได้ ถือว่าสวยงามทีเดียวและยังคงสภาพดีพอสมควร จะมีส่วนที่โดนแดดส่องและฝนสาดทำให้เสียหายไปบ้าง ลวดลายรดน้ำ ของ ตำหนักทอง วัดไทร นี้ นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า เป็นฝีมือของช่างในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งตัวตำหนักทองนี้ น่าจะผ่านการซ่อมแซมมาหลายครั้ง แต่ก็ถือว่าเป็นฝีมือช่างชั้นครูทีเดียวครับ ด้านนอกของเรือน จะมีหน้าต่างน่าจะเป็นหน้าต่างหลอก กรอบเป็นซุ้ม ไม้แกะสลัก วิจิตรงดงาม ซึ่งหลายคนบอกว่า เป็นฝีมือของช่างสมัยอยุธยาครับ ส่วนอื่น ๆ โครงสร้างหลังคา น่าจะมีการซ่อมและเปลี่ยนแปลงจากยุคแรก เรือนไม้ การซ่อมแซมบางครั้งจะใช้วิธีรื้อไม้ออกมาซ่อม หรือเปลี่ยนชิ้นใหม่เข้าไป แล้วประกอบใหม่ ยังเห็นได้ถึงโครงสร้างเรือนไม้แบบสมัยก่อน เช่น การเข้าลิ้น ของไม้ บริเวณด้านข้างของ ตำหนักทอง ก็มีศาลรูปปั้นของพระเจ้าเสือให้เราไปกราบไหว้ สักการะ และมีพันท้ายนรสิงห์ ด้วย ซึ่งอันที่จริงไม่มีประวัติที่เกี่ยวข้องกับ ตำหนักทอง นี้ แต่อย่างที่เราทราบกัน พันท้ายนรสิงห์ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าเสือ ก็คงเป็นเรื่องความนิยม ที่อย่างน้อยก็สามารถเรียกคนเข้าวัด ก็เข้าใจได้ นอกจากนี้ยังมี เรือในแบบสมัยโบราณให้ดูด้วย ไปดูในส่วนอื่นของวัดไทรกันบ้าง อุโบสถ หรือ โบสถ์ หลังใหม่ของวัดนี้ มีการสร้างและออกแบบได้สวยงามสีสันสดใสในรูปแบบสมัยใหม่ มีการใช้เซรามิค ภาพวาดบนกระเบื้องโมเสก เป็นรูปประเพณีและวิถีชีวิตแบบไทย ช่วง มาตรการป้องกัน โควิด-19 เลยไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปด้านในได้ครับ สำหรับโบสถ์หลังเก่าก็อยู่ด้านหลังโบสถ์ใหม่นั่นเอง ถ้าเรานับว่าด้านแม่น้ำ คือ ด้านหน้าวัด หน้าบันของโบสถ์หลังเก่าเขียนว่าสร้างตั้งแต่ปี 2461 อายุมากกว่าร้อยปีแล้ว แต่วัดก็มีมานานกว่านั้นอีก ซุ้มประตู ปูนปั้นออกแบบได้สวยงาม จะสังเกตว่า พื้นเดิมของโบสถ์เก่าจะอยู่ต่ำมาก ซึ่งอาจจะต้องพบปัญหาน้ำท่วมได้ง่าย เพราะอยู่ใกล้คลองด้วย หอระฆัง ด้านล่างเป็นหอกลอง สีสันสวยงามสดใสอีกเหมือนกัน ช่วงวิกฤติการณ์ โควิด-19 ซึ่งทำให้เราอาจจะเดินทางไปไหนมาไหนลำบาก แต่จริง ๆ ในกรุงเทพฯ ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจเรามองข้ามไป อย่างวัด ก็เที่ยวได้นะครับ ยิ่งถ้าเราสนใจประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม หรือศิลปะ การไปเที่ยววัดจะสนุก ได้บุญและได้ความรู้ ไม่ต้องสิ้นเปลืองด้วยครับ ขอขอบคุณสำหรับการอ่านและติดตามครับ สามารถดูเรื่องราวของ ตำหนักทอง วัดไทร ในรูปแบบวิดีโอ ได้ครับ https://youtu.be/ot6GOCN5u2w เรื่องและภาพ โดย Boo Planet