เขาค้อไปเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ ไม่ว่าจะหน้าไหนก็ตาม หน้าหนาวอากาศก็หนาวเย็นได้ใจคนชอบหนาว หน้าฝนก็หมอกสวยงามเหมือนอยู่บนสวรรค์ วันนี้เราขอเล่าเรื่องรถเก่ากับเขาค้อหน้าฝนบนปุยหมอกกันค่ะ เริ่มจากหาจองที่พักเลย คือไปกับเพื่อน 2 คน เป็นช่วงวันหยุดยาว ที่พักก็เลยค่อนข้างเต็มเกือบทุกที่ โจทย์ก็คือวิวสวย สะดวก สะอาด สบาย ราคาก็แพงขึ้นมาหน่อย อ้าวเว้ย ..เอาก็เอา ดีกว่าไม่ได้ไปไหน เริ่มต้นออกเดินทางจากเสลภูมิ 6 โมงเช้า ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดที่ไม่เคยขับรถไปไหนเองไกลๆ เติมน้ำมันครั้งแรก 500 จ้า ที่ขอนแก่น ระหว่างทางที่อยู่บนอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สัญญาณน้ำมันขึ้นเตือนว่าจะหมด โอ้โน..ไม่นะ จะมาหมดกลางทางแล้วจะทำเยี่ยงไร ปฏิบัติการประหยัดน้ำมันก็เริ่มขึ้น ปิดแอร์ เปิดกระจกจ้า ตายแน่ๆ ขับไปลุ้นตัวโก่ง ลงมาได้ระยะหนึ่ง น้ำมันก็จะไม่รอดแล้ว เหมือนเห็นสวรรค์ ปตท. จ้า อยู่อีกฟากถนน ต้องกลับรถมา โอ้..รอดแล้ว ขับต่อมาตาม GPS จนถึงที่พัก ถึงที่พักเที่ยงกำลังดี เก็บของเข้าที่พัก ชิลๆกันสองคน ตากล้องกับนางแบบก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่กัน ถ่ายรูปได้เยอะมาก แต่ขอเก็บไว้ดูเล่นๆคนเดียวนะจ๊ะ พอเริ่มค่ำทะเลหมอกก็เริ่มเคลื่อนตัวปกคลุมไปทั่วหุบเขาช้าๆ สวยมาก เป็นภาพที่ต้องเก็บไว้ในความทรงจำดีๆตลอดไป ทะเลหมอกขาวดุจปุยฝ้ายกระจายไปทั่วเวิ้งหุบเขา ส่วนเราก็นั่งจิบไวน์ชิลกับเพื่อนดูการเคลื่อนตัวของทะเลหมอกสิจ๊ะ อารมณ์บรรเจิดกันไป นั่งดูทะเลหมอกจนมันค่อยๆจางหายไป พระอาทิตย์เริ่มตก อ้าวเฮ้ย...สวยไปอีก ยามเย็นพระอาทิตย์ยิ่งงดงามสวยสะท้อนกับหุบเขา ลงมาทานข้าวนิดเดียวแต่ได้รูปแบบเยอะมากจร้า.. ตอนเช้าตื่นมาก็ยังได้บรรยากาศสวยงามยามเช้าอีก เขาค้อเป็นอะไรที่ประทับใจมาก พอออกจากที่พักก็ตะเวนเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่ที่ต้องห้ามพลาดที่เราต้องไปถ่ายรูปก็คือ ฟิโนลาเต้ แต่...โอ้แม่เจ้า ทางขึ้นชันมาก ระหว่างทางขึ้น มีคนกำลังช่วยกันเข็นรถข้างหน้าที่ใหม่กว่าเรามาก เพื่อนที่กำลังขับรถก็เริ่มขาสั่นพั่บๆ ตายแน่เลยเรา ขึ้นไม่ได้คักๆ รถเราฮ้างกว่าของเค้าอีก ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจจ้า ดั้นด้นขึ้นไปได้ กินกาแฟ 2 แก้ว 555.. คุ้มมากทริปนี้ กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่ขอไปซ่อมรถก่อนน้าจา