เมืองเวโรน่า เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะฐิ่นกำเนิดของโรมิโอและจูเลียต ตั้งอยู่ในแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี อยู่ห่างจากเมืองเวนิสซึ่งเมืองท่องเที่ยวสำคัญของแคว้นเวเนโตประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่โดยรวมแล้วเราชอบเมืองเวโรน่ามากกว่าเมืองเวนิส เพราะว่านักท่องเที่ยวที่นี่ไม่แออัดมาก และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อยู่ใกล้กัน เมืองเวโรน่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 2000 เพราะ มีสิ่งปลูกสร้างสำคัญทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจอยู่หลายแห่ง เมืองเวโรน่าตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ Adige และทะเลสาบ Garda ซึ่งถือเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งและค้าขายสำคัญตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ ซึ่งเรายังเห็นสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ๆ หลงเหลืออยู่ในตัวเมือง หากมีเวลาเที่ยวที่นี่สักสองสามวันจะดีมากค่ะ แต่หากไม่มีเวลามากจะเลือกเที่ยวเฉพาะส่วนสำคัญ ๆ ของเมืองเวโรน่า โดยไล่มาจากด้านนอกสุดของเมือง Portoni della Bra เริ่มจากประตูเมืองแบบยุคกลาง เป็นซุ้มประตูโค้งสองซุ้ม อยู่ทางด้านใต้ของจัตุรัสบรา Piazza Bra จัตุรัสบรา เป็นจัตุรัสหลักของเมือง และเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ ถือเป็นจุดศูนย์กลางเมือง รอบ ๆ ยังเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ๆ ของเมืองอีกหลายแห่ง ปัจจุบันมีร้านค้าและร้านอาหารเป็นเหมือนศูนย์รวมนักท่องเที่ยว บริเวณกลางจัตุรัสมีน้ำพุและ รูปปั้นของกษัตริย์ Vittorio Emanuele II ถัดมาจะเป็นที่ตั้งของ เวโรน่า อารีน่า Verona Arena เป็นอัฒจันทร์แบบโรมัน สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของอัฒจันทร์ที่มีอยู่ในประเทศอิตาลี ขนาดยาว 139 เมตร กว้าง 110 เมตร ที่นั่งทำจากหินอ่อนมีทั้งหมด 44 ชั้น จุผู้ชมได้ 25,000 คน ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานสำคัญ ๆ เช่น งานแสดงดนตรี และโอเปร่า เมื่อเราเดินผ่านอัฒจันทร์มาก็จะมาถึง Porta dei Borsari ประตูบอซารี เป็นทางเข้าตัวเมืองเวโรน่า ซึ่งเป็นประตูเมืองแบบโรมันสร้างขึ้นมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ถือเป็นประตูทางเข้าเมืองประตูหลัก ปัจจุบันนี้เราจะเห็นเฉพาะด้านหน้าของประตู ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการ และหอคอย บ้านของจูเลียต Juliet's house เดินผ่านประตูเมืองเข้าเมืองมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านของจูเลียต ตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นกำแพงโรมันสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 3 บ้านของจูเลียตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเวโรน่า ในปี ค.ศ. 1936 มีการสร้างระเบียงเพิ่มขึ้นมาชั้นบนของบ้าน ซึ่งจากระเบียงมองลงมาจะเป็นสวนในบ้าน และในสวนก็เป็นที่ตั้งรูปปั้นของจูเลียต ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมบ้านจูเลียตเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวัยรุ่นซึ่งจะเขียนชื่อตนเองไว้บนกำแพงทางเข้าบ้านไว้ รวมถึงและติดพลาสเตอร์ที่เขียนชื่อของตนไว้เต็มไปหมด ประมาณว่าเป็นเหมือนการเขียนจดหมายรัก ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเชคสเปียร์ เคยเดินทางมาที่เวโรน่าไหม แต่บทประพันธ์ของเขาสองเรื่องเกิดขึ้นในเมืองเวโรน่า คือ โรมิโอแอนด์จูเลียต และ สองสุภาพบุรุษแห่งเมืองเวโรน่า จากบ้านจูเลียตเดินออกไปบนถนนสายหลักจะไปเจอย่านจัตุรัสเรอเนซองส์และโบสถ์ จัตุรัส Piazza delle Erbe ทางด้านเหนือของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง กลางจัตุรัสเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพเจ้ากรีก และเสาหินอ่อนประดับสิงโต สัญลักษณ์ของแคว้น ด้านใต้ของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของบ้านพ่อค้า และอาคารต่าง ๆ ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง Torre dei Lamberti หอคอยลัมเบอร์ติ สูง 84 เมตร เป็นหอคอยสูงที่สุดในเวโรน่า ตั้งอยู่ในจัตุรัส Erbe สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1100 ด้านที่หันเข้าหาจัตุรัสจะเป็นหอนาฬิกา เมืองเวโรน่า เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ๆ ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งยังมีอีกหลายแห่งเช่นโบสถ์ พระราชวัง สะพาน เป็นต้นค่ะ หากมีเวลาเราจะกลับไปเที่ยวที่นี่อีกและอยากใช้เวลาที่นี่สักสองสามวันเป็นอย่างน้อย ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวยุโรป #เที่ยวอิตาลี