รีเซต

แบกเป้เที่ยว โกเบ เดินเซๆ One Day Trip ฉบับที่อ่านแล้วจะหลงรักญี่ปุ่น

แบกเป้เที่ยว โกเบ เดินเซๆ One Day Trip ฉบับที่อ่านแล้วจะหลงรักญี่ปุ่น
เอิงเอย
5 มิถุนายน 2561 ( 06:36 )
51K

      โกเบ เมืองท่าสำคัญของญี่ปุ่น ที่อยู่ห่างจากโอซาก้ามานิดเดียวประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม แน่นอนว่าของขึ้นชื่อที่ใครหลายคนรู้จัก และอยากลิ้มลองอย่าง "เนื้อโกเบ" ด้วยราคาอันสูงลิ่ว คุณจะไม่ได้เห็นในบทความนี้! แต่คุณจะได้เห็นโกเบ ฉบับ 1 วันไม่เคยพอ โกเบ ฉบับที่อ่านแล้วจะหลงรัก และอยากไปเยือนอีกสักครั้งให้จงได้!

 

 

     การเดินทางจากไทยไปก็ไม่ยาก เพราะสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ตัวจริง บินตรง เลือกได้ มีเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่โอซาก้า (คันไซ) 2 เที่ยวต่อวัน มีให้เลือกทั้งออกกลางคืนถึงเช้า เที่ยวต่อได้เลย หรือออกบ่ายๆ แล้วไปนอนพักเอาแรงสักคืนก่อนก็เลือกได้ครับ


     ส่วนบนเครื่องแนะนำให้สั่งอาหารล่วงหน้าไว้ก่อนครับ เพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่า ซึ่งผมเลือกเป็น แกงเขียวหวานไก่ พร้อมน้ำหนึ่ง 1 ขวด ยอมรับตามตรงว่าอาหารมื้อนี้อร่อยเกินคาด โดยเฉพาะข้าวสวยร้อนๆ ที่มีความนุ่ม อร่อย ลงตัวกับแกงเขียวหวานพอดี

 

 

     หลังลงเครื่องที่สนามบินคันไซ (KIX) วิธีการเข้าเมืองมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้ง รถบัส รถไฟ เลือกเอาตามความเหมาะสม และเวลาได้เลยครับ ส่วนใครจะมุ่งตรงไปโกเบ แนะนำ Bay Shuttle หรือเรือข้ามฝาก เพราะใช้เวลาน้อยกว่านั่งรถไฟเท่าตัว ราคาไปกลับเฉพาะนักท่องเที่ยวเพียง 2,000 เยนเท่านั้น

 

     ยอมรับตามตรงว่าการมาเที่ยวโกเบ รวมถึงโอซาก้า รอบนี้ ผมไม่ได้เตรียมตัวทำการบ้านมามากนัก โดยเฉพาะโกเบ ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลมีแค่ เนื้อ และวิเซล โกเบ ทีมฟุตบอลเจลีก ที่ "เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน นักเตะชาวไทยค้าแข้งอยู่เท่านั้น ดังนั้นการเดิน เป็นวิธีการที่ดีที่สุด ง่ายที่สุด ที่จะได้รู้จักเมืองนี้ และผมก็ตกหลุมรักโกเบมาจากการเดินล้วนๆ

     โปรแกรมง่ายๆ กับวันอาทิตย์ใน โกเบ เริ่มต้นจาก สถานีซันโนมิยะ (Sannomiya Station) ใจกลางเมืองโกเบ ผ่านร้านอาหารต่างๆ ที่มีโฆษณา เนื้อโกเบ อันลือชื่อ โดยโซนนี้ตกกลางคืน จะกลายเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์ มี่มีร้านให้เลือกไม่ว่าจะเป็นร้านนั่งจิบชิลๆ ราคาสบายกระเป๋า หรือ ผับ บาร์ แบบ ไฮ-เอ็น ครับ แต่เราก็เดินผ่านไป ฮ่าๆ

     ห่างจากสถานีรถไฟซันโนมิยะ เพียงนิดเดียวจะพบกับ ศาลเจ้าอิคุตะ (Ikuta Shrine) ที่ว่ากันว่ามีอายุถึง 1,800 ปี และขึ้นชื่อเรื่องความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย ความโชคดีอย่างแรกเกิดขึ้น เพราะภายในศาลเจ้าอิคุตะ มีผู้คนใส่ชุดซามูไร และชุดมิโกะ ที่เราเห็นในการ์ตูนบ่อยๆ แน่นอนพวกเขาไม่ใส่โชว์นักท่องเที่ยวภายในศาลเจ้าเฉยๆ แต่ที่แต่งตัวกันจัดเต็มเพราะวันนี้มีเทศกาลสำคัญรออยู่พวกเขาและผมอยู่ !

 

 

       กลับหลังหันเดินตามถนนลงไปทาง อ่าวโกเบ ในบ่ายวันทิตย์ ที่ดูเหมือนจะมีคนหนาแน่นเป็นพิเศษ จนสังเกตเห็นว่ามีการปิดถนนตอนรับขบวนพาเหรดอะไรสักอย่าง ก่อนจะมารู้ภายหลังว่า คือ งานเทศกาล โกเบ มัตสึริ (Kobe Matsuri) เทศกาลเฉลิมฉลองอันแสนสนุกประจำฤดูร้อนของเมืองโกเบนั่นเอง บอกเลยว่าโชคดีมากๆ ที่มาเที่ยวในช่วงที่ประจวบเหมาะ มีงานเทศกาลแบบนี้ ดูบรรยากาศด้านในคึกคักมากๆ ครับ


        ภายในขบวนพาเหรด มีห้างร้านต่างๆ เข้าร่วมเดินไม่ต่ำกว่า 70 แห่ง 1,300 คน ไล่ตั้งแต่ พนักงานดับเพลิง ตำรวจราจร โรงเรียนสอนบัลเล่ต์ กลุ่มคนรักสตาร์วอร์ การประกวดมิสโกเบ โปรโมตทีมรักบี้ประจำเมืองและการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก ที่จะจัดขึ้นที่ญี่ปุ่นในปีหน้า (2019) ส่วนไฮไลท์สำคัญ คือ แซมบ้า จากทีมโคปา แซมบ้า โดยมีผู้ก่อตั้งเป็นแชมป์จากงาน ริโอ คาร์นิวัล ต้นฉบับ เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่ต่างจากคาร์นิวัล ที่ประเทศบราซิลเลยทีเดียว

 


       โกเบ มัตสึริ ไม่ได้มีเพียงขบวนพาเหรด แต่ยังมีทั้งคอนเสิร์ต ที่เปิดโอกาสให้รุ่นลูกยันรุ่นแม่ ออกมาแสดงความสามารถอย่างเป็นกันเอง หรือจะเป็นบูธแผงลอยขายอาหารการกิน ไล่ตั้งแต่ ยากิโซบะ ทาโกะยากิ หรือขนมปังต่างๆ ให้เลือกลงท้องด้วยราคาย่อมเยา

 


      ด้วยเวลาอันจำกัดทำให้เราต้องจำใจจากลางานเทศกาล ก่อนจะเดินมุ่งลงไป สวนเมริเคน (Meriken Park) ริมอ่าวโกเบ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวโกเบ และนักท่องเที่ยว กับบรรยายกาศสบายๆ ในตอนบ่ายวันอาทิตย์ ซึ่งใน สวนเมริเคน และอ่าวโกเบ นอกจากการเดินเล่นชิลๆ รับลมทะเลแล้ว โซนนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้เราแวะเยี่ยมชมอยู่หลากหลายที่อีกด้วยครับ

 

      สิ่งแรกที่ดึงดูความสนใจคือ ประติมากรรมปลาเต้นรำ (Fish Dance) ที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับสวนแห่งนี้ในปี 1987 และเดินต่อมาอีกนิดนึงจะพบกับ สวนอนุสรณ์แผ่นดินไหวท่าเรือโกเบ มาถึงจุดนี้ ขอย้อนอดีตกันสักนิดนึงกับประวัติศาสตร์ เมืองโกเบ ฉบับ 101

      เมืองโกเบ แห่งนี้ถือว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน แต่มาประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1995 ที่เรียกกันว่า "แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน" ซึ่งมีความรุนแรงถึง 7.3 ตามมาตราริกเตอร์และทำลายท่าเรือในอ่าวโกเบเสียหายเกือบ 100% รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำลายจิตใจของคนญี่ปุ่น และชาวโกเบ เพราะพวกเขาใช้เวลาเพียง 1 เดือนในการเก็บกวาดสำรวจความเสียหายต่างๆ ใช้เวลา 6 เดือนทำให้รถไฟกลับมาวิ่ง และ 1 ปีกับการกลับมาใช้ชีวิตปกติ ดังนั้น โกเบ ในตอนนี้โดยเฉพาะบริเวณอ่าว เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ราวๆ 20 กว่าปีเท่านั้น ซึ่งการกลับมาตั้งต้นใหม่หลังแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีความสำคัญต่อชาวโกเบ มากจริงๆ

      แต่ใน สวนอนุสรณ์แผ่นดินไหวท่าเรือโกเบ แห่งนี้ไม่มีภาพความเสียหายใดๆ ให้เราได้เห็น ยกเว้นวิดีโอจำลองเหตุการณ์เท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นในด้านของการฟื้นฟูเมือง ท่าเรือ หลังเหตุการครั้งนั้น และรายชื่อผู้เสียชีวิต ที่เก็บไว้เป็นสิ่งเตือนความจำ

      จากสวนแห่งนี้ เงยหน้าขึ้นมองเราจะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปร่างประหลายอยู่ถึง 3 แห่งด้วยกัน อันดับแรก คือ โรงแรมโกเบ เมริเคน พาร์ค โอเรียลทัล โรงแรมสุดหรู ทำเลเยี่ยม พร้อมวิวชั้นยอด และที่สำคัญมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะตัวโรงแรมเปิดให้บริการ ในเดือน มิถุนายน ปี 1995 หรือเพียง 6 เดือนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เท่านั้น ซึ่งทำให้ตัวโรงแรมแห่งนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นใหม่ หลังการสูญเสียครั้งใหญ่นั้นเองครับ

      ส่วนสิ่งก่อสร้างรูปร่างน่าสนใจอีก 2 แห่งคือ พิพิธภัณฑ์ทางทะเลโกเบ ที่มีลักษณะอาคารคล้ายรูปเรือใบสีขาว ถูกวางอยู่คู่กับ หอคอยโกเบ สีแดงสะดุดตา ทำให้ถ่ายรูปออกมางดงามไม่น้อย ส่วนใครสนใจขึ้นไปชมวิวอ่าวโกเบ สามารถขึ้นไปชมได้ที่หอคอยแห่งนี้ โดยมีราคาอยู่ที่ 600 เยนเท่านั้น

       แต่ภายในสวน ยังมีสิ่งที่น่าสนใจกว่า สิ่งก่อสร้างทั้ง 3 แห่งนี้ สิ่งนั้นคือ ผู้คนกับวันหยุดประจำสัปดาห์ อากาศกำลังดีเหมาะแก่การออกมาทำกิจกรรมภายใต้ท้องฟ้าสีครามเป็นอย่างยิ่ง เราจะเห็นได้ว่ามีกิจกรรมมากมายภายในสวนเมริเคน ไล่ตั้งแต่วัยรุ่นจับกลุ่มนั่งคุยเสียงดังลั่น พ่อแม่จูงลูกออกมาวิ่งเล่น เด็กที่เล่นน้ำพุคลายร้อน หรือคุณลุงตั้งวงเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ อย่างสบายอารมณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไปก่อตัวกับชั้นบรรยากาศ ส่งสารเร่งความสุขแพร่กระจายให้กับกับคนภายในสวนเมริเคน รวมทั้งผมด้วย

      เดินต่อจากสวนสาธารณะแห่งนี้ไปอีกนิดเดียว เราจะพบกับ ฮาร์เบอร์แลนด์ (HarborLand) แหล่งช้อปปิ้งและแหล่งบันเทิงริมน้ำ ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่โต ชิงช้าสวรรค์ และพิพิธภัณฑ์อันปังแมน ให้เข้าไปเยี่ยมชม แต่ถ้าใครอยากเดินชมวิว กินบรรยากาศ แนะนำให้ลองมาหลังพระอาทิตย์ตกดิน เพราะแสงไฟที่นี่จะทำให้คุณตกหลุมรักโกเบได้อย่างง่ายๆ

 

      เมื่อพูดถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่โกเบ ย่อมหลีกเลี่ยง ที่จะไม่พูดถึงหุ่นตัวนี้ไม่ได้ กับ เท็ตสึจิน หุ่นเหล็กหมายเลข 28 (Tetsujin 28-go) ที่มาจากการ์ตูนดังชื่อเดียวในยุค 60 แต่งโดยอาจารย์มิตสึเทรุ โยโกยาม่า ซึ่งเป็นชาวโกเบโดยกำเนิด โดยหุ่นเหล็กหนัก 50 ตันสูงถึง 15 เมตร ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 จากการระดมทุนของผู้ประกอบการต่างๆ ในเมืองโกเบ โดยมีเป้าหมายคือการรำลึกเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ นอกจากจะเป็นการรำลึกแล้ว ยังสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง และการลุกขึ้นมาต่อสู้ กับปัญหาต่างๆ ที่เมืองโกเบประสบปัญหาอยู่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและจิตใจของชาวเมือง โดยหวังจะให้ เจ้าเท็ตสึจิน กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมือง

 


      แน่นอน หุ่นเหล็กหมายเลข 28 ได้กลับมาช่วยบ้านเกิดของมันได้อย่างที่ตั้งใจไว้ และยังคงยืนชูแขน คอยบอกให้ทุกๆ คนสู้ อยู่ในสวนสาธารณะวากะมัตซึ สามารถเดินทางไปเยี่ยมชม และรับความตั้งใจกับ เท็ตสึจิน หุ่นเหล็กหมายเลข 28 ด้วยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Seishin-Yamate Line (สีเขียว) หรือสาย Kaigan Line (สีแดง) มาลงที่สถานี Shin-Nagata ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

      ระยะเวลาเพียงหนึ่งวันนิดๆ ไม่พอที่จะเดินทางท่องเที่ยวให้หมดโกเบ เมืองแห่งนี้ยังมีอีกหลายสถานที่รอให้ไปเยี่ยมชม ไว้ว่าจะเป็นโซนภูเขาด้านหลังของเมือง โดยการนั่งนั่งรถรางชิคๆ ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หีบเพลง ไปชมวิวสุดประทับใจ เดินชิลๆ ชมสวนพฤกษาศาสตร์ ถ้ามาหน้าหนาวขึ้นไปเล่นสกีก็ยังได้ หรือจะนั่งรถบัสไม่ถึงชั่วโมงไป อาริมะ ออนเซ็น เมืองออนเซ็นเก่าแก่ของญี่ปุ่น ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน

       แม้ว่าเราจะไปเที่ยวได้ไม่นาน แต่โกเบทิ้งความประทับใจ เอาไว้ด้วยบรรยากาศ ด้วยผู้คน ด้วยความหลากหลาย และด้วยอะไรอีกหลายๆ อย่าง ที่จะจารึกลงไปข้างใน และคอยส่งเสียงบอกว่า มาเยี่ยมเราอีกนะ!

       สำหรับการเดินทางขากลับ แม้ที่สนามบินคันไซ จะเต็มไปด้วยผู้คนต่อเข้าคิวเช็คอินกัน แต่ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Premium Flex ของแอร์เอเชียร์ ที่เปิดเคาน์เตอร์ พิเศษ ให้เช็คอินโดยไม่ต้องต่อคิว พร้อมโหลดของได้ 20 กก. อาหารอร่อยๆ บนเครื่อง และรับกระเป๋าก่อนใคร (Xpress Baggage) ต้องขอบคุณ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ตัวจริง บินตรง เลือกได้

       สำหรับทริปนี้คงจะพูดแค่เพียงว่า “ผมตกหลุมรักโกเบเข้าแล้วอย่างจัง” ไว้เจอกันใหม่ Matane !

 

 

ที่เที่ยวโกเบ ที่น่าสนใจต่างๆ

พาชม โนเอเวียร์ สเตเดี้ยม รังเหย้า วิสเซล โกเบ 

เที่ยวญี่ปุ่น เช็คอิน ปราสาทฮิเมจิ
กับ 7 กิจกรรมโดนๆ ที่ต้องลองสักครั้ง !

 

 

อัพเดทที่พักสุดชิลล์ ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่