ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องขอออกตัวบอกก่อนเลยว่ามีเยอะไม่ใช่น้อยเลยนะแถมแต่ละที่ก็สวยไม่แพ้ที่ไหนเลยละ เพียงแต่ว่ามันกลับถูกซ้อนภายใต้ข่าวความรุนแรงที่ทำให้ใครหลายต่อหลายคนรู้สึกหวาดระแวงและกลัวเกินกว่าจะเดินทางมาชื่นชมความงามของมัน ซึ่งฉันเด็กคนหนึ่งที่เกิดและโตในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ใคร ๆ ต่างก็ว่าเป็นพื้นที่สีแดงแสนเสี่ยงชีวิตครั้งนี้จึงขออนุญาตพาทุกคนท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งที่ ๆ ฉันจะพาไปชมครั้งนี้ก็คือ "หอดูนก" ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ม.อ.ปัตตานี นั่นเอง หอดูนกที่ว่านี้ถูกตั้งอยู่ฟากหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่อยู่ในพื้นที่ค่อนข้างห่างจากผู้คน ซึ่งอยู่ติดกับทะเลที่เป็นพื้นที่ป่าชายเลนแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ แต่เดิมมันเป็นเพียงหอคอยไม้เก่า ๆ ที่ดูคล้ายจะพุพังไปแต่เมื่อไม่นานมานี้มันได้รับการบูรณะใหม่ให้สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สามารถเป็นที่ให้คนเมืองได้มาพักผ่อนหย่อนใจรับลมทะเล ชื่นชมธรรมชาติของผื่นป่ากลางเมืองและเจ้านกน้อยที่บินวนอยู่ภายในเขตบ้านของมัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเจ้านกและสัตว์ตัวน้อยในเขตอนุบาลสัตว์น้ำคงรู้สึกงงไม่เบาเลยที่อยู่ ๆ ผู้คนต่างก็มาเยือนกันมาถึงต่างจากเดิมที่ค่อนข้างเงียบจนแอบน่ากลัวเนื่องจากสภาพทางดินที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไรบวกกับหอดูนกที่ค่อนข้างพุพัง แม้ผู้คนจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นแต่ต้องขอบคุณในความรับผิดชอบในฐานะของผู้มาเยือนพื้นที่ป่าของทุกคนที่ต่างช่วยกันรักษาความสะอาดและชื่นชมธรรมชาติตามกฎระเบียบของพื้นที่ที่ถูกกำหนดขึ้นภายในใจของทุกคน ว่าเราจะร่วมกันดูแลธรรมชาติและชื่นชมมันโดยไม่ก้าวก่ายจนมันรู้สึกถูกรุกราน ในเย็นวันหนึ่งหลังหลังจากสอบเสร็จซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันและเพื่อนอีกไม่กี่คนที่เหลือจากการยังไม่กลับบ้านก็ได้ตัดสินใจมาเดินเล่นเก็บบรรยากาศธรรมชาติของธรรมชาติป่าในเมืองปัตตานีก่อนจะออกเดินทางเพื่อไปฝึกงานในอีกไม่นานหลังจากนี้ จุดแรกของหอดูนกจะเป็นช่องทางเข้าเสมือนเป็นการก้าวข้ามจากความเป็นเมืองสู่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เหมือนเป็นป่าที่หลบซ่อนตัวเองอยู่ภายใต้ความเป็นเมืองที่ค่อนข้างวุ่นวาย ถ้ากล่าวจริง ๆ ตัวฉันเองก็แทบจะไม่ได้มีเวลาแวะเวียนมาชื่นชมมันบ่อยเท่าไรนัก แอบรู้สึกเสียดายไม่น้อยเลยละที่มีโอกาสมาได้แค่ไม่กี่ครั้งทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง แต่ถ้าให้แนะนำอยากแนะนำให้มาช่วงเช้ามาอากาศจะดีและค่อนข้างเงียบ รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ถ้าใครที่ชอบบรรยากาศแบบแสงอาทิตย์ยอแสงผสานเสียงนกร้องและเสียงลมที่พัดกระทบผิวค่อนข้างเย็นก็แนะนำให้แวะไปในช่วงเย็น แต่การไปในช่วงเย็นสิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจอย่างมากเลยคือผู้คนจะค่อนข้างเยอะ จะมีกลุ่มคนมาออกกำลังกาย มีกลุ่มวัยรุ่นมาถ่ายรูปกับบรรยากาศที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีส้มย้อมเด่นสะท้อนสวยเหมาะแก่การถ่ายรูป และยังมีกลุ่มนั่งเล่น เดินเล่นเป็นครอบครัว ซึ่งจะต่างจากชวงเช้าที่แทบจะไม่มีผู้มาเยือนเท่าไรมากนั้น แต่นั่นแหละด้วยความที่จุดที่ตั้งของหอดูนกนี้มุมจะสวยตอนพระอาทิตย์ตกดินมากกว่าพระอาทิตย์ขึ้น เนื่องจากเราจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบน้ำทะเลไป แต่ครั้งนี้ที่พวกเรามาเป็นช่วงบ่ายคนจะไม่ค่อยมี เอาจริง ๆ คือไม่มีใครเลยนอกจากเรา ช่างส่วนตัว และสงบมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะแวะเวียนมาในช่วงไหนของวันก็ตาม ลมที่พัดผ่านมาจะยังคงเย็นสดชื่นพาให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจไม่เบาเลย ถ้าคุณมีโอกาสเดินทางมาที่เมืองปัตตานีขอให้ลองแวะเข้ามาในรั่วมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งหอดูนกจะตั้งอยู่ฝั่งแฟลตอาจารย์ หากไม่แน่ใจให้ลองถามพี่ยามที่อยู่ทางเข้ามหาลัย แต่ช่วงเวลาที่ไม่แนะนำคือประมาณ โมงกว่า ๆ ไปจนถึงบ่าย 3 ช่วงนี้แดดจะค่อนข้างแรงหน่อย แต่ถ้าชอบการถ่ายรูปแบบสู้แสงก็สวยไม่เบาเลยนะ (แนะนำให้ทากันแดด และกางร่มไปด้วยก็ดีเหมือนกัน) หวังว่าคุณจะได้มาเยือน ยืนดูทะเล หมู่นก ธรรมชาติและรับลมเย็น ๆ ที่หอดูนกนี้สักครั้ง เครดิต : ภาพที่ใช้ประกอบเป็นภาพที่ผู้เขียนถ่ายเองจากสถานที่จริง