วีว่า ฟอเรสต้า ฟาร์ม (Viva Foresta Farm) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการเดินเล่นเพลิดเพลินกับการป้อนอาหารสัตว์ที่แสนน่ารัก ชมสวนสวยบรรยากาศร่มรื่นเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย จะชวนกันมาเป็นครอบครัวเหมือนดั่งผู้เขียน มากับคู่รักหรือกลุ่มเพื่อนก็ดีไม่มีผิดหวังแน่นอน ที่นี่นอกจากเป็นฟาร์มสัตว์แล้วยังเป็นสวนไม้ผลเกษตรอินทรีย์แห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดจันทบุรีอีกด้วย ผู้เขียนเดินทางไปถึงช่วงบ่ายที่ปกติอากาศค่อนข้างร้อน แต่วันนี้มีเมฆมากเป็นโอกาสที่ดีที่จะเดินเที่ยวได้สบายๆ ที่นี่ตกแต่งฟาร์มสไตล์คันทรีแถบยุโรป มีบรรยากาศโดยรอบฟาร์มเป็นวิวทิวเขา มีมุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่มากมาย มีแปลงดอกไม้หลากสายพันธุ์ผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล และจุดเด่นในสวน คือ บ้านกังหันยักษ์ที่ถือว่าเป็นกังหันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก มองเข้ามาตั้งแต่ภายนอกโดดเด่นเห็นมาแต่ไกล ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นไปชั้นบนของกังหันลมเพื่อชมวิวมุมสูงของฟาร์มได้โดยรอบอีกด้วย สำหรับบัตรเช้าชมฟาร์ม เด็กและผู้ใหญ่ราคา 70 บาท แต่เด็กที่สูงน้อยกว่า 110 cm. เข้าชมฟรี ซึ่งเราสามารถนำบัตรไปแลกหญ้าสำหรับป้อนแกะได้ฟรี 1 ชุด มูลค่า 20 บาท หรือใช้เป็นส่วนลดเครื่องดื่มที่ร้าน Viva Farm Salad & Cafe อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้เช่นกัน ภายในฟาร์มจะมีเส้นทางเดินคอนกรีตเป็นเส้นรอบรูปสี่เหลี่ยมโดยมีฟาร์มสัตว์อยู่ริมขอบนอก ส่วนกลางจะเป็นสวนดอกไม้ รูปปั้นสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะรูปปั้นครอบครัวแกะหน้าดำน่ารักเชียว นอกจากกังหันยักษ์และรูปปั้นสัตว์ยังมีรูปปั้นจำลองหัวโมอายยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี และสระน้ำขนาดใหญ่ที่ปล่อยหงส์ขาว หงส์ดำ และเป็ดสายพันธ์ุต่างๆ ว่ายลอยน้ำเล่นให้เราได้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน หากเดินกันเหนื่อยแล้วยังมีศาลาพักผ่อนนั่งชมวิวธรรมชาติสวยๆ ที่นี่มีสัตว์นานาชนิดทั้งสัตว์เลี้ยงที่เข้าชมได้อย่างใกล้ชิด และสัตว์แปลกๆ แต่น่ารักที่หาชมได้ยาก โดยเฉพาะสัตว์พันธุ์แคระที่เด็กๆ ต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นสัตว์แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นแพะแคระ ม้าแคระ ลาแคระ หมูแคระ เม่นแคระ รวมถึงแพะแองโกร่า แพะขนที่มีขนยาวและเส้นขนอ่อนนุ่มเป็นปุยเหมือนนุ่นที่สวยงาม มีเต่าซูคาต้า เต่ายักษ์แห่งทะเลทรายซาฮาร่า กระต่ายหลายสายพันธุ์ทั้งพันธุ์เนเธอร์แลนด์ดวอฟ กระต่ายที่มีขนาดเล็กที่สุดสายพันธุ์หนึ่งของโลก กระต่ายยักษ์สายพันธุ์เฟลมมิชไจแอนท์ กระต่ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงกระต่ายฮอลแลนด์ลอป กระต่ายสายพันธุ์หูตกที่เล็กที่สุดในโลก และเดินไปครึ่งทางจะเห็นกวางนานาพันธุ์ ทั้งกวางรูซ่า กวางดาวอินเดีย และกวางดาวซิก้า และโซนแกะที่เลี้ยงอยู่บนพื้นที่เปิดโล่งกว้างขวางมีมากกว่า 50 ตัว เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมป้อนอาหารสัตว์ด้วย ถูกใจหนูๆ กันมากเลย สำหรับกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ฟาร์มแห่งนี้มีให้หนูๆ ได้เล่นสนุก นั่นคือลานกิจกรรมระบายสีปูนปั้นและงานประดิษฐ์ศิลปะ ได้นั่งพักผ่อน นั่งเล่นและชมวิวธรรมชาติรอบตัวไปด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับการเสริมสร้างจินตนาการของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี ก่อนกลับเราแวะไปดื่มชาเขียวสักแก้วที่ร้าน Viva Farm Salad & Cafe ตั้งอยู่ในฟาร์มแห่งนี้ ที่ตกแต่งภายในร้านอย่างสวยงามโทนสีขาวสว่างสะอาดตา มีทั้งเครื่องดื่ม กาแฟสด ชานมไข่มุก ชากุหลาบ นมโอวัลตินภูเขาไฟไข่มุก สตรอเบอรี่ชีสเค้ก บานานาช๊อกโก้ อยากทานอะไรสั่งกันได้เลยครับ อาหารรองท้องให้หายหิวก็มีเช่นกัน มีเมนูน่าอร่อยทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นสลัดโรลปูอัดไข่กุ้ง สปาเก็ตตี้ สลัดผัก ซุปเห็ด ซุปข้าวโพด ซุปมันม่วง ซุปฟักทอง แต่ผู้เขียนเพิ่งกินข้าวอิ่มๆ มาไม่นาน เลยได้แต่ชาเขียว และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนเดินทางกลับบ้าน บ๊ายบายทริปอันแสนสุขของครอบครัว แล้วกลับมาพบกันใหม่กับทริปต่อไป "สวัสดีครับ" 😘 📝 เรื่องและภาพโดยผู้เขียน