“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” สุขสันต์วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 วันนี้ตรงกับวันมาฆบูชา ขึ้น15ค่ำ เดือน 3 ถือว่าเป็นวันพระใหญ่ถ้าหากย้อนหลังกลับไปสมัยพุทธกาลครั้งนั้นมีพระภิกษุสงฆ์หรือครั้งนั้นเรียกพระสาวก ต่างก็เดินทางกันมาร่วมประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 1,250 รูป ใต้ร่มเงาต้นพระศรีมหาโพธิ์ เพื่อสดับฟัง “โอวาทปาติโมกข์” สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงครั้งแรก หลังจากที่ได้ตรัสรู้แล้ว เป็นเวลา 9 เดือน ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของพระภิกษุทั้ง 1,250 รูป เมื่อได้ฟังหลักธรรมคำสอนแล้วก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ณ วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ครับ วันนี้หนุ่ม-สุทนขึ้นต้นเรื่องราวมายาวนาน สมัยพุทธกาล แต่ว่าก็จะเขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ผู้ประพฤติ ปฏิบัติตนอยู่ในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า คือหลวงพ่อสาย สุวญจนุโท อดีตเจ้าอาวาสวัดกระโจมทอง ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หลวงพ่อสาย ท่านเป็นพระวิปัสสนากรรมฐาน อยู่ในศีล 227 ข้อ ถือปฏิบัติมาโดยตลอดจนชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ ศรัทธาหลวงพ่อสาย สำหรับเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับหลวงพ่อสายนั้น น่าสนใจมาก ๆ เพราะหลวงพ่อสายมากด้วยบุญบารมี ทุกค่ำคืนท่านจะนั่งสมาธิ เพื่อส่งกระแสจิตถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่าน ทรงสุบินหรือทรงนิมิตเห็นหลวงพ่อสาย หรือพระครูสาคร สุวรรณคุณ แล้วพระองค์ท่านทรงมีพระดำรัสให้คนใกล้ชิดตามหาพระสงฆ์ที่ในสุบินจนพบว่า เป็นเจ้าอาวาทวัดกระโจมทอง ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2507 ทรงโปรดฯ ให้หลวงพ่อสายเข้าเฝ้าตามบันทึกภาพถ่ายในวิหารเรือนไม้ทรงไทยประดิษฐานองค์หลวงพ่อสาย ภายในวัดกระโจมทองครับ วิหารเรือนไม้ทรงไทยดูเด่นชัดสวยงาม มีองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์นิมิตอมรเมธ ประดิษฐานด้วยครับ สำหรับวัดกระโจมทองเป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นมาปี พ.ศ. 2442 สมัยรัชกาลที่ 5 ชาวบ้านบริจาคที่ดิน เพื่อให้สร้างวัดเล็ก ๆ ชื่อวัดโพศรีราษฏร์ศรัทธา ต่อมาพื้นดินแถบนี้ก็กลายเป็นทุ่งนาเป็นแหล่งปลูกข้าวหรือทำนาข้าวผสมผสานกับสวนเกษตร เพราะมีคลองเขื่อนขันธ์เชื่อมไปคลองดำเนินสะดวกเรียกหลักสอง ส่วนอีกด้านหนึ่งไปออกแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐมได้ด้วยครับ เมื่อเป็นเช่นนี้ชาวเกษตรกร ครั้งกระนั้นมีชาวมอญหรือชาวรามัญ ชาวลาวและชาวสยามที่ทำนาเกี่ยวข้าวแล้วจัดสร้างโรงกระโจม เพื่อลงแขกฮ่า ๆ หมายถึงช่วยกันนวดข้าวในโรงกระโจมติดกับวัดโพศรีราษฏร์ศรัทธา แล้วก็ร่วมกันบูรณะวัดนี้ จึงเปลี่ยนชื่อวัดโรงกระโจมทอง เหตุผลทุ่งนาสีทองเหลืองอร่าม ส่วนปัจจุบันคำว่าโรงหายไปกลายเป็นวัดกระโจมทองถึงทุกวันนี้แหละครับ วัดกระโจมทองปัจจุบันมีการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวได้เช่น 1. วิหารหลวงพ่อสาย เรือนไม้ทรงไทยสวยงาม 2. บ้านดินเล่าเรื่องสมัยพุทธกาล 3. วังมัจฉามีปลาหน้าวัดจำนวนมาก 4. นักท่องเทียวสามารถล่องเรือได้ในคลองเขื่อนขันธ์แวะชมสวนเกษตรสวนฝรั่ง มะพร้าว และฟาร์มแพะแวะกินอาหารพื้นบ้าน 5. หมู่บ้านนวัตวิถีบ้านกระโจมทอง 6. ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและศูนย์ฝึกอาชีพกลุ่มสตรีบ้านกระโจมทอง ส่วนคำกล่าวถึงหลวงพ่อสายมีอยู่ในเนื้อเพลงลูกทุ่ง ชื่อเพลงหนุ่มทุ่งกระโจมทอง ร้องโดยเสรีย์ รุ่งสว่าง ส่วนผู้ประพันธ์เพลงนี้คือครูชลธี ธารทอง ส่วนเนื้อหาของเพลงนี้ “ฝากเพลงรักลอยล่องสู่ห้องใจสาว นับปีผ่านไปไม่มีข่าว จากแม่สาวเมืองเพชรโสภิณ หลงคอยเดียวดาย ไม่จดหมายมาบ้าง ช่างใจหิน สัมพันธ์จากใจคงใกล้สิ้น เมื่อกฐินทุ่งกระโจมทอง ยินข่าวชาวกรุง หอบความรักหมายมุ่ง สู่ใจน้อง แล้วคนทุ่งกระโจมทองที่เคยจ้อง คงร้องไห้ไปทั้งวัน เหมือนคนรอตาย หลวงพ่อสายช่วยด้วย ช่วยตัวฉัน” เป็นเพลงลูกทุ่งยอดฮิตถึงทุกวันนี้นะครับ สำหรับผู้ที่สนใจจะล่องเรือเป็นหมู่คณะติดต่อสอบถามได้ที่โทรศัพท์ 081-5571297 สำหรับเรื่องราวเขียนโดยหนุ่ม-สุทนจบแล้วท่องเที่ยวเขตหลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พบกันในตอนต่อไปเรื่องเขียนเล่าให้ฟังที่ต่าง ๆ ทั่วไทยครับ เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์ แฟนเพจเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/ #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #ตะลอนชิมกาแฟทั่วไทย #เที่ยวทั่วไทยคลื่นข่าว100.5fm #คนรักษ์กาแฟ #bigmaptravel #เที่ยวเพลิน