หากจะพูดถึงชิลีแล้ว ประเทศนี้อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากนัก ครั้งนี้เราจะมาขอเล่าถึงการเดินทางของเราไปยังหนึ่งในทะเลทรายที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศนี้ นั่นคือทะเลทรายอาตากามา(Atacama) นั่นเอง ทะเลทรายอาตากามาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของชิลี โดยจุดเด่นของทะเลทรายแห่งนี้คือเป็นสถานที่ที่มีอากาศแห้งที่สุดในโลก โดยรอบๆทะเลทรายจะมีสถานที่ท่องเที่ยวและภูมิประเทศที่หลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นหุบเขาที่มีหินรูปร่างประหลาด บ่อน้ำพุร้อน ภูเขาไฟ ทะเลสาบสีสันแปลกตา รวมถึงที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ เหมาะกับวัยรุ่นอย่างเราที่ต้องการการผจญภัยและสัมผัสประสบการณ์ชีวิตที่แปลกใหม่ ครั้งนี้เราพักในเมืองเล็กๆที่ชื่อว่า San Pedro de Atacama ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเหมือนเป็นหมู่บ้านซะมากกว่า เนื่องจากถนนสายหลักของเมืองแห่งนี้มีเพียงเส้นเดียวและยังเป็นถนนดินอยู่ รวมถึงร้านค้า ร้านอาหารและบริษัททัวร์ต่างๆก็ตั้งอยู่ในสิ่งก่อสร้างที่เหมือนบ้านดินเช่นเดียวกัน ทำให้มองไปทางไหน ก็จะเห็นแต่สีแดงๆน้ำตาลๆไปหมด ต่อไปนี้จะขอเล่าถึงกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่เราได้ไปทำและไปเยือนระหว่างพักอยู่ที่เมืองนี้ Valle de la Luna Valle de la Luna หรือแปลเป็นภาษาไทยคือหุบเขาพระจันทร์ เป็นทะเลทรายที่มีภูเขาและหินรูปร่างประหลาดแปลกตาประหนึ่งว่าเรากำลังอยู่ในโลกพระจันทร์ เนื่องจากเป็นภูมิประเทศที่เหมือนเอาทะเลทรายมาผสมเข้ากับ Grand Canyon ที่สหรัฐอเมริกา ลักษณะภูมิประเทศแบบนี้เกิดจากการผสมกันของดินและเกลือ ซึ่งโดนกัดกร่อนด้วยลมและน้ำจนทำให้เป็นรูปร่างต่างๆแบบนี้ Valle de la Luna ห่างจากเมือง San Pedro de Atacama เพียง 11 กิโลเมตร หากใครที่รักการปั่นจักรยานก็สามารถเช่าจักรยานและปั่นมาที่นี่ได้เช่นเดียวกัน แต่จะขอแนะนำว่าปั่นมาสักช่วงบ่ายแก่ๆจะดีกว่าเพราะอากาศร้อนมากจริงๆ Salar de Tara Salar de Tara เป็นที่ที่เราชอบมากที่สุดในทะเลทรายอาตากามา เพราะที่นี่มีภูมิประเทศที่หลากหลายมาก เราได้ดูทั้งภูเขาหินสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทะเลสาบน้ำสีฟ้า แล้วบางทีภูมิประเทศทั้งสองนี้ก็มาตั้งอยู่ข้างๆกัน ทำให้เราเห็นตะลึงในความอลังการของธรรมชาติ ภาพที่ถ่ายมาทั้งหมดนั้นไม่ได้ถูกตัดต่อหรือปรับแสงใดๆทั้งสิ้น ลองจินตนาการว่าหากได้เห็นด้วยตาเปล่าจะสวยแค่ไหน ระหว่างทางที่นั่งรถไปจะเจอสัตว์ตลอด ทั้งตัวบิกูญ่า (vicuña) ซึ่งคล้ายๆกับกวางผสมลามะ หมาจิ้งจอกและกระต่ายป่า Piedras Rojas ก่อนที่เราจะมุ่งไปยัง Piedras Rojas หรือแปลเป็นไทยคือหินสีแดง เราได้ไป Los Flamencos National Reserve หรืออุทยานนกฟลามิงโกก่อน ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นนกฟลามิงโกอยู่อาศัยในที่อยู่ตามธรรมชาติของมัน วันนี้ลมแรงมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรางงมากคือลมแรงแค่ไหน แต่ทำไมฟลามิงโกยืนได้นิ่งทีเดียวเชียว หลังจากเยี่ยมชมนกฟลามิงโกแล้วเราก็เริ่มมุ่งหน้าเพื่อไปดูกินสีแดงกัน เมื่อไปถึงเราก็ได้เห็นหินที่สีแดงก้อนใหญ่ ตัดกับแบ็คกราวน์ที่เป็นน้ำสีฟ้า ก็สวยไปอีกแบบ โดยสีแดงของหินเหล่านี้เกิดจากแร่เหล็กที่มีอยู่ในปริมาณมากนั่นเอง Geysers de Tatio ไฮไลท์อีกอย่างของทะเลทรายอาตากามาคือน้ำพุร้อน Geysers de Tatio ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนที่ตั้งบนพื้นที่ที่สูงกว่าน้ำพุร้อนแห่งใดในโลก (ประมาณ 4,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) เราตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อที่จะนั่งรถไปดูน้ำพุร้อนแต่เช้าตรู่ เมื่อเราเดินเข้าไปในบริเวณน้ำพุร้อนก็จะเห็นควันพวยพุ่งเต็มไปหมดรอบตัว น้ำพุร้อนที่นี่จะมีแรงดันและความร้อนจากใต้เปลือกโลกดันให้น้ำพุ่งขึ้นเป็นสายเหนือหัวหลายเมตรทีเดียว ทำให้การเดินเที่ยวชมรอบๆต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก กิจกรรมขี่ม้า วันสุดท้ายที่ Atacama เราตัดสินใจไปขี่ม้าตอนเช้า โดยสามารถเลือกโปรแกรมจากร้านทัวร์รอบๆเมืองได้เลย ไกด์ที่จะนำเราไปก็จะมารับเราไปที่คอกม้าและเริ่มออกเดินทางกัน ระหว่างทางก็จะผ่านบ้านและสวนของคน ก่อนที่จะข้ามถนนเพื่อไปขี่ท่ามกลางทะเลทรายและภูเขา เราขี่ไปเรื่อยๆชิวๆและบรรยากาศรอบตัวก็ให้อารมณ์แบบหนังคาวบอยเลย สำหรับใครที่อยากลองอะไรใหม่ๆ การขี่ม้าก็ถือเป็นกิจกรรมครึ่งวันที่เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รักและกลุ่มเพื่อน เราอยู่ที่ทะเลทรายอาตากามาเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน ตอนแรกคิดว่าจำนวนวันมากอาจจะมากเกินไป แต่เมื่อได้มาถึงที่นี่แล้ว ปรากฏว่า 5 วันอาจจะไม่พอด้วยซ้ำ เนื่องจากมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มากมาย สำหรับใครที่หลงใหลในธรรมชาติและการผจญภัย จุดหมายนี่ถือเป็นเช็คลิสต์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน