เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ผมกับสหายอีกสองคนได้เดินทางไปยังจังหวัดนครพนม โดยมีเป้าหมายหลักของการเดินทาง คือ การออกไปเรียนรู้ประเพณีสงกรานต์ในช่วงเดือนเมษาหน้าร้อน ปี พ.ศ. 2559 เมื่อไปถึงยังจังหวัดนครพนมก็นอนพักผ่อนในเขตตัวเมืองกัน ก่อนตื่นเช้าเพื่อเดินทางไปถึงบ้านของรุ่นน้องแถบอำเภอเรณูนคร ซึ่งได้จัดเตรียมสำรับอาหารสไตล์อีสานไว้ต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอ่อมไก่บ้านเนื้อเหนียว น้ำพริกปลาร้าแจ่วบองรสเด็ด และข้าวเหนียวร้อน ๆ ในกระติบ อีกทั้งยังได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมอาหารมากมาย เช่น ชาวผู้ไทจะเรียกช้อนว่า “บ่วง” หรือผู้ใดทานข้าวเหนียวเสร็จเป็นคนสุดท้ายจะต้องปิดฝากระติบให้เรียบร้อยเพื่อเป็นการให้เกียรติ ฯ เมื่ออิ่มท้องก็ถึงเวลาเดินทางไปยังอำเภอธาตุพนม เพื่อกราบสักการะและสรงน้ำองค์พระบรมธาตุ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-15 เพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายในวัดเต็มไปด้วยผู้คนทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว โดยวิธีการสรงน้ำนั้น ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดึงรอกที่แขวนภาชนะคล้าย ๆ กับถังน้ำขึ้นไปสู่จุดที่มีเหล็กกั้นออยู่บริเวณเรือนยอดบนองค์พระบรมธาตุ ซึ่งจะกระทำการเทน้ำในถังรดองค์พระบรมธาตุ ช่างเป็นรูปแบบที่แปลกตาเสียนี่กระไร นอกจากนี้ยังมีงานนมัสการพระธาตุพนมประจำปี ในวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีไปจนถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 อีกทั้งพระธาตุพนมยังเป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์ หากใครสักการะจะได้รับอานิสงส์มีบุญบารมี และคนความเคารพนับถือ หลังจากนั้นจึงเดินทางย้อนกลับมาทางอำเภอเรณูนคร เพื่อสักการะพระธาตุเรณูนคร อันหนาแน่นไปด้วยผู้คนเฉกเช่นเดียวกันกับพระธาตุพนม ซึ่งจำลองมาจากพระธาตุพนม สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2461 เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันอังคาร หากใครได้ไปสักการะจะผุดผ่องดังแสงนวลจันทร์ นอกจากนี้ยังมีขบวนแห่สงกรานต์อันยาวเหยียดและแน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ละขบวนสะท้อนถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่นของแต่ละอำเภอในจังหวัดนครพนมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ทำให้พวกเราเพลิดเพลินกับขบวนเหล่านั้นนานกว่าสองชั่วโมง จึงจะถึงเวลาเดินทางกลับ ขั[รถมาเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตรก็มาถึงบ้านของรุ่นน้องอีกครั้ง คราวนี้เมนูเด็ดที่รอเราอยู่ คือ ข้าวปุ้น (ขนมจีน) ทั้งน้ำปลาร้า น้ำกะปิ อีกทั้งยังมีเคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่พริกตำ (คล้าย ๆ พริกในน้ำส้ม) ซึ่งช่วยเพิ่มความแซ่บนัว จนทุกคนก้มหน้าก้มตารับประทานกันอย่างจุใจ ก่อนจะกลับไปนอนที่ตัวเมืองนครพนมอย่างมีความสุขในเทศกาลสงกรานต์ และนี้คือประสบการณ์การเดินทางอันแสนสุขในอดีตของผมที่จังหวัดนครพนม แต่ทว่าปีนี้กลับไม่ได้ประสบพบเจอ เนื่องจากสถานการณ์ covid-19 แพร่ระบาด ทำให้เสี่ยงต่อการเดินทางและอยู่รวมกันของคนหมู่มาก สงกรานต์ปีนี้ไม่ชุ่มฉ่ำ สนุกสนาน และมีความสุขเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา แต่นั้นก็ยังดีกว่าการออกไปเสี่ยงอันตรายกับเชื้อไวรัสข้างนอกใช่ไหมล่ะ ดังนั้นช่วงนี้จึงอยากแนะนำให้ทุกท่านหลีกเลี่ยงการออกไปด้านนอก อยู่บ้าน เพื่อชาติ เพื่อครอบครัว และเพื่อตนเอง ลดปัญหาการแพร่ขยายของ covid-19 และรอออกเดินทางไปเล่นสงกรานต์ด้วยกันในปีหน้าฟ้าใหม่ พ.ศ. 2564 กันเด้อ