29 เมษายน ในยามบ่ายที่อากาศเย็นสบายกว่าทุกวัน เราเริ่มมองหาสถานที่ใกล้ ๆ ไว้เปลี่ยนบรรยากาศ เติมพลังให้จิตใจได้พักผ่อนจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน และสถานที่ที่เราปักหมุดไว้ในครั้งนี้ก็คือ “แหลมปู่เจ้า” จุดชมวิวริมทะเลที่ซ่อนตัวอย่างเงียบสงบในพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่วิวทะเลที่กว้างไกลสุดสายตา แต่ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัวของธรรมชาติ ความเรียบง่าย และความเงียบสงบที่รอให้เราไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด ก่อนอื่นเลย เมื่อเรามาถึงบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือไปแลกบัตรผ่านยานพาหนะกับทางพี่ ๆ ทหารให้เรียบร้อยเสียก่อนจากนั้นเมื่อเข้ามาภายในเขตฐานทัพแล้ว ก็สามารถขับรถตามป้ายบอกทางไปยัง “แหลมปู่เจ้า” ได้เลย หรือถ้าจะให้สะดวกหน่อยก็เปิด GPS นำทางได้เช่นกัน (แต่ขอเตือนไว้นิดนึงว่า GPS ก็มีหลงได้ เพราะเราหลงมาแล้ว) เส้นทางภายในฐานทัพอาจจะคดเคี้ยวบ้าง แต่ขับเข้าไปประมาณ 15–20 นาที เราก็มาถึงบริเวณ “แหลมปู่เจ้า” เมื่อมาถึงแหลมปู่เจ้า สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือหาที่จอดรถกันก่อน โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบและไม่พลุกพล่านมากนัก แต่ก็พอจะนึกภาพออกว่า ถ้าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันนักขัตฤกษ์ ที่นี่คงคึกคักน่าดู เพราะมีป้ายจากเจ้าหน้าที่ติดไว้ชัดเจนว่า “ขึ้นสักการะท่านละไม่เกิน 20 นาที เนื่องจากมีคนรอขึ้นสักการะจำนวนมาก” เดินขึ้นไปถึงด้านบน สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการกราบสักการะ “กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ซึ่งศาลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และถือเป็นศาลกรมหลวงชุมพรฯ แห่งแรกของกองทัพเรือ ที่นี่เป็นจุดศรัทธาที่สำคัญ มีผู้คนมากมายมาขอพรในเรื่องการเรียน หน้าที่การงาน และการเงิน ซึ่งหลายคนก็สมหวังจนต้องกลับมาแก้บน โดยบริเวณด้านบนจะมีพื้นที่สำหรับจุดประทัดแก้บนโดยเฉพาะ ซึ่งในวันที่ไปก็มีคนกำลังจุดประทัดเสียงดังอึกทึกอยู่ หลังจากสักการะ "กรมหลวงชุมพรฯ" เสร็จเรียบร้อย เราก็เดินต่อขึ้นไปยังจุดชมวิวของ “แหลมปู่เจ้า” ซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริปในวันนี้ บริเวณนี้สามารถมองเห็นทะเลสัตหีบได้แบบสุดสายตา ท้องฟ้าสีฟ้าใสตัดกับเกาะน้อยใหญ่ที่แต่งแต้มด้วยสีเขียวของธรรมชาติ และพื้นน้ำทะเลสีฟ้าอ่อนที่ระยิบระยับยามกระทบกับแสงแดด ทั้งหมดนี้สร้างภาพงดงามในจิตใจจนต้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพสวย ๆ ไว้ทันที ฝั่งตรงข้ามของแหลมปู่เจ้าคือ “ผาวชิราลงกรณ์” ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล และหากมองออกไปไกล ๆ ก็จะเห็นทั้ง “อ่าวสัตหีบ”, “อ่าวเตยงาม”, “เกาะพระ” และ “เกาะเตาหม้อ” เรียงตัวกันอย่างลงตัว และถ้ามาในช่วงเวลาที่โชคดี ก็อาจได้เห็นเรือรบล่องผ่านท้องทะเลต่อหน้าตา เป็นภาพที่ทั้งน่าตื่นตาตื่นใจและประทับใจอย่างไม่รู้ลืม เมื่ออิ่มเอิบกับวิวทิวทัศน์และลมทะเลเย็น ๆ แล้ว “แหลมปู่เจ้า” ยังมีอีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจให้เราได้แวะชม นั่นคือพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงโมเดลเรือรบจำลองรุ่นต่าง ๆ พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับเรือแต่ละลำอย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวของกองทัพเรือไทย หรืออยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทางทะเลแบบกระชับ เข้าใจง่าย และไม่หนักเกินไป “แหลมปู่เจ้า” เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00–18.00 น. หากใครกำลังมองหาสถานที่เงียบสงบเพื่อพักใจ หลบหนีความวุ่นวายของเมือง หรืออยากมาขอพรดี ๆ จากกรมหลวงชุมพรฯ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ทั้งสงบ อิ่มใจ และสวยงามจนเกินคาดเป็นอย่างยิ่ง ***ภาพถ่ายเองจากสถานที่จริง*** เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !