“วัดร่องเสือเต้น จากจินตนาการ สู่งานพุทธศิลป์” สวัสดีเพื่อน ๆ นะครับ สำหรับวันนี้ ผมก็จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวจังหวัดเชียงราย กันอีกแล้วนะครับ ซึ่งหลังจากที่พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวสถานที่สำคัญมาก็หลายที่หลายแห่งกันแล้ว วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ เข้าวัดทำบุญ สงบจิตใจ ทำจิตใจให้ผ่องใสร่มเย็น พร้อมชมงานศิลปะด้านจิตกรรม สถาปัตยกรรม และประติมากรรม ที่สวยสดงดงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ถ้าเพื่อน ๆ มาเที่ยวจังหวัดเชียงราย นึกถึงวัดที่สวยงาม ขึ้นชื่อ เพื่อน ๆ คงจะบอกว่า วัดร่องขุ่น ใช่ไหมครับ แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำอีกวัดหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้วัดร่องขุ่น คือ วัดร่องเสือเต้น ครับ วัดร่องเสือเต้น เป็นอีกวัดที่สวยงามและขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย ซึ่งวัดร่องเสือเต้นแห่งนี้ ได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากวัดร่องขุ่น จนชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวทั่วไปมักจะเรียกว่า วัดพี่กับวัดน้อง ซึ่งวัดพี่ก็คือวัดร่องขุ่น ที่อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้สร้างขึ้น ส่วนวัดน้อง ก็คือ วัดร่องเสือเต้น แห่งนี้ ด้วยเหตุว่าคนที่สร้างวัดร่องเสือเต้น คือ สล่านก หรือว่านายพุทธา กาบแก้ว (สล่า ภาษาเหนือ แปลว่า ช่าง) ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์เอกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นั่นเอง วัดร่องเสือเต้น แห่งนี้เป็นวัดที่สวยงามด้านพุทธศิลป์อีกวัดหนึ่งของจังหวัดเชียงราย วัดร่องเสือเต้นห่างจากวัดร่องขุ่น 16 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 22 นาที เป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของสล่านก ซึ่งก็เป็นชาวจังหวัดเชียงรายโดยกำเนิด และยังเป็นลูกศิษย์เอกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งตอนที่สล่านก ยังเรียนด้านงานศิลปะอยู่นั้น มีการนำงานศิลปะที่ได้รังสรรค์ขึ้นมาเองไปจัดแสดงโชว์ช่วยงานที่วัดร่องขุ่น อาจารย์เฉลิมชัย ได้เห็นฝีมือในการสร้างงานศิลปะแล้วก็พึงพอใจ จึงได้ชักชวนมาร่วมกันสร้างวัดร่องขุ่น สล่านก ช่วยงานอาจารย์เฉลิมชัยสร้างวัดร่องขุ่น มาได้สักพักหนึ่ง จนถึงปี 2546 ก็ได้ลาอาจารย์ เพื่อจะมาสร้างสรรค์ผลงานของสล่านกเอง ที่วัดร่องเสือเต้นแห่งนี้ ประวัติของวัดร่องเสือเต้น จากคำบอกเล่าของคนเฒ่า คนแก่ ในชุมชนแห่งนี้เดิมที่วัดแห่งนี้เป็นเป็นวัดร้าง เมื่อ 80-100 ปี ก่อน ในสมัยนั้นบริเวณนี้ยังเป็นป่าเขาอยู่ ก็จะมีสัตว์ป่าหลายชนิดเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเสือด้วย ชาวบ้านแถวนี้จะเห็นเสือกระโดดข้ามร่องน้ำไปมา ล่าเหยื่อบริเวณแหล่งน้ำแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้ชาวหมู่บ้านจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “ร่องเสือเต้น” และวัดร่องเสือเต้น ถูกสร้างขึ้นจากชาวบ้านที่ร่วมแรงร่วมใจกัน เนื่องจากบริเวณนี้ไม่มีวัดที่จะทำบุญในวันสำคัญของพุทธศาสนา จนมาถึงยุคปัจจุบัน ที่สล่านก ร่วมกับเจ้าอาวาสและชาวบ้านร่วมกันบูรณะสร้างวัดนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เริ่มสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548 สร้างเสร็จเมื่อ 22 มกราคม 2559 ใช้เวลาสร้าง 11 ปี หลังจากที่สล่านก ได้ขออนุญาตอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพื่อออกมาสร้างผลงานของตนเองแล้ว ก็เลือกจะมาสร้างผลงานที่วัดร่องเสือเต้น จึงได้ปรึกษากับพระอาจารย์ทนงศักดิ์ กตสาโร เจ้าอาวาสวัดในขณะนั้น ได้ร่วมกันคิดและร่วมกันสร้างงานศิลปะขึ้นที่วัดแห่งนี้ โดยแรงบันดาลใจในการสร้างวัด ได้รับอิทธิพลและแนวความคิดงานศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัยเป็นหลัก แต่สล่านกได้ประยุกต์งานศิลปะให้เป็นแบบฉบับของตนเอง ซึ่งวัดร่องขุ่นของอาจารย์เฉลิมชัยใช้ลวดลายศิลปะในโทนสีขาว และการใช้กระจกสีขาวในการสร้างงาน ส่วนสล่านก ใช้โทนสีน้ำเงินและสีฟ้า ในการสร้างงานศิลปะของตนเอง แต่ลวดลายต่าง ๆ ก็ยังคงใช้ลวดลายในแนวทางของอาจารย์เฉลิมชัยอยู่ ในงานบางชิ้น สลานก มีการผสมผสานระหว่างศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัยกับอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งเป็นศิลปินชื่อดังอีกท่านหนึ่งของจังหวัดเชียงรายนะครับ ศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี คือ รูปปั้นพญานาค อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี จะมีความโดดเด่นในเรื่องเขาและงาที่โค้งงออย่างสวยงาม จึงได้นำมาปรับปรุงและพัฒนางานของตนเองโดยให้มีความแหลมคมมากขึ้น จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ พระอุโบสถ ซึ่งด้านหน้าจะเป็นสีทองเหลืองอร่ามประดับด้วยลวดลายกนกที่สวยงาม ตรงหลังคาด้านบนจะเป็นสีแดงผสมน้ำตาลส่วนด้านหน้าอุโบสถก็จะมีพญานาค 2 ตัว ที่มีลวดลายงดงามตามงานศิลปะที่สล่านก ผสมผสานระหว่างงานศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัย กับ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ที่บ่งบอกถึงความเข้มแข็ง เขี้ยวเล็บแหลมคม ดูน่าเกรงขามแต่มีความพริ้วไหวแบบล้านนา ชูหัวต้อนรับผู้ที่เช้าชมพระอุโบสถแห่งนี้ ส่วนตัวอุโบสถด้านนอกจะเป็นสีน้ำเงิน ขอบประตูเป็นสีทองเหลืองอร่าม ด้านในพระอุโบสถประกอบด้วยลวดลายไทยวิจิตรสวยงาม ที่ใช้สีน้ำเงินกับสีฟ้าเป็นหลักและแต่งแต้มลวดลายด้วยสีทองสลับเป็นบางจุด ซึ่งทำให้ภายในพระอุโบสถดูร่มเย็นแต่สว่างไสวและเปล่งปลั่งด้วยสีทองที่รองรับกันอย่างสวยงาม สีน้ำเงินและสีฟ้าด้านในพระอุโบสถนั้น บ่งบอกถึงพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่กระจายไปทั่วโลก เป็นหลักคำสอนเหมือนท้องฟ้าที่สดใส ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานด้วย พระพุทธรัตนมงคลบดีตรีโลกนาถ สีขาวมุกขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร มีพระรอดลำพูนจำนวน 8,000 องค์ มีแก้วแหวนเงินทองถูกฝังใต้พระประธานองค์นี้ บริเวณพระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก และได้พระราชทานนามว่า พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ มีความหมายความว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก ด้านหลังของพระอุโบสถ มีพระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์ สูง 20 เมตร ซึ่งยอดของพระธาตุได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบท่องเที่ยวแบบสายทำบุญไปด้วย ชมงานศิลปะ จิตรกรรม สถาปัตยกรรม และประติมากรรม ที่สวยงามของวัดวาอารามไปด้วย น่าจะชอบวัดนี้นะครับ นอกจากเราจะมีความสุขกาย สบายใจ ที่ได้ทำบุญแล้ว เรายังได้ชื่นชมงานศิลปะที่เราชื่นชอบอีกด้วย นะครับ ภาพประกอบ โดย ครูชอวร์ วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ที่ 306 หมู่ 2 ถนนแม่กก อำเภอเมือ จังหวัดเชียงราย เปิดเข้าชมทุกวัน เวลา 7.00 - 20.00 น. การเดินทาง : จากสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงราย แห่งที่ 2 ระยะทาง 8.6 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 นาที : จากท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวครั้งต่อไปในจังหวัดเชียงราย จะเป็นที่ไหนนั้น รอติดตามกันนะครับ แล้วผมจะมาเขียนบทความให้เพื่อน ๆ ได้อ่านและได้ชมภาพบรรยากาศในครั้งต่อไป.