หลายคืนก่อนจดจ่อกับการดู Emily in Paris ทาง Netflix แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เขียนเรื่องราว เมื่อครั้งเดินทางไปฝรั่งเศส ฉากหนึ่งในซีรีย์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาเขียนเรื่องราวในครั้งนั้น ก็คือ ฉากที่ตัวละคร Mindy ร้องเพลง ‘La vie en rose’ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าภาษาฝรั่งเศส เมื่อขับกล่อมผ่านบทเพลงจะสวยงามและไพเราะได้ขนาดนี้ แล้วก็ค้นพบว่าฉันเองเป็นคนที่เชยมาก บทเพลงนี้เป็นบทเพลงคลาสสิกของ edith piaf ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 โอ้...นี่ฉันไปอยู่ที่ไหนมา ตอนนั้นที่ฟังยังไม่รู้ความหมายในเพลง La vie en rose แต่พอไปค้นหาความหมายทั้งที่แปลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทยก็พบว่า เป็นบทเพลงที่แสนจะโรแมนติก เหมาะกับทุกสิ่งทุกอย่างและทุกองค์ประกอบของความเป็นปารีส ย้อนกลับไปปี 2016 ฉันขับรถไฟความเร็วสูง TGV จากเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ไปปารีส เมื่อมาถึงปารีส ภายในสถานีเห็นเหล่าทหารชายหญิงถือปืนกระบอกใหญ่เดินไปมา ถ้าจำไม่ผิดช่วงปีราว ๆ นั้นมีเหตุการณ์ก่อการร้ายอยู่เนือง ๆ ทุก ๆ เมืองใหญ่ในโลกก็เลยค่อนข้างเข้มงวด เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟ ภาพแรกที่มองเห็นปารีส ในใจลึก ๆ ตอนนั้นมีความผิดหวังปนอยู่ อาจเพราะคิดมาตลอดเวลาว่าปารีสเป็นเมืองโรแมนติก ไม่พลุกพล่าน และไม่วุ่นวาย แต่สิ่งที่เห็นนั้นตรงกันข้าม ปารีสก็เหมือนเมืองใหญ่ทั่วโลก ผู้คนเดินขวักไขว่ โหวกเหวก พวกแกงค์ฮาเลย์จอดรถอยู่เรียงราย เหล่าแท็กซี่ร้องเรียกลูกค้า และถนนหนทางก็เต็มไปด้วยเศษบุหรี่ ถ้าอย่างนั้นแล้ว จะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ปารีส...เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ได้อย่างไร?? เช้าวันรุ่งขึ้นฉันมีความหวังและตื่นเต้นเป็นพิเศษ นั่นก็คือ การจะได้ไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าวันหนึ่งในชีวิตจะได้มีโอกาสเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งนี้ แน่นอน โมนาลิซา ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี คือ สิ่งพิเศษสุดสำหรับฉันในวันนี้ เราไปถึงพิพิธภัณฑ์แต่เช้า สถานี the Palais Royal-Musee du Louvre เป็นสถานีที่เข้าสู่พิพิธภัณฑ์ได้เลย ลูฟวร์ใหญ่โต โอ่โถง ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยผู้คนหลายชาติหลายภาษา ผลงานศิลปะอันล้ำค่าและมีคุณค่าอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ รูปปั้นเทพีวีนัส (Venus de Milo) เทพวีนัส (หรืออะโฟรไดท์) เป็นเทพีแห่งความรัก ความงาม ความอุดมสมบูรณ์ที่เราน่าจะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามบ่อยที่สุด Venus de Milo เป็นรูปปั้นที่สัดส่วนงดงาม สูง 2 เมตร แต่ไม่มีแขนทั้งสองข้าง แกะสลักจากหินอ่อนทั้งหมด คาดว่าปั้นสมัยกรีกตั้งแต่เมื่อกว่าร้อยปีก่อนคริสตศักราช รูปปั้นเทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ (The Winged Victory of Samothrace) ประติมากรรมชั้นเลิศ คาดว่าสร้างตั้งแต่ 300 ปีก่อนคริสตกาล รูปร่างเทพีไร้ศีรษะจึงมีความแปลกกว่ารูปปั้นทั่วไป มาค้นหาข้อมูลก็ได้คำตอบที่สงสัย จึงขอคัดเนื้อหาใจความว่าที่ค้นเจอมาว่า “เทพีองค์นี้ ถูกค้นพบบนเกาะซาโมเทรซ ประเทศกรีซ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1863 ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการสรรเสริญชัยชนะของเหล่าทหารในสงคราม ณ ซาโมเทรซ ส่วนเรื่องศีรษะยังไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น เมื่ออ่านชื่อของเทพีองค์นี้พบว่าพ้องกับแบรนด์กีฬาไนกี้ ซึ่งแบรนด์ไนกี้มีต้นกำเนิดแรงบันดาลใจจากเทพีองค์นี้ อีกทั้งสัญลักษณ์ของไนกี้ก็ดัดแปลงมาจากปีกที่กระพือไปด้านหลังอันสวยงามของเทพีองค์นี้นั่นเอง” (ข้อมูลจาก featureinc) ในที่สุดฉันมาถึงจุดที่ใครบางคนรอคอยฉันอยู่ ภาพแสดง ณ เบื้องหน้าตอนนี้ คือ Mona Lisa หนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ผลงานชิ้นเอกของ Leonardo da Vinci (เลโอนาร์โด ดา วินชี่) ภาพของเธออยู่ในกรอบขนาดเล็ก อยู่ภายในตู้กระจกปรับอากาศ เนื่องจากมีความละเอียดอ่อนในการดูแลรักษา ฉันเคยสงสัยว่าแค่ภาพผู้หญิงเพียงภาพหนึ่งนี้ เหตุใดคนทั่วโลกถึงต่างพูดถึงมานานแสนนาน และถูกนำไปดัดแปลงล้อเลียนมากมาย ภาพที่ดูผ่านจากสื่อต่าง ๆ ก็ไม่ได้เห็นมีสิ่งใดพิเศษเลย แต่เชื่อหรือไม่ว่า Mona Lisa ที่อยู่ต่อหน้าฉันตอนนี้ คือ ภาพเขียนที่สวยสดงดงามมาก ฉันไม่ได้เป็นนักศิลปะ ไม่สามารถให้คำอธิบาย สี เส้น การวาดในเชิงศิลป์ได้ ฉันแค่อยากจะบรรยายถึงความรู้สึกในแบบที่ฉันมีต่อภาพเขียนชิ้นนี้ Mona Lisa เป็นภาพผู้หญิงที่แสนจะอ่อนโยน รอยยิ้มของเธอช่างอ่อนหวาน สายตาที่นิ่ง จ้องมองผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนเธอ เธอดูเป็นคนเรียบง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับภายในรอยยิ้มที่อ่อนหวานนั้น ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า ภาพเขียนนี้จะมีพลังดึงดูดความรู้สึก เป็นภาพที่สวยงามและนุ่มนวล สมคำร่ำลือกับการเป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์และศิลปะระดับโลก ภาพเขียน Mona Lisa ช่างจับใจยิ่งนัก ภาพที่ฉันเคยเห็นผ่านสื่อต่างๆแล้วมีข้อสงสัย สลายลงในวินาทีนั้น เราไปต่อในปารีส ต้องบอกเลยว่าปารีสเป็นเมืองที่มีอาหารแสนจะอร่อยและถูกปากถูกใจ แล้วร้านอาหารก็มีมากมายให้เลือกสรร ฉันนึกถึง Gabriel เชฟหนุ่ม พระเอกของเรื่อง Emily in Paris ก็ได้แต่แอบยิ้มหวานอยู่ในใจ Gabriel สุดหล่อ มีเสน่ห์ และแสนน่ารักคนนี้ ทำให้ใครหลายคนตกหลุมรัก รวมฉันด้วยหนึ่งคน ถ้ามีร้านของเชฟหนุ่มคนนี้อยู่จริง ก็คงจะเนืองแน่นไปด้วยสาวน้อยและสาวใหญ่ ร้านส่วนใหญ่ในปารีสจะจัดเก้าอี้และโต๊ะเล็ก ๆ บริเวณภายนอก (Outdoor) ชาว Parisien นั่งตากแดด จิบกาแฟ กินอาหารแล้วก็มองดูผู้คนภายนอกเดินไปมา ฉันแอบนึกขำ ถ้าเป็นประเทศไทยแล้ว เราคงนั่งตากแดดไม่ไหว ขอเลือกนั่งข้างในติดแอร์ไว้ก่อน ภาพแบบปารีสนี้ก็เลยไม่ค่อยจะคุ้นเคยนัก พูดถึงแสงแดด เราคนไทยเดินไปมาไหน แดดส่องหน้า ความคุ้นชินของผู้หญิงไทยในแบบเรา ส่วนใหญ่ก็ยกมือป้องหน้าไว้ ฉันก็ทำ...ที่ปารีสนี่แหล่ะ แต่ฉันไม่เห็นฝรั่งสักคนทำแบบเราเลย เดินไปสักพัก โอ้...มีคนยกมือป้องหน้าเหมือนกัน พอเธอคนนั้นเดินมาใกล้ ๆ อ้าว...คนไทยนี่เอง เมื่อมาปารีสถ้าไม่เห็นหอไอเฟล (Tour Eiffel) ก็คงเหมือนมาไม่ถึง สถานที่มหาชนเช่นนี้ก็ย่อมแน่นไปด้วยผู้คนเช่นเคย เราอยากขึ้นไปบนหอไอเฟล แต่เห็นคิวที่ผู้คนต่อ ก็ขอถอดใจ หอไอเฟลสวยสมคำร่ำลือ เป็นสถาปัตยกรรมที่จัดวางไว้ได้อย่างเหมาะเจาะ ทุกมุมคือมุมที่ถ่ายภาพได้ และก็ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะถ่ายตรงมุมไหน ภาพก็ออกมาสวยทั้งหมด La vie en rose เป็นบทเพลงแห่งความรักที่สวยงามและโรยด้วยกลีบกุหลาบ ปารีสมีทั้งเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ สวยงาม มีเสน่ห์เย้ายวนหัวใจ น่าหลงใหล น่าสัมผัส แต่ก็มีอีกมุมที่ไม่เป็นเช่นนั้น ชีวิตที่แท้จริงก็เช่นกัน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่ต้นจนจบ ยกเว้นแต่ว่า เราเลือกมองมุมไหนให้เห็นชีวิตที่สวยงาม วันนั้นถ้าฉันที่ยืนอยู่บนถนนในปารีส แล้วเลือกมองความสับสนวุ่นวายของผู้คน ความสกปรกของบ้านเมือง ปารีสของฉันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าฉันเลือกมองในมุมที่เห็นความสดใส มองเห็นความอ่อนโยนในแววตาของโมนาลิซา มองเห็นลูฟวร์ มองเห็นหอไอเฟลที่ยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่มองเห็น Gabriel ผู้อยู่ในหัวใจ เมื่อนั้นปารีสในใจฉันก็จะโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน บทเพลงและท่วงทำนอง La vie en rose ยังขับขานอยู่ใจ และจะอยู่ตลอดไป เพื่อให้หวนนึกถึงปารีสอีกครั้ง “... Quand il me prend dans ses bras, Il me parle tout bas, Je vois la vie en rose…” (ภาพประกอบทั้งหมด โดย ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !