สะพานข้ามกาลเวลา ชื่อสถานที่ที่อาจฟังดูเหมือนสถานที่นวนิยาย หลายคนคงนึกว่าสถานทีนี้อาจจะมีตำนานหรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักของชายหญิงที่ข้ามกาลเวลา ประมาณเรื่องบุพเพสันนิวาสหรือทวิภพ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย สถานที่แห่งนี้เพิ่งสร้างขึ้นได้ไม่นาน และผู้เขียนเองก็ไปที่นี่เป็นครั้งแรก เพราะสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดถึงเรียกว่า “สะพานข้ามกาลเวลา” มาร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อม ๆ กับการเดินทางครั้งนี้กัน... สะพานข้ามกาลเวลาตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล พื้นที่เป็นภูเขาที่อยู่ติดกับทะเลอันดามัน เนื่องจากเป็นเขตอุทยาน การเข้าไปจึงมีค่าบริการเข้าอุทยาน ดังนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท และเด็ก 10 บาท นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์) 20 บาท รถจักรยานยนต์ไม่คิดค่ายานพาหนะ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อยเราก็เดินเข้ามา ในอุทยานสะอาดสะอ้าน มีต้นไม้ใหญ่อยู่รอบ จากนั้นเราก็เดินมาตามป้ายบอกทาง จากนั้นทางเดินจะเป็นสะพานที่พาเราไปยังเขตข้ามกาลเวลา ช่วงเวลาที่ผู้เขียนไปคือ 17.30 น. ซึ่งช่วงเวลา 13.00-17.00 น. จะเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จนสะพานเต็มไปด้วยผู้คน และลานจอดรถไม่เพียงพอ ข้อดีของการมาเวลานี้คือมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก บรรยากาศเย็นสบาย และสามารถชมพระอาทิตย์ตกจากจุดที่เป็นสะพานข้ามกาลเวลาอีกด้วย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ระยะทางของสะพานข้ามกาลเวลายาวทั้งหมด 3 กม. แต่เราเดินมาถึงแค่จุดเช็คอินยอดนิยมของจังหวัดสตูลในขณะนี้ นั่นคือเขตข้ามกาลเวลา ระยะทางเดินประมาณ 1 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที แต่ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเพราะบรรยากาศมีลมทะเลพัดเย็นสบาย ชมพระอาทิตย์ตกดิน และแวะถ่ายรูปได้อยู่เป็นระยะ ๆ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) แสดงให้เห็นลักษณะหินทั้งสองฝั่งที่แตกต่างกัน และเราก็พบคำตอบ สาเหตุที่เรียกว่าสะพานข้ามกาลเวลา เพราะบริเวณเขตข้ามกาลเวลาเป็นภูเขาที่มีรอยต่อระหว่างหินปูนสีเทาและหินทรายสีแดง ซึ่งหินทั้งสองชนิดที่อยู่ติดกันนี้เป็นหินคนละชนิดกันและเกิดในยุคที่แตกต่างกันด้วย หินปูนสีเทาเกิดในยุคออร์โดวิเชียน อายุประมาณ 485-444 ล้านปี ส่วนหินทรายสีแดงเกิดในยุคแคมเบรียนที่เก่าแก่กว่า อายุประมาณ 541-485 ล้านปีมาแล้ว การที่หินคนละยุคมาอยู่ใกล้กันเกิดจากการการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลกตามธรรมชาติ เสมือนกับว่าเราสามารถข้ามเวลาจากยุคแคมเบรียนไปสู่ยุคออร์โดวิเชียนได้เพียงแค่เดินผ่านก้าวเดียว ถือเป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นและหาดูได้ยาก บริเวณจึงใช้ชื่อว่าเขตข้ามกาลเวลา และให้สะพานที่ทอดยาวผ่านหินเหล่านี้ว่า สะพานข้ามกาลเวลา สะพานข้ามกาลเวลาเหมาะสำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรณีศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจ นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรายังมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่าที่ยังมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อเข้าพักในที่พักหรือกางเต็นท์ในบริเวณอุทยานได้อีกด้วย เพื่อให้สามารถสัมผัสทั้งธรรมชาติอันสวยงามได้รับความรู้และประสบการณ์ไปพร้อมกัน หากมีโอกาสลองมาข้ามกาลเวลากันสักครั้งในชีวิต