THE BIG BUDDHA ชวนไหว้พระใหญ่ เมืองภูเก็ตภาพโดย : ผู้เขียนวันนี้ ผู้เขียนจะพาไปเยี่ยมชมนมัสการสิ่งที่ถือว่าเป็นความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของชาวภูเก็ต สถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกที่รู้จักกันทั่วโลกว่า "The Big Buddha" หรือ "พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี" เรียกสั้น ๆ ว่า "พระใหญ่" ตั้งอยู่บนยอดเขานาคเกิด เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปแบบร่วมสมัย ขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร ความสูง 45 เมตร โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว จากพม่า น้ำหนักเฉพาะหินอ่อน หยกขาวประมาณ 135 ตัน หรือประมาณ 2,500 ตารางเมตร สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดในการมาเยี่ยมชมและอยู่ในโปรแกรมหลักของบริษัททัวร์ทุกแห่งเลยก็ว่าได้วันนี้เป็นวันหยุดเช่นเคยของผู้เขียน ซึ่งเป็นวันที่ผู้เขียนจะได้มีเวลาในการออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เช้านี้... ประมาณแปดโมงเช้าแล้ว รีบออกจากบ้านด้วยมอเตอร์ไชด์คันเก่าคู่ใจ มาลุ้นกันว่าจะขึ้นเขานาคเกิดรอดหรือไม่ เพราะเป็นเขาที่มีความสูง บางช่วงมีความชัน รวมถึงสภาพถนนที่กำลังมีการปรับปรุงในหลาย ๆ จุดบนเขาระหว่างทางแวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งริมทางกินรองท้องไปก่อน เพื่อจะได้ไม่หิวระหว่างทำภารกิจหลักของวันนี้ นั่นก็คือไปถ่ายรูปองค์พระใหญ่และบริเวณใกล้เคียง เพื่อนำรูปมาทำปฏิทินของที่ทำงาน เหตุเพราะไม่อยากนำภาพของคนอื่นจากในเว็บไชต์ต่าง ๆ มาใช้งานนั่นเอง การเดินทางจากตัวเมืองไปวัดพระใหญ่ หากไม่มีรถส่วนตัว ก็สามารถเดินทางไปได้โดยรถแท็กซี่ หรือรถโดยสารสาธารณะรถโพถ้อง เส้นที่ผ่านวัดฉลอง-ห้าแยก-ราไวย์-กะรน ลงรถได้ที่ปากซอยยอดเสน่ห์ แล้วติดต่อรถเข้าไปเพื่อขึ้นไปบนเขา จะนำรถขึ้นไปเองต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพราะเป็นเขาสูง ที่ผ่านมาเคยมีอุบัติเหตุรถตกเขามาบ้างแล้ว จะให้ดีใช้บริการรถแท็กซี่ในพื้นที่จะปลอดภัยกว่านะครับระหว่างทางขึ้นเขาจะมีปางช้าง ให้เราได้เยี่ยมชมฟรีเพียงแค่ด้านหน้าเท่านั้น แต่หากจะใช้บริการมากกว่านั้นจะต้องเสียค่าบริการตามโปรแกรมที่ปางช้างกำหนดไว้ เช่น การขี่ช้าง ให้อาหารช้าง สปาช้าง ช้างโชว์ หรือ ขี่ ATV เป็นต้น สามารถติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ปางช้างนั้น ๆ ได้เลย ภาพโดย : ผู้เขียนจะให้ทุกคนได้ชมวิวจากจุดชมวิวปางช้างกันคร่าว ๆ ก่อน ก่อนที่เราจะขึ้นไปต่อเพื่อชมพระใหญ่ที่อยู่บนยอดเขานาคเกิดแห่งนี้ภาพโดย : ผู้เขียนตอนนี้ทั้งบิดทั้งหมุน ดีที่ยังไม่ได้เข็นรถเครื่องเก่า ๆ มาถึงจุดชมวิวปางช้างได้ ก็น่าจะขึ้นไปถึงยอดเขาได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลองเอาคันนี้ขึ้นมา หลัก ๆ ดันเกียร์ 1 อย่างเดียวเลย ไม่งั้นขึ้นไม่รอดแน่ ๆ ครับ กลับลงไปคราวนี้สงสัยได้เข้าร้านซ่อมใหญ่เป็นแน่ ๆ ... เราไปกันต่อดีกว่า อีกไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะถึงยอดเขาระหว่างที่เรากำลังขึ้นไปจะมีรถนักท่องเที่ยว ทั้งรถแท็กซี่ รถตู้ รถตุ๊ก ๆ หรือ รถส่วนตัว ที่แซง และ สวนทางกลับลงมาเป็นระยะ ๆ วันนี้อากาศสดใสดีท้องฟ้าเปิด เราคงได้รูปสวย ฟ้าใส แน่ ขี่ไป ชมวิวรอบ ๆ ข้างไป รถเราไปเร็วไม่ได้ เริ่มสูงเราจะยิ่งได้เห็นวิวรอบทิศได้มากขึ้น สักพักเราก็ได้มองเห็นองค์พระองค์ใหญ่เด่นเป็นสง่า จากทางขึ้นจะมองเห็นแค่ด้านหลังองค์ท่าน หาที่จอดรถกันก่อน ตรงที่จอดรถเราได้นั่งพักดื่มน้ำสักครู่ให้หายเหนื่อยเพราะอากาศตอนนี้แม้จะสดใสแต่ก็ร้อนอบอ้าวเหงื่อไหลทั่วกายกันเลยทีเดียว หยิบเอาอุปกรณ์ถ่ายรูปออกมาเตรียมพร้อมที่จะเดินเข้าไปด้านใน เช็ด ๆ ถู ทั้งกล้อง ทั้งเลนส์ กันสักนิด...ภาพโดย : ผู้เขียนเมื่อหายเหนื่อยเราก็เดินเข้าไป ทางเดินจะอยู่เลียบด้านข้างองค์พระ ก่อนทางเข้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยแจ้งนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่แต่งกายไม่สุภาพ จะต้องยืมผ้าถุงที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้มาสวมใส่ให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในได้ สำหรับนักท่องเที่ยวไทยคงไม่มีปัญหาแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะไม่ได้ตระหนักกันมากนักในเรื่องนี้ เมื่อเข้าไปถึงลานด้านหน้าองค์พระ จะมีจุดให้ได้ยืนชมวิวทะเลที่อยู่ไกล ๆ นั่นน่าจะเป็นอ่าวฉลอง เราก็เริ่มทำการเก็บภาพไปเรื่อย ๆ เอาให้เยอะแล้วค่อยมาคัดอีกทีเวลาไปใช้งาน กว่าจะได้ขึ้นมาถึงนี่มันยากลำบากโดยเฉพาะรถเก่า ๆ อย่างรถเรา วิวตรงหน้าคือทะเลแต่ด้านหลังเมื่อหันกลับมาจะเห็นบันใดขึ้นไปสู่องค์พระใหญ่ที่อยู่ข้างบน สองข้างบันไดจะมีปูนปั้นรูปพญานาคประดับไว้อยู่ หากการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์คงจะสวยงามไม่น้อย จุดที่น่าสนใจ และสะดุดตาสะดุดใจ ไม่น้อยกว่าองค์พระนั่นก็คือ ป้ายที่ออกแบบมาคล้าย ๆ ป้ายหลักกิโล เขียนข้อความเลข "Big Buddha Phuket 0 สุญญตา Sunnata" ซึ่งมีความหมายว่า คือ ความว่างเปล่า ความเป็นของสูญ คือความไม่มีตัวตน ถือเอาเป็นตัวตนไม่ได้ ผู้เขียนความหมายของชอบจุดนี้มาก...ภาพโดย : ผู้เขียนเก็บภาพโดยรอบสักพักก็เดินเข้าไปด้านในใต้ฐานองค์พระใหญ่ จะมีพื้นที่ให้ทุกคนได้มานั่งสมาธิ ทำบุญ อธิษฐานกัน ณ จุดนี้ แต่ผู้เขียนไม่ได้เน้นภาพตรงจุดนี้มากนัก และไม่อยากรบกวนคนอื่นที่กำลังปฏิบัติธรรมกันอยู่จึงรีบเดินผ่านออกมาด้านนอกทะลุด้านหลังขององค์พระใหญ่ภาพโดย : ผู้เขียนเมื่อออกมาจะเจอพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่สององค์ ปางนาคปรก 1 องค์ และจะมีมุมของต้นโพธิ์ ให้ทุกคนได้นั่งพักกาย คลายร้อนกัน ก่อนที่จะเดินทางกันต่อ ระหว่างนั้นมีน้องวานรออกมาเดินทักทายนักท่องเที่ยวพร้อมขออาหารเครื่องดื่มจากคนที่อยู่บริเวณนั้น บางคนก็ออกอาการกลัว แต่วานรเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำันตรายใด ๆ กับใคร บางตัวก็นั่งสบาย ๆ บนกิ่งไม้... ภาพโดย : ผู้เขียนพักหายเหนื่อยสักพัก คิดว่าได้รูปมาพอประมาณแล้ว ผู้เขียนเดินดูอาคารโดยรอบบริเวณองค์พระก่อนกลับ ก็เกิดความประทับใจหนึ่งเหตุการณ์เข้ามา เมื่อเจอนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในภาพ ถือสังฆทาน เพื่อนำมาถวายพระ ถ้าเป็นคนไทยอย่างเรา ๆ ก็ถือว่าปกติธรรมดาเพราะเราเป็นเมืองพุทธ หรือ เขาเหล่านั้นก็เป็นพุทธศาสนิกชนเหมือนพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม การทำบุญ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอทั้งผู้ทำ ผู้รับ และผู้พบเห็น... สรุปการเดินทางมาทำภาระกิจถ่ายรูปและนมัสการองค์พระใหญ่ในวันนี้ ถือว่าเหนื่อยร้อน แต่คุ้มค่า อิ่มใจ กับสิ่งที่ได้พบได้เจอเป็นอย่างมาก สำหรับท่านที่สนใจจะมาเยี่ยมชมต้องวางแผนให้ดีนะครับว่าจะมาด้วยยานพาหนะไหน เพราะการเดินทางขึ้นเขานาคเกิดนี้ มีจุดที่เป็นอันตรายอยู่บ้างโดยเฉพาะช่วงขาลง หากเป็นไปได้ให้ติดต่อรถของท้องที่นำพาขึ้นมาจะปลอดภัยกว่า สำหรับเวลาเปิดปิดที่เข้าชมได้คือ 06:00 - 19:00 น. การเดินทางจากตัวเมืองถนนเจ้าฟ้านอก เลยวัดฉลอง 800 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยยอดเสน่ห์ (ระยะทางขึ้นเขา 6 ก.ม.) หรือจากวงเวียนห้าแยกฉลองถนนเจ้าฟ้านอก ระยะทาง 1 ก.ม. เลี้ยวซ้ายเข้าซอยยอดเสน่ห์ (ระยะทางขึ้นเขา 6 ก.ม.) ทางขึ้นค่อนข้างจะลาดชันรถสามารถขึ้นได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ฝากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งไว้ไว้ด้วยนะครับ