หากคุณเป็นคนชอบเที่ยววัดไทยและโบสถ์ฝรั่ง เราแนะนำให้มาที่บางปะอิน มีอยู่วัดนึงที่เป็นวัดไทยแต่สถาปัตยกรรมเลียนแบบโบสถ์คริสต์ มาวัดนี้นอกจากได้ไหว้พระแล้วยังได้ถ่ายรูปสวยคู่กับอาคารเก่าแบบตะวันตกอีกด้วย วัดที่ว่านี้คือ "วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร" ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ตรงข้ามกับวังบางปะอินโดยมีแม่น้ำเจ้าพระยากั้นอยู่ ที่วัดแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบกอธิค ซึ่งลักษณะคล้ายกับโบสถ์คริสต์ การจะมาวัดนี้ไม่ได้มากันแบบธรรมดาทั่วไปได้นะจะบอกให้ เพราะวัดนั้นตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะฉะนั้นเราต้องเดินทางข้ามแม่น้ำด้วยการนั่งกระเช้าที่บรรทุกคนได้ประมาณ 5-6 คน นับว่าเป็นการเปิดทริปที่น่าตื่นเต้น ปลุกความตื่นตูมในตัวคุณ 5555 มันก็ไม่ได้หวาดเสียวอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะคุณ รับรองว่ากระเช้าของวัดมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับจำนวนคนได้ตามที่กำหนด เมื่อถึงฝั่งวัดก็จะมีความโคลงเคลงเล็กน้อย เพราะกว่ากระเช้าจะเข้าล็อคได้ก็ต้องใช้เวลานิดหน่อย เมื่อก้าวข้ามขึ้นมาบนฝั่งแล้วทุกอย่างก็ปลอดภัยพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก 555 ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น ในระหว่างที่เราเดินเลียบแม่น้ำอยู่ตรงด้านนอกกำแพงวัด เราจะได้แลเห็นกุฏิพระที่มีสีสันหวานชมพูพาสเทล สวยงามน่าอยู่ ไม่สิ เราจะไปอยู่ได้อย่างไร ดูดูไปแลดูคล้ายทาวน์เฮาส์เหมือนกันนะ หลังจากเข้าไปในบริเวณวัดนิเวศธรรมประวัติฯ แล้ว อาคารสีเหลืองที่ชวนให้สะดุดตาจนต้องหยุดถ่ายรูปคือ "พระตำหนักสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ" ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นกุฏิเจ้าอาวาส แต่มีพื้นที่เล็กเกินไปจึงได้ปรับเป็นพระตำหนักประทับสำหรับสมาชิกในราชกุลที่ทรงผนวช ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เจ้าจอมมารดาชุ่ม พระสนมเอก) ได้ประทับจำพรรษาเป็นพระองค์แรก เมื่อครั้งผนวชในปี พ.ศ.2426 ในที่สุดก็เดินมาถึงตัวอุโบสถเสียที ภายในอุโบสถไม่เหมือนกับวัดไทยทั่วไป แต่ให้อารมณ์แบบโบสถ์คริสต์มากกว่า เนื่องจากวัดนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงที่สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลศิลปะจากตะวันตก รวมถึงพระอุโบสถของวัดแห่งนี้ด้วย ภายในประดิษฐาน "พระพุทธนฤมลธรรโมภาส" ซึ่งเป็นพระประธานอยู่ภายในพระอุโบสถ ศิลปะภายในถูกออกแบบตามประเพณีนิยมบวกกับศิลปะแบบตะวันตกเข้าด้วยกัน สวยงามมากค่ะ และสิ่งที่ประทับใจมากขึ้นไปอีกคือมีการปล่อยแสงสีภายในพระอุโบสถเป็นสีต่างๆ สลับกันไป ทำให้การมาเยี่ยมชม ณ วัดแห่งนี้มีความพิเศษอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มาทางไหนก็กลับทางนั้น กลับทางกระเช้าข้ามแม่น้ำเหมือนเดิม และแล้วก็จบทริปวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหารลงอย่างสวยงาม ยังคงมีวัดไทยสวยๆ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกมากมายนัก เอาไว้หลังโควิดหายไปเมื่อไหร่ เราคงได้ตะลอนทัวร์ชมวัดเก่าที่เมืองอยุธยาอีกเป็นแน่แท้ เพราะชีวิตคือการเดินทาง ความหมายของชีวิตเก็บเกี่ยวได้จากเส้นทางระหว่างทางเดิน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ปล.ทุกภาพในรีวิวนี้ถ่ายโดยผู้เขียน