น่าน...เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเชิงวัฒนธรรม ช่วงที่เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาวอากาศทางโซนภาคเหนือค่อนข้างเย็นสบายจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้คนไปเยือนจังหวัดน่านกัน และเราเป็นหนึ่งในนั้นด้วยความที่ยังไม่เคยไปเที่ยวทางภาคเหนือเลย...ดอยเสมอดาว จังหวัดน่านเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว อาจเป็นเพราะเมื่อช่วงต้นปี 2562 ไปปีนภูกระดึงมากระมัง ช่วงปลายปีเลยต้องมีอีกสักที่ ก่อนออกเดินทางเราต้องศึกษาข้อมูล สถานที่พักและการเดินทางกันก่อน ดอยเสมอดาว อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่านซึ่งเราได้ทำการจองเตนท์กับทางอุทยานไว้ก่อนแล้ว และแนะนำสำหรับท่านที่ต้องการไปดอยเสมอดาวให้จองที่พักไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด การเดินทางของเราเริ่มที่หมอชิตนั่งรถกรุงเทพ-น่าน ไปลงที่เวียงสา ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง เมื่อถึงเวียงสาแล้ว ต้องต่อรถไปยัง อ.นาน้อย เพื่อไปดอยเสมอดาวต่อ รถออกตามช่วงเวลา ช่วงที่รอรถเราได้เดินดูรอบ ๆ อากาศยามเช้าที่นี่ค่อนข้างเย็น มีหมอกน้อย ๆ และเงียบสงบมาก บ้านเรือนแบบผสมผสานศิลปะทางภาคเหนือสวยงามมาก รถจากเวียงสาไปยังนาน้อยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และจอดให้ลงตรงทางแยกไปดอยเสมอดาว จากนั้นเหมารถขึ้นดอยกัน เราใช้บริการของน้าติ่ง คุณน้าคุยสนุกและเหมือนเป็นไกด์นำทางให้เราไปในตัว ก่อนขึ้นดอยน้าติ่งได้พาเราแวะซื้อของกินของใช้และแวะเที่ยวที่ เสาดินนาน้อย-คอกเสือ อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาด เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเลยก็ว่าได้ คล้าย ๆ แพะเมืองผี เป็นเสาดินขนาดใหญ่ยกตัวสูงขึ้นมาจากพื้นดิน ที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำและฝนเป็นเวลาหลายพันปี มีการสันนิษฐานว่าเสาดินนาน้อยมี อายุประมาณ 30,000-10,000 ปีเลยทีเดียว สำหรับคอกเสือ น้าติ่งเล่าให้ฟังว่าในอดีตมีเสืออาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และจะมาขโมยเอาวัว ควาย และหมูของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้กินเป็นอาหาร ชาวบ้านจึงรวมกำลังไล่ต้อนเสือให้ตกลงไปในบ่อดินดังกล่าว แล้วใช้ก้อนหินและไม้แหลมขว้างและทิ่มแทงเสือจนตาย เขาจึงเรียกบริเวณนี้ว่า “คอกเสือ” เราแวะถ่ายรูปที่นี่กันสักพัก แดดแรงแต่ก็ไม่หวั่นเพราะเราอยากได้ภาพสวย ๆ ออกจากเสาดินนาน้อยก็มุ่งไปยังดอยเสมอดาว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเสียค่าเข้าอุทยาน 20 บาท นัดแนะกับน้าติ่งเรื่องวันและเวลาลงจากดอยเสร็จสรรพก็ไปจัดการเรื่องที่พักที่จองไว้ล่วงหน้า ยังมีเวลาเหลือเยอะมากหลายชั่วโมงก่อนที่จะไปชมพระอาทิตย์ตก เราจึงเดินลงจากดอยไปเที่ยวชมร้านค้า ร้านอาหารและจุดชมวิวอื่น ๆ ที่งดงามไม่แพ้บนดอยเลย ที่นี่ถึงแม้ถนนหนทางจะทำดีแล้ว แต่ก็มีรถวิ่งน้อยมากส่วนใหญ่เป็นรถของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเท่านั้น ทำให้ยังคงเงียบสงบและใกล้ชิดธรรมชาติอยู่ดี ใกล้เวลาที่พระอาทิตย์จะตกแล้วเราจึงรีบกลับขึ้นดอยเพื่อไปจับจองจุดชมวิวบนเนินใกล้กับ “ผาหัวสิงห์” บนเนินนี้สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศาเลยทีเดียว หันหน้าไปทางที่พระอาทิตย์ตก อีกด้านจะเห็นเป็นแม่น้ำน่านคดเคี้ยวผ่านภูเขาอยู่ไกล ๆเมื่อพระอาทิตย์ลาลับไปแล้ว ความมืดก็คลืบคลานและความหวังเล็ก ๆ ของเราคือ การดูดาวและได้เห็นทางช้างเผือก เราไปที่เนินจุดชมวิวเหมือนเดิมนั่งอยู่ท่ามกลางอากาศที่กำลังเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป ดาวกระจ่างเต็มฟ้าเลย มีจุดดาวขาว ๆที่รวมกลุ่มกันอยู่เป็นทาง ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองมั้ยว่ามันคือ ทางช้างเผือก แต่สวยงามมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่มีเสียงลมพัดเอื่อย ๆ เสียงพูดคุยเล็กน้อย เสียงดนตรีที่แผ่วเบา ความรู้สึกข้างในนั้นอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้อยู่ในที่ที่เหมาะกับตัวเอง ผ่อนคลายและไม่อยากขยับไปไหนเลย... เช้าแล้ว...ไปที่จุดวิวที่เดิมเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น ก่อนที่พระอาทิตย์จะมา ทะเลหมอกหนามากลอยตัวเหนือแม่น้ำน่านปกคลุมภูเขาและพื้นที่ด้านล่างทั้งหมด เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องค่อย ๆ โผล่พ้นหมู่เมฆ หมอกค่อย ๆ เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆเพื่อเปิดให้แสงอาทิตย์ได้เฉิดฉายเป็นภาพที่งดงามน่ามองมาก เป็นเช้าวันหนึ่งที่ดีที่สุด เหมือนได้รับพลังงานบวกและทำให้ชีวิตเราขับเคลื่อนไปข้างหน้าต่อไปได้ ใกล้ได้เวลานัดกับน้าติ่งแล้ว จึงกลับไปเก็บของทำการคืนเตนท์และอุปกรณ์ที่เช่ามาให้กับทางอุทยาน เมื่อน้าติ่งมารับก็ขึ้นรถและลงจากดอยกัน ระหว่างทางอากาศก็ยังคงเย็นสบายเหมือนเดิม สองข้างทางต้นไม้เขียวชอุ่ม ยังมีหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่เลยผ่านหมู่บ้าน ผู้คนเริ่มออกมาทำกิจวัตรประจำวันกันชาวบ้านที่นี่ทำเกษตรกรรมกันเป็นส่วนใหญ่ และบ้านเรือนจะสร้างในรูปแบบคล้ายกัน มองดูไม่เห็นถึงความวุ่นวายเลยสักนิด...ความรู้สึกไม่อยากกลับเกิดขึ้นในหัว แต่สำหรับ 2 วัน 1 คืนที่นี่ก็ทำให้เราได้สัมผัสความสุขที่แท้จริง เหมือนได้ชาร์จพลังให้ตัวเองแล้ว...ถ้ามีโอกาสจะมาหาอีกนะ...รักเธอเสมอดาว ภาพถ่ายทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน ติดตามเพจ Times Travel เธอ ฉัน เรา เที่ยว