การที่ได้เที่ยวฮานอยอย่างเต็มอิ่มเต็มที่แล้วจนหมดที่จะให้เที่ยว หรือแม้แต่การขึ้นไปเที่ยวที่ตอนเหนือของประเทศเวียดนามแล้วก็ตาม จึงทำให้ดิฉันอยากที่จะเที่ยวจังหวัดอื่นของเวียดนามด้วยเช่นกัน ทั้งเพื่อนและดิฉันจึงได้ตัดสินใจการเดินทางในครั้งนี้ที่จังหวัด ดานัง ที่เที่ยวในความฝันของใครหลาย ๆ คน ในการเที่ยวครั้งนี้ก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากมายเช่นเคยค่ะ เพียงแค่เมื่อถึงที่ก็ออกเดินรอบเมือง สัมผัสกับความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่นที่ดูอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่การเที่ยวดานังในวันแรกของพวกเราไม่ได้มีอะไรมากแต่กลับมีความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเวียดนามและพระมหาจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ จึงได้สนใจที่จะไปเยี่ยมชมพระราชวังเว้ มรดกโลก ที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองดานังประมาณ 2 ชั่วโมง (ความพยายามสูงที่จะไปให้ได้ งงกับตัวเองนิด ๆ ค่ะ) ซึ่งไม่ไกลมากสำหรับพวกเรา ทางเราได้ให้ทางโรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ในราคาไปกลับ 125 ดอลลาร์ (ดิฉันขอจ่ายเป็นดอลลาร์รวมค่าห้องค่ะ) (ภาพจากนักเขียน) พระราชวังเว้ ตั้งอยู่ที่เมืองเถื่อเทียนเว้ การเข้าชมในราคาตั๋ว 20,000 ดอง พระราชวังเป็นดั่งพระราชวังต้องห้าม ที่คนนอกห้ามเข้าคนในห้ามออกในอดีตกาล สถานที่ของกษัตริย์เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เพราะถือกันว่ากษัตริย์เป็นบุตรแห่งเทพ (ความคลายแบบกษัตริย์จีน) มิอาจมีใครฝ่าฝืนเข้าไปได้ พระราชวังแห่งนี้ตั้งขึ้นโดยกษัตริย์ยาลอง ดิฉันจะไม่ขอกล่าวประวัติความเป็นมาของพระราชวังเว้มากสักเท่าไร แต่จะขอเล่าถึงความรู้สึกที่ได้มาเยือน ณ ที่สถานที่แห่งนี้นะคะ (ภาพจากนักเขียน) พระราชวังเมื่อดูภายนอกแล้ว มีความกว้างขวางและใหญ่โตมโหฬารมาก นั่นบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ ซึ่งพระราชวังแห่งนี้มีถึง 3 ชั้นด้วยกันนั่นหมายถึงความมีอำนาจ ความเจริญรุ่งเรือง และการปกครองที่ดี ถึงแม้ว่าพระราชวังแห่งนี้จะได้ผ่านช่วงสงครามมาแล้วกี่ช่วงก็ตามหรือแม้แต่ได้รับผลกระทบที่แสนลำบากมามากเพียงใด แต่ความสวยงามภายในยังคงมีให้เห็น อีกทั้งยังมีของใช้โบราณสมัยนั้นให้ได้รับชมอีกด้วย เมื่อเดินดูไปรอบ ๆ ก็เหมือนเราได้เดินย้อนยุคกลับไปอยู่ในสมัยนั้น ไม่ว่าจะทุกข์ช่วงของพระราชวังแห่งนี้ มันทำให้ดิฉันรู้สึกว่า กษัตริย์ที่ได้ของพระราชวังนี้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ การที่ได้สร้างประตูถึง 3 ชั้นก็เพื่อป้องกันจากศัตรู กว่าจะถึงตัวกษัตริย์ ต้องผ่านด่านของทหารผู้คุ้มกันอย่างแน่นหนาอย่างแน่นอน ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ยังเป็นการสร้างในรูปแบบของพระราชวังจีนอีกด้วย (ภาพจากนักเขียน) ช่วงกลางของพระราชวังเป็นท้องพระโรง (ตำหนักไทฮวา) เพื่อให้ราชวงศ์หรือขุนนางได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ เพื่อหารือและไต่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองและแก้ปัญหามากมายของชาวบ้านได้ ณ ที่ท้องพระโรงแห่งนี้ และกษัตริย์ที่ 13 ได้ทำการสละบัลลังก์ที่ท้องพระโรงแห่งนี้อีกด้วยค่ะ ซึ่งเป็นการจบสิ้นของการปกครองระบอบกษัตริย์ และได้เปลี่ยนเป็นแบบระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน ที่นี่ใหญ่จริง ๆ ค่ะ ใหญ่ขนาดไหนลองคิดดูค่ะ ในพระราชวังมีตำหนักน้อยใหญ่ มีวัด มีสวนดอกไม้ครบทุกอย่าง ดิฉันคิดว่าก็เพราะคนในออกไม่ได้จึงต้องสร้างให้ครบทุกอย่างเพื่อความผ่อนคลายเป็นแน่ค่ะ (ภาพจากนักเขียน) มันทำให้ดิฉันไม่น่าเชื่อเลยว่า ณ สถานที่แห่งนี้ได้ผ่านสงครามมามากมาย เพราะเนื่องจากพระราชวังยังคงสวยงามและสมบูรณ์แบบ หรือยังคงสื่อถึงการมีอำนาจในตัวของพระราชวัง โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอกแต่ความรู้สึกสัมผัสได้กับความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ มาเที่ยวเวียดนามอย่าพลาดกับมรดกโลก พระราชวังต้องห้ามพระราชวังเว้