หลายคนอาจจะเคยมาเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ กันแล้วหลายครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่าวัดสำคัญต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ มีที่มาที่ไปอย่างไรกันบ้าง วันนี้ ผมจะขอพาทุกท่าน เที่ยววัดแบบรู้ประวัติ ความเป็นมาของวัดแต่ละวัด แบบคร่าว ๆ ว่าใครเป็นผู้สร้าง และเหตุใดจึงได้สร้างวัดนี้ขึ้นมา จะได้เที่ยวแบบย้อนอดีตกันเลยครับ ไปครับเที่ยวกันทีละวัดเลยนะครับ 1. วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดพระธาตุดอยสุเทพ สร้างในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราข เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ( ตามตำนาน เล่าว่า พระเจ้ากือนา ได้ทรงสรงน้ำพระบรมสาริกธาตุ ที่ได้จากพระสุมนเถระ เมื่อพระเจ้ากือนาได้ทรงสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุเสร็จ พระธาตุก็แสดงปาฏิหาริย์ แยกออกเป็นสององค์ พระเจ้ากือนาทรงโปรดให้สร้างเจดีย์ ที่วัดสวนดอกขึ้นเพื่อบรรจุพระธาตุ 1 องค์ และอีก 1 องค์ให้ประดิษฐานบนหลังช้าง และปล่อยให้ช้างเดินไปเรื่อย ๆ ตามคติโบราณว่า จะประดิษฐานพระธาตุที่ไหนต้องเอาไว้บนหลังช้าง และให้ช้างเดินไป และคอยแอบดูว่าช้างเดินไปทางไหน ปรากฏว่าช้างที่ทรงพระธาตุ องค์ที่ 2 ก็เดินไปทางทิศตะวันตก ขึ้นไปบนดอยอ้อยช้าง เพราะมีหน่อไม้อยู่มาก ( คนเหนือเรียกหน่อไม้ว่าอ้อยช้าง ) ช้างก็เดินไปเกือบถึงยอด ก็ไปหยุดตรงนั้น พระเจ้ากือนาเลยโปรดให้ขุดดินตรงนั้นขึ้น แล้วเอาหินทำแท่นกล่องหิน เอาพระธาตุบรรจุไว้ในนั้น ฝังไว้ใต้ดิน สร้างพระธาตุทับลงไปบนนั้น ก็คือ พระธาตุดอยสุเพทนั่นเอง วัดพระธาตุดอยสุเทพถือเป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร และเป็นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่ มาจนถึงปัจจุบัน ที่อยู่ : 9 หมู่ที่ 9 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/CVC2eESQN6dyfxPn8 เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น. 2. วัดพระสิงห์วรวิหาร วัดพระสิงห์ สร้างในสมัยพระเจ้าผายู โดยได้โปรดให้สร้างกู่บรรจุอัฐิพระบิดา ( คือ พระเจ้าคำฟู ) เอาไว้ที่สถานที่แห่งนี้ ถ้าเราไปตอนนนี้ก็จะเห็นมีกู่เล็ก ๆ บริเวณที่จอดรถ ทำด้วยศิลาแลง ก็เชื่อว่าตรงนั้นเป็นที่บรรจุอัฐิพระเจ้าคำฟู เมื่อสร้างกู่แล้ว ก็จึงสร้างวัดด้วย จะได้มีคนมาทำบุญ วันนี้ชื่อเดิมว่า “วัดพระเชียง” คือ วัดในเมือง ต่อมามีวัดก็มีชาวบ้านมาค้าขายของหน้าวัด ก็เลยเกิดเป็นตลาดขึ้นที่หน้าวัด เรียกว่า “ตลาดลีเชียง” ต่อมานาน ๆ เข้า คนจึงเอาชื่อทั้งวัดทั้งตลาดมารวมกัน เป็น “วัดลีเชียงพระ” ต่อมาเมื่อมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ มาจากเมืองเชียงราย มาไว้ยังวัดลีเชียงพระ ชาวบ้านเลยเรียกชื่อวัดนี้ ตามชื่อพระพุทธสิหิงค์ ว่า “วัดพระสิหิงค์” แต่คนเหนือนิยมตัดคำให้สั้น ก็เลยกลายเป็น “วันพระสิงห์” จนถึงทุกวันนี้ ชื่อวัดก็มาจากที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ของคนเชียงใหม่ ไม่ใช่เพราะมีสิงห์โตตัวใหญ่ยืนอยู่หน้าวัด ถ้าเราสังเกตวัดทั่วไป หน้าประตูวัดจะมีสิงห์โตอยู่หน้าวัดเสมอ ซึ่งเป็นอิทธิพลพม่า วัดพระสิงห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ที่อยู่ : 2 ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/RrAtKhRsrm3fD5jDA เปิดให้เข้าชม : 06.00-17.00 น. 3. วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตามประวัติกล่าวว่า กาลครั้งหนึ่ง ได้มีพ่อค้าชาวเมืองเชียงใหม่คนหนึ่ง ได้ไปค้าขายใน “เมืองทัน “คือ “เมืองเมาะตะมะ” ในหัวเมืองมอญฝ่ายใต้ เมื่อขายของหมดก็เดินทางกลับมาเชียงใหม่ ก็มาพักใต้ต้นไม้หนึ่ง ( อาจจะเป็นต้นโพธิ์ ) ในคืนนั้นปรากฏว่าได้มีรุกขเทวดา ออกมาสำแดงตนว่า ตนเองแท้จริงแล้วคือ “พระเจ้ากือนา” กษัตริย์องค์ก่อน ที่สิ้นพระชนม์ไป แต่ไม่ได้ไปจุติบนสวรรค์ เหมือนกษัตริย์องค์อื่น ๆ ด้วยสาเหตุว่าตอนที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ได้โปรดการคล้องช้าง ก็เลยเป็นอกุศลกรรมที่ติดตัว ทำให้ตายแล้วไม่ได้เกิดบนสวรรค์ ก็มาเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ที่ต้นไม้นี้ รุกขเทวดา จึงบอกพ่อค้ากลุ่มนี้ว่า ให้ไปทูลกษัตริย์เชียงใหม่ ในขณะนั้นว่าให้มาสร้างเจดีย์ขึ้นตรงจุดนี้ใหม่มีความสูงสามารถมองเห็นได้โดยรวม คือ 1 โยชน์ วันรุ่งขึ้นพ่อค้าก็ไปกราบทูลกษัตริย์เชียงใหม่ กษัตริย์เชียงใหม่ก็ได้มาสร้างเจดีย์ขึ้นตรงจุดนี้ ตามที่รุกขเทวดาบอก แต่สร้างไม่ได้ใหญ่โตตามที่รุกขเทวดาบอก ต่อมาในสมัยพระเจ้าติโลกราช คือ รัชกาลถัดมาอีก ก็ทราบเรื่องราว จึงมาสร้างเจดีย์ องค์นี้ครอบทับองค์เดิมที่สร้างครั้งแรกไว้ภายใน และให้มีความสูง 1 โยชน์ คือ มองเห็นได้ไปไกล 1 โยชน์ ตามที่รุกขเทวดาบอก ก็ถือว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในภาคเหนือ คือ มีความสูง 90 เมตร ต่อมาในสมัยรัชกาลของพระมหาเทวีจิระประภา ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมืองเชียงใหม่ ทำให้เจดีย์หลวงองค์นี้สั่นสะเทือน ทำให้ยอดที่สูงมากพังทลายลงมา เหลือเท่าที่เราเห็นในปัจจุบัน คือ สูงประมาณ 60 เมตร ที่อยู่ : 103 ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/ycbPaFgRjyKefuTFA เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น. 4. วัดเชียงมั่น เป็นวัดที่สร้างขึ้นวัดแรกของเมืองเชียงใหม่ ( เก่าสุดในเมืองเชียงใหม่ ) ตามประวัติกล่าวว่า พญามังราย เมื่อสร้างนครเชียงใหม่ แล้วก็โปรดให้สร้างพระราชวังขึ้น และวัดเชียงมั่นติดกับพระราชวังที่ประทับ พระราชวังก็น่าจะอยู่ทางด้านหลัง ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า “คุ้มแก้ว” ตอนหลังเป็นคุ้มของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่สืบต่อมา ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรม “เชียงมั่น” เป็นความหมายที่เป็นมงคล แปลว่า วัดหรือเมืองที่มั่นคง ที่อยู่ : 171 ถนนราชภาคินัย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/2Yp9GYteKn6QXENRA เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.30 น. 5. วัดสวนดอก หรือ วัดบุปผาราม ชื่อเต็มคือ วัดสวนดอกไม้ แต่ชาวบ้านเรียกสั้น ๆ ว่า “วัดสวนดอก" ( ดอกพยอม เป็นไม้ยืนต้นที่ออกดอกเป็นสีขาวแต่เดิมจะอยู่เต็มวัด ด้านข้างวัดจะมีกาดต้นพยอม ก็คือ ตลาดต้นพยอม ) เหตุของการสร้างวัด คือ แต่เดิมตรงนี้เป็นราชอุทยาน ที่กษัตริย์ล้านนาจะเสด็จออกมาประพาสสวน คือ อยู่นอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ทางด้านตะวันตก ฉะนั้นประตูทางด้านตะวันตกของเชียงใหม่ จะเรียกว่า “ประตูสวนดอก” คือเป็นชื่อเดียวกับวัดนี้ ต่อมาพระเจ้ากือนา ได้ส่งทูตไปอาราธนา พระสมะณะเถระ จากราชสำนักสุโขทัย เพื่อมาเผยแพร่พุทธศาสนาในอาณาจักรล้านนา พระเจ้ากือนา จึงโปรดให้สร้างวัดขึ้นตรงราชอุทยานตรงนี้ และตั้งชื่อเป็นทางการว่า “วัดบุปผาราม” ชาวบ้านก็เรียกว่าวัดสวนดอกไม้ และเพี้ยนเป็น “วัดสวนดอก” มาจนถึงทุกวันนี้ ที่อยู่ : 139 ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/FSoL2Wxyh2AsA6Zt9 เปิดให้เข้าชม : 09.00-21.00 น. 6. วัดเจ็ดยอด หรืออีกชื่อ คือ วัดโพธาราม เหตุของการสร้างวัดนี้ คือ ใน รัชกาลของสมเด็จพระเจ้าติโลกราช ซึ่งเป็นมหาราชของเมืองเชียงใหม่ ในรัชกาลของพระองค์ อยู่ในช่วงปี พ.ศ.2000 พอดี ท่านก็เห็นว่าเป็นปีมงคลอย่างยิ่ง ที่พระพุทธศาสนา มีอายุยาวนานมาได้ถึง 2,000 ปี เพราะฉะนั้นพระเจ้าติโลกราช เลยคิดที่จะสร้างวัดขึ้นในเหตุการณ์เฉลิมฉลองครั้งนี้ เลยโปรดให้ส่งหมื่นด้ามพร้าคด ซึ่งเป็นช่างคนหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ไปยังพุทธคยา เพื่อไปจำลองมหาวิหารที่พุทธคยา มาสร้างไว้ที่ทางทิศเหนือของเมืองเชียงใหม่ หมื่นด้ามพร้าคด ก็ได้นำรูปแบบของวิหารที่พุทธคยา มาสร้างที่วัดนี้ วิหารนี้มีทั้งหมดเจ็ดยอด คือ เป็นยอดแบบพุทธคยา คือ ทรงพีระมิด 5 ยอด ( ยอดใหญ่ตรงกลาง 1 และมีอีก 4 มุม ) และมีแบบทรงกลมอีก 2 ยอด รวมเป็น 7 ยอด ชาวบ้านจึงเรียกว่า “วัดเจ็ดยอด” และวิหารนี้ ยังเคยเป็นสถานที่สังคยานาพระไตรปิฎก ที่อยู่ : 90 หมู่ที่ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัด : https://goo.gl/maps/1HQeFJT8TSRCuZxE6 เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น. เป็นอย่างไรกันบ้าง กับ ประวัติความเป็นมาแบบคร่าว ๆ ของแต่ละวัด ที่ผมได้พาทุกท่านมาเที่ยวชม ครั้งต่อไปเดี๋ยวผมจะเจาะลึกแต่ละวัด มาให้อ่านกันอย่างละเอียดเลยนะครับ รูปภาพทั้งหมดโดยนักเขียน